สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาสมบัติการไหลและสมบัติเชิงกลในพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางคลอริเนเทตพอลิเอทธิลีนกับยางธรรมชาติโดยมีดินขาวเป็นสารตัวเติม
Thitiporn Hongthong - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษาสมบัติการไหลและสมบัติเชิงกลในพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางคลอริเนเทตพอลิเอทธิลีนกับยางธรรมชาติโดยมีดินขาวเป็นสารตัวเติม
ชื่อเรื่อง (EN): Rheological and mechanical properties in clay filled chlorinated polyethylene and natural rubber blends
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Thitiporn Hongthong
บทคัดย่อ: ในงานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาสมบัติการไหล สมบัติเชิงกล สมบัติการทนต่อน้ำมันและความร้อนของยางคู่ผสมระหว่าง ยางคลอริเนเทตพอลิเอทธิลีนและยางธรรมชาติในอัตราส่วนโดยน้ำหนัก 80 ต่อ 20 โดยมีดินขาวเป็นสารตัวเติมในระบบการ เชื่อมโยงด้วยกำมะถัน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาถึงผลของสารคู่ควบไซเลนและดินขาวขนาดอนุภาคนาโนต่อสมบัติต่างๆดังกล่าว ข้างต้น จากผลการทดลองพบว่าเมื่อปริมาณของดินขาวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การเกิดพันธะเชื่อมโยงสูงขึ้น ทำให้คอมโพสิทที่ได้มี สมบัติเชิงกลที่ดีขึ้น โดยการเสริมแรงดังกล่าวเกิดผ่านกระบวนการ hydrodynamic effect เป็นหลักตราบที่ปริมาณดินขาว มีค่าน้อยกว่าวิกฤติ นอกจากนี้พบว่าสมบัติการทนต่อความร้อนและน้ำมันไม่ขึ้นกับปริมาณของดินขาว ในระบบคอมโพสิทนี้ไม่ พบการเกิดโครงตาข่ายของสารตัวเติม (filler transient network) และอันตรกิริยาที่แข็งแรงระหว่างพอลิเมอร์กับดินขาว การเติมสารคู่ควบไซเลนลงในยางคู่ผสมที่มีดินขาวอยู่ 50 ส่วน ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปริมาณพันธะเชื่อมโยงเพียง เล็กน้อยเนื่องจากปริมาณเพียงเล็กน้อยของหมู่ไซลานอลบนผิวของดินขาวที่ถูกยับยั้งด้วยสารคู่ควบไซเลน การปรับปรุงสมบัติ เชิงกลสามารถทำได้โดยการใช้สารคู่ควบไซเลนในปริมาณที่เหมาะสมที่จะเพิ่มอันตรกิริยาระหว่างพอลิเมอร์และดินขาว อย่างไรก็ ตามการใช้สารคู่ควบไซเลนในปริมาณที่สูงเกินไปจะส่งผลเสียต่อสมบัติเชิงกลอันเนื่องมาจากการเกิด Plasticising effect นอกจากนี้ยังพบการเคลื่อนตัวของดินขาวเข้าไปยังวัฏภาคของยางธรรมชาติในปริมาณที่สูงขึ้นเมื่อเพิ่มปริมาณสารคู่ควบไซเลนอัน เนื่องมาจากจากความเป็นขั้วที่ลดลงของดินขาว ทำให้สามารถเข้ากับวัฏภาคของยางธรรมชาติได้ดีกว่าคลอลิเนเทตพอลิเอทธิลีน การเติมดินขาวขนาดอนุภาคนาโนที่ปรับสภาพด้วยสารอินทรีย์ (Organoclay) ชนิดต่างกันในปริมาณ 10 phr ลงในยางคู่ผสมจะทำให้ยางคู่ผสมมีการเชื่อมโยงพันธะมากขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเห็นเด่นชัดที่สุดในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 ตามด้วยชนิด 2HT-75 ชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับสภาพ (Bentonite) สมบัติเชิงกลของ คอมโพสิทขึ้นกับอันตรกิริยาระหว่างดินขาวกับพอลิเมอร์ผสมและความหนาแน่นพันธะข้าม อย่างไรก็ตามชนิดของดินขาวไม่ส่งผล มากนักต่อสมบัติการทนต่อน้ำมันและความร้อน ผลของเพนน์ (Payne effect) เห็นได้อย่างชัดเจนมากในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 และ 2HT-75 เมื่อเปรียบเทียบกับชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับสภาพ ซึ่งคาดว่าเกิดจากเกิดการ เชื่อมโยงระหว่างชั้นของซิลิเกตในดินขาว (Tactoids) ร่วมกับอันตรกิริยาที่แข็งแรงระหว่างดินขาวกับพอลิเมอร์ผสม ผลของ สมการ Guth-Gold พบว่าการเสริมแรงที่เกิดขึ้นในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 และ 2HT-75 เป็นผลของทั้ง อันตรกิริยาเชิงกายภาพและเชิงเคมี ในขณะที่การเสริมแรงดังกล่าวในกรณีของดินขาวชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับ สภาพเป็นผลมาจากอันตรกิริยาเชิงกายภาพเป็นหลัก
บทคัดย่อ (EN): With the use of sulphur vulcanisation, blend composites of 80/20 Chlorinated polyethylene (CPE)/Natural rubber(NR) filled with various loadings of China clay were prepared. Viscoelastic, mechanical, oil resistance and thermal ageing properties of blend composites were investigated. Thereafter, the effects of silane coupling agent and organoclays on these properties were studied. With increasing china clay loading, a cure promotion phenomenon was observed. This affects the mechanical properties of the composites to some extent. China clay offers only a slight reinforcement of blend composites mainly via the hydrodynamic effect as long as the critical loading is not exceeded. Oil and thermal ageing resistance are independent of clay loading. Neither filler transient network nor strong polymer-clay interaction was observed. When silane was incorporated into 50-phr china clay filled blend composites, only a slight cure promotion phenomenon was observed. This is attributed to the presence of only a small amount of active silanol groups on clay surfaces deactivated by silane. Also, enhanced mechanical properties were noticeable with appropriate silane loading. This is caused by the improvement in polymer-clay interaction. However, with an excessive amount of silane, the plasticising effect overrides the polymer-clay interaction, giving a decrease in mechanical properties. Also, it was found that the migration of clay to the NR phase significantly increases with increased silane loading, which can be explained by the deactivation of silanol groups making clay more hydrophobic (i.e., more compatible with NR phase but less compatible with CPE phase). With the addition of 10 phr organoclay to the blends, the cure promotion phenomenon was observed which is believed to be the result of clay alkalinity. The blend with the greatest cure promotion is Bentone38, followed by 2HT-75, T50-HFP and unmodified nanoclay. Mechanical properties of blend nanocomposites are governed by strong interaction between nanoclay layer and polymer matrix, apart from the crosslink density. However, type of organoclays does not influence strongly the resistances to oil and thermal ageing. A strong Payne effect was observed in the cases of blend nanocomposites filled with Bentone38 and 2HT-75, compared with T-50 HFP and unmodified bentonite. Such an effect may be due to the presence of interconnected nanoclay platelets or tactoids associated with strong filler-polymer interaction. Referred to the Guth-Gold equation, the reinforcing effect provided by Bentone38 and 2HT-75 in blend nanocomposites is the result of combined physical and chemical interaction while that in blends with unmodified bentonite and T-50 HFP is caused mainly by physical rather than chemical interaction.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=63&obj_id=64
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Viscoelasticity
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ในงานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาสมบัติการไหล สมบัติเชิงกล สมบัติการทนต่อน้ำมันและความร้อนของยางคู่ผสมระหว่าง ยางคลอริเนเทตพอลิเอทธิลีนและยางธรรมชาติในอัตราส่วนโดยน้ำหนัก 80 ต่อ 20 โดยมีดินขาวเป็นสารตัวเติมในระบบการ เชื่อมโยงด้วยกำมะถัน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาถึงผลของสารคู่ควบไซเลนและดินขาวขนาดอนุภาคนาโนต่อสมบัติต่างๆดังกล่าว ข้างต้น จากผลการทดลองพบว่าเมื่อปริมาณของดินขาวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การเกิดพันธะเชื่อมโยงสูงขึ้น ทำให้คอมโพสิทที่ได้มี สมบัติเชิงกลที่ดีขึ้น โดยการเสริมแรงดังกล่าวเกิดผ่านกระบวนการ hydrodynamic effect เป็นหลักตราบที่ปริมาณดินขาว มีค่าน้อยกว่าวิกฤติ นอกจากนี้พบว่าสมบัติการทนต่อความร้อนและน้ำมันไม่ขึ้นกับปริมาณของดินขาว ในระบบคอมโพสิทนี้ไม่ พบการเกิดโครงตาข่ายของสารตัวเติม (filler transient network) และอันตรกิริยาที่แข็งแรงระหว่างพอลิเมอร์กับดินขาว การเติมสารคู่ควบไซเลนลงในยางคู่ผสมที่มีดินขาวอยู่ 50 ส่วน ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปริมาณพันธะเชื่อมโยงเพียง เล็กน้อยเนื่องจากปริมาณเพียงเล็กน้อยของหมู่ไซลานอลบนผิวของดินขาวที่ถูกยับยั้งด้วยสารคู่ควบไซเลน การปรับปรุงสมบัติ เชิงกลสามารถทำได้โดยการใช้สารคู่ควบไซเลนในปริมาณที่เหมาะสมที่จะเพิ่มอันตรกิริยาระหว่างพอลิเมอร์และดินขาว อย่างไรก็ ตามการใช้สารคู่ควบไซเลนในปริมาณที่สูงเกินไปจะส่งผลเสียต่อสมบัติเชิงกลอันเนื่องมาจากการเกิด Plasticising effect นอกจากนี้ยังพบการเคลื่อนตัวของดินขาวเข้าไปยังวัฏภาคของยางธรรมชาติในปริมาณที่สูงขึ้นเมื่อเพิ่มปริมาณสารคู่ควบไซเลนอัน เนื่องมาจากจากความเป็นขั้วที่ลดลงของดินขาว ทำให้สามารถเข้ากับวัฏภาคของยางธรรมชาติได้ดีกว่าคลอลิเนเทตพอลิเอทธิลีน การเติมดินขาวขนาดอนุภาคนาโนที่ปรับสภาพด้วยสารอินทรีย์ (Organoclay) ชนิดต่างกันในปริมาณ 10 phr ลงในยางคู่ผสมจะทำให้ยางคู่ผสมมีการเชื่อมโยงพันธะมากขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเห็นเด่นชัดที่สุดในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 ตามด้วยชนิด 2HT-75 ชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับสภาพ (Bentonite) สมบัติเชิงกลของ คอมโพสิทขึ้นกับอันตรกิริยาระหว่างดินขาวกับพอลิเมอร์ผสมและความหนาแน่นพันธะข้าม อย่างไรก็ตามชนิดของดินขาวไม่ส่งผล มากนักต่อสมบัติการทนต่อน้ำมันและความร้อน ผลของเพนน์ (Payne effect) เห็นได้อย่างชัดเจนมากในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 และ 2HT-75 เมื่อเปรียบเทียบกับชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับสภาพ ซึ่งคาดว่าเกิดจากเกิดการ เชื่อมโยงระหว่างชั้นของซิลิเกตในดินขาว (Tactoids) ร่วมกับอันตรกิริยาที่แข็งแรงระหว่างดินขาวกับพอลิเมอร์ผสม ผลของ สมการ Guth-Gold พบว่าการเสริมแรงที่เกิดขึ้นในกรณีของดินขาวชนิด Bentone38 และ 2HT-75 เป็นผลของทั้ง อันตรกิริยาเชิงกายภาพและเชิงเคมี ในขณะที่การเสริมแรงดังกล่าวในกรณีของดินขาวชนิด T-50 HFP และชนิดที่ไม่ได้ปรับ สภาพเป็นผลมาจากอันตรกิริยาเชิงกายภาพเป็นหลัก
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาสมบัติการไหลและสมบัติเชิงกลในพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางคลอริเนเทตพอลิเอทธิลีนกับยางธรรมชาติโดยมีดินขาวเป็นสารตัวเติม
Thitiporn Hongthong
มหาวิทยาลัยมหิดล
31 มีนาคม 2552
สมบัติการไหลและสมบัติเชิงกลของพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางคลอริเนตเทตพอลิเอทธิลีนและยางธรรมชาติที่เชื่อมโยงพันธะด้วยซัลเฟอร์ การศึกษาผลของน้ำยางธรรมชาติและสารตัวเติมที่มีต่อสมบัติของโฟมแป้งมันสำปะหลัง การศึกษาการนำกลับมาใช้ใหม่ของพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางคลอลิเนตเตืพอลิเอททิลีนกับยางธรรมชาติ การปรับปรุงสมบัติการยึดติดระหว่างยางธรรมชาติกับยางไนไตรล์โดยวิธีคลอริเนชั่นบนพื้นผิวของยางธรรมชาติ การศึกษาผลกระทบของเขม่าดำที่มีต่อสมบัติของพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางธรรมชาติกับยางอะคริลิค สมบัติของยางผสมระหว่างยางธรรมชาติกับ ทรานส์พอลิไอโซปรีนที่ผ่านการวัลคาไนซ์แล้ว การเสริมแรงยางธรรมชาติโดยใช้สารตัวเติมผสมของซิลิกาและผงเขม่าดำ สมบัติเชิงกลของวัสดุผสมเซรามิก/ท่อนาโนคาร์บอน/ยาง เพื่อใช้ทำยางรถยนต์ที่มีความต้านทานการหมุนต่ำ อิทธิพลของความหนาผิวเคลือบพอลิยูริเทนและปริมาณผงไททาเนียมไดออกไซด์ในผิวเคลือบที่มีต่อสมบัติการถ่ายเทความร้อนของผลิตภัณฑ์หลังคายางจากวัสดุผสมยางธรรมชาติและขี้เลื่อยไม้ สมบัติของยางผสมระหว่างยางธรรมชาติและยางเอสบีอาร์ซึ่งมีผลจากการใส่สารเสริมแรงประเภทคาร์บอนแบรคและซิลิกา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก