สืบค้นงานวิจัย
การคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่เหมาะสมต่อการผลิตเมล็ดและต้นถั่วลิสงแห้งอาหารสัตว์บนพื้นที่นาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายทรงยศ โชติชุติมา - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่เหมาะสมต่อการผลิตเมล็ดและต้นถั่วลิสงแห้งอาหารสัตว์บนพื้นที่นาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชื่อเรื่อง (EN): Selection of the Suitable Peanut Variety and Plant Spacing on Growth, Grain Yield and Nutritional Value of Bi-Purpose Peanut for Peanut Hay Production on Paddy Field in the North-Eastern
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นายทรงยศ โชติชุติมา
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่ให้ทั้งผลผลิตเมล็ดสูง และส่วนลำต้นใบดกและมีคุณค่าทางโภชนะเหมาะสมสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง และประเมินความพึงพอใจ ของเกษตรกรและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของถั่วลิสงสายพันธุ์ใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วสายพันธุ์เดิม ภายใต้สภาพการจัดการระยะปลูกแตกต่างกันในแปลงนาของเกษตรกรพื้นที่จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ ในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคม 63 - เมษายน 64) วางแผนการทดลองแบบสปลิทพลอท (split plot) in RCBD ประกอบด้วย 4 ซ้ำ ปัจจัยหลัก คือ 1. ระยะปลูกกว้าง (ปลูก 2 แถว) และ 2. ระยะปลูกแคบ (ปลูก 3 แถว) และปัจจัยรองประกอบด้วยถั่วลิสง 4 พันธุ์/สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ใหม่ จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ KUP13W027 และ KUP11200-1 และพันธุ์เปรียบเทียบ (ไทนาน 9 และขอนแก่น 5) การเก็บข้อมูลถั่วลิสงด้วยการวัดการ เจริญเติบโต ผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิต คุณค่าทางโภชนะใบและต้นถั่วลิสง ประเมินความต้านทานโรค ยอดไหม้และใบจุด ความพึงพอใจของเกษตรกรที่มีต่อถั่วลิสง และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ จากผลการ ทดลองพบว่าการปลูกถั่วลิสงสายพันธุ์ KUP13W027 ร่วมกับระยะแคบ ให้ผลผลิตฝัก และเมล็ดแห้ง (514.70 และ 333.74 กิโลกรัม/ไร่) มากกว่าพันธุ์ไทนาน 9 และขอนแก่น 5 ซึ่งเป็นพันธุ์เปรียบเทียบ นอกจากนี้ การ ปลูกถั่วลิสงสายพันธุ์ KUP13W027 ร่วมกับระยะแคบ ยังให้ผลผลิตใบรวมต้นแห้ง (1,563 กิโลกรัม/ไร่) มากกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ ส่วนน้ำหนักเมล็ด 100 เมล็ดที่ได้จากสายพันธุ์ KUP13W027 ภายใต้ทั้งสองระยะ ปลูกและทั้งในพื้นที่จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ มีขนาดเมล็ดที่เหมะสมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ อุตสาหกรรม (35-60 กรัม/100 เมล็ด) ในด้านคุณค่าทางโภชนะของถั่วลิสง ระยะปลูกไม่ทำให้คุณค่าทาง โภชนะแตกต่างกัน ขณะที่พันธุ์/สายพันธุ์ถั่วลิสง ส่งผลต่อปริมาณความชื้น วัตถุแห้ง และ NDF ใบถั่วลิสงมี คุณค่าทางโภชนะดีกว่าต้น โดยเฉพาะโปรตีนหยาบ ADF และเถ้า เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพของถั่วลิสงแห้งตาม การแบ่งชั้นคุณภาพพืชแห้งตามปริมาณโปรตีนหยาบ พบว่าใบถั่วลิสงแห้งอยู่ในระดับคุณภาพดีจนถึงดีมาก ขณะที่ส่วนต้นแห้งอยู่ระดับปานกลางจนถึงคุณภาพดีทั้งในพื้นที่จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ การทดลองครั้งนี้ ไม่พบการระบาดของโรคยอดไหม้ แต่หากมีความเสี่ยงของการระบาดของโรคยอดไหม้ ควรหลีกเลี่ยงการปลูก ถั่วลิสงพันธุ์อ่อนแอต่อโรคฯ ดังนั้น การปลูก KUP13W027 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ต้านทานโรคฯ ระดับปานกลาง ร่วมกับระยะแคบจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียผลผลิต และมีผลตอบแทนที่ได้ต่ำกว่าพันธุ์ไทนาน 9 เล็กน้อย ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ หากมีโรคฯ ระบาดเกิดขึ้น ผลตอบแทนที่ได้จากสายพันธุ์ KUP13W027 จะ มากกว่าทุกๆพันธุ์/สายพันธุ์ที่ทดสอบ ด้วยเหตุนี้ การปลูกสายพันธุ์ KUP13W027 ร่วมกับระยะปลูกแคบที่มี ความเหมาะสมกับการใช้เป็นถั่วลิสงเอนกประสงค์ ซึ่งไม่เพียงให้ทั้งผลผลิตเมล็ดดีและผลผลิตชีวมวลส่วนใบ รวมต้นมาก แต่ยังสามารถต้านทานโรคยอดไหม้ได้
บทคัดย่อ (EN): The objective of the present study was to select plant spacing and peanut lines for producing a high grain and leaf/stem yield and to evaluate farmers’ satisfaction and economic value of promising peanut of 2 lines and 2 check varieties under different plant spacings in paddy field in Sakon Nakhon and Kalasin province during dry season (December 2020 – April 2021). The field experiment was arranged in split plot in RCBD with 4 replications. Main plots were wide plant spacing (2 rows) and narrow plant spacing (3 rows) and sub plot consisted of 4 varieties/lines; promising peanut lines of 2 lines (KUP11200-1 and KUP13W027) and 2 check varieties (Tainan 9 and Khon Kaen 5). The data collection of peanuts was measured growth, yield and yield components, nutritional value of leaf and stem, and evaluated peanut bud necrosis disease (PBND) resistance, farmers’ satisfaction, and economic value. The results showed that the KUP13W027 combination with narrow plant spacing showed a higher dry pod and grain yield (514.70 and 333.74 kg/rai) than Tainan 9 and Khon Kaen 5 as the check varieties. Moreover, the KUP13W027 combination with narrow plant spacing also showed a higher dry total leaf and stem (1,563 kg/rai) than both check varieties. Under two plant spacings and locations, KUP13W027 had 100-seed weight in the standard of the confectionary manufacturer (35-60 g/100 seeds). In case of nutritional value of peanut, there was no nutritional value under different plant spacings and peanut varieties/lines, while had effect moisture, dry matter and NDF. Peanut leaves had higher nutritional value than stem, especially CP, ADF and ash. Comparing with hay standard quality by CP content, leaves were in length of good-very good quality, while stems were in length of very moderate-good quality in both Sakon Nakhon and Kalasin province. There was no PBND infected peanut in the present study. If there is a significant risk of PBND spread, it should be avoided to cultivate the susceptible varieties. Therefore, KUP13W027 (moderately resistant) combination with narrow plant spacing help to reduce risk of yield loss and had slightly lower return than Tainan 9. If there is a significant risk of PBND spread, KUP13W027 will show a higher return than other varieties/lines in Kalasin province. For these reasons, KUP13W027 combination with narrow plant spacing in the suitable for use as bi purpose peanut. Not only showed high in both grain and total leaf and stem yield, but also PBND resistance.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
คำสำคัญ (EN): economic value
เจ้าของลิขสิทธิ์: ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่เหมาะสมต่อการผลิตเมล็ดและต้นถั่วลิสงแห้งอาหารสัตว์บนพื้นที่นาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2563
การพัฒนาดีเอ็นเอไบโอเซนเซอร์เพื่อการตรวจหาเชื้อลิสทีเรียในผลิตภัณฑ์อาหาร การทํานายคุณค่าทางโภชนะของพืชอาหารสัตว์วัสดุเหลือใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมด้วยเทคนิค Near Infrared Reflectance Spectroscopy (NIRS) การใช้เศษเหลือจากการผลิตลำไยเพื่อผลิตเป็นอาหารเสริมทดแทนการขาดแคลนอาหารในธรรมชาติสำหรับเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera L.) การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ การผลิตสารเสริมอาหารสําหรับสัตว์น้ําวัยอ่อนด้วยจุลินทรีย์ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวลูกผสมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพสำหรับการแปรรูปเชิงอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 ปีที่ 2 การศึกษาประสิทธิภาพของตํารับยาสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการเจริญของจุลินทรีย์ โพรไบโอติกในการเสริมภูมิคุ้มกัน และยับยั้งกลไกการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) เพื่อนําประยุกต์ การพัฒนาระบบอาหาร (Food system) ของประเทศไทย : ระบบการผลิตสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหาร การสํารวจโรคติดเชื้อโคโรนาและโควิด 19 ในปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก