สืบค้นงานวิจัย
การตอบสนองทางฟีโนไทป์ของข้าวต่อสภาพเครียดจากความเค็มภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
Suriyan Cha-um - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การตอบสนองทางฟีโนไทป์ของข้าวต่อสภาพเครียดจากความเค็มภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
ชื่อเรื่อง (EN): Phenotypic responses of rice (oryza sativa L. indica) to salt stress controlled by environmental engineering system
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Suriyan Cha-um
บทคัดย่อ: ดินเค็มเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อเซลล์พืช โดยยับยั้งศักยภาพการใช้น้ำ ส่งผลให้พืชมีการเจริญ เติบโตลดลงและให้ผลผลิตต่ำ การตอบสนองของพืชต่อความเครียดจากความเค็มนั้นมีหลายกลไก ซึ่งแปรผันได้ ตามเงื่อนไขของสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ในการศึกษาลักษณะการตอบสนองของพืชจึงจำเป็นต้อง ศึกษาภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมปัจจัยแปรผันอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ โดยในงานวิจัยนี้ได้ใช้ข้าว เป็นพืชต้นแบบในการศึกษา ซึ่งพบว่าลักษณะทางฟีโนไทป์ของข้าวที่เพาะเลี้ยงภายใต้ระบบที่ใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นแหล่งพลังงาน มีระดับการตอบสนองต่อความเค็มที่รุนแรงกว่าการเพาะเลี้ยงภายใต้ระบบ ที่ใช้น้ำตาลซูโครสเป็นแหล่งพลังงาน โดยที่สภาพความชื้นต่ำและภาวะความเป็นกรดของอาหารเพาะเลี้ยงจะ กระตุ้นระดับการแสดงออกด้านชีวเคมีและสรีรวิทยาของข้าวต่อความเค็มให้มากขึ้น จากการศึกษาผลของสารไกล ซีนเบทีนซึ่งเป็นสารในกลุ่มควอเทอรนารีแอมโมเนียมที่ช่วยรักษาสมดุลย์ของแรงดันเต่งภายในเซลล์ พบว่าการ เติมสารไกลซีนเบทีนลงในอาหารจะช่วยส่งเสริมการดูดซึม และเพิ่มการสะสมสารไกลซีนเบทีนในเซลล์พืช ซึ่ง ส่งผลในการช่วยปกป้องเซลล์ โดยไปเพิ่มศักยภาพการใช้น้ำ และอัตราการสังเคราะห์แสงได้ดีกว่าต้นที่เติมสารโค ลีนและต้นที่ไม่เติมสารใดเลยตามลำดับ ในข้าวหอมพันธุ์ทนเค็มมีการสร้างและสะสมสารนี้เพื่อช่วยปกป้องเซลล์ ในปริมาณที่สูงกว่าข้าวพันธุ์ไม่ทนเค็ม รวมทั้งมีกลไกการทำงานของเอนไซม์เบทีนอัลดีไฮดีไฮโดรจีเนสสูงกว่า เช่นกัน และยังสามารถจำแนกลักษณะทางฟีโนไทป์ระหว่างข้าว 2 สายพันธุ์ได้จากลักษณะทางสรีรวิทยา เช่น อัตราการสังเคราะห์แสง ปริมาณเม็ดสีที่ถูกทำลาย อัตราการหายใจ และ ศักยภาพการปิด-เปิดปากใบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าการศึกษาภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สามารถศึกษาผลโดยตรงของปัจจัย แวดล้อมที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น ค่าความเป็นกรด-ด่าง และความชื้นสัมพัทธ์ โดยสามารถลดผลแปรผัน จากสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเคยเป็นข้อจำกัดของการทดสอบพันธุ์พืชในแปลงปลูกลงได้ การแสดงออกของข้าวพันธุ์ไม่ทนเค็มและพันธุ์ทนเค็มภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจะมีการตอบสนองต่อ ความเค็มอย่างแท้จริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพืชชนิดอื่นๆ ได้
บทคัดย่อ (EN): Salinity is one of the major problems that directly damage the plant cells and further inhibit the water use efficiency in plants, resulting in low growth rate and low productivity. Rice plant responses to salt stress is known to involve multifunction mechanisms, which are dramatically regulated by various environmental factors. To reduce the uncontrolled environmental signals, the phenotypic response of rice plants under salt stress were investigated under an in vitro environmental engineering system by using rice (Oryza sativa L. sub. indica) as a model plant. The phenotypic rice seedlings grown under a photoautotrophic system significantly expressed a response to salt stress more than those grown under a photomixotrophic system. Low relatively humidity (RH) and acidic pH conditions in the system caused severe symptoms of salt stress in the plants. The regulation of glycinebetaine (Glybet), a form of quaternary ammonium compounds that help to stabilize the osmotic potential of plant cells, was studied. The application of exogenous Glybet could promote the uptake of this compound to the cell and result in enhancement of water use efficiency and net photosynthetic rate (NPR) of the seedlings more than those applied with exogenous choline (Cho) and control, respectively. It was found that among the salt-tolerant and salt-sensitive lines of aromatic rice, different amounts of Glybet as well as the activity of BADH (Betaine aldehyde dehydrogenase) enzyme was obviously observed. The salt-tolerant line presented higher Glybet accumulation with high BADH activity more than those of salt-sensitive rice. Identification of salt stress response between them could be clarified by different parameters such as NPR, pigment degradation, respiration rate and stomatal conductance. Under the photoautotrophic environmental engineering system, the effect of each environmental factor such as pH and %RH could be observed without an interfering effect of other signals as presented normally in the field. The realistic expression in both of salt-sensitive and salt-tolerant lines of rice plant to salt stress under the environmental engineering system may represent the exact response and be applied for use in other crop species
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=341&obj_id=224
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Salinity
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ดินเค็มเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อเซลล์พืช โดยยับยั้งศักยภาพการใช้น้ำ ส่งผลให้พืชมีการเจริญ เติบโตลดลงและให้ผลผลิตต่ำ การตอบสนองของพืชต่อความเครียดจากความเค็มนั้นมีหลายกลไก ซึ่งแปรผันได้ ตามเงื่อนไขของสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ในการศึกษาลักษณะการตอบสนองของพืชจึงจำเป็นต้อง ศึกษาภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมปัจจัยแปรผันอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ โดยในงานวิจัยนี้ได้ใช้ข้าว เป็นพืชต้นแบบในการศึกษา ซึ่งพบว่าลักษณะทางฟีโนไทป์ของข้าวที่เพาะเลี้ยงภายใต้ระบบที่ใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นแหล่งพลังงาน มีระดับการตอบสนองต่อความเค็มที่รุนแรงกว่าการเพาะเลี้ยงภายใต้ระบบ ที่ใช้น้ำตาลซูโครสเป็นแหล่งพลังงาน โดยที่สภาพความชื้นต่ำและภาวะความเป็นกรดของอาหารเพาะเลี้ยงจะ กระตุ้นระดับการแสดงออกด้านชีวเคมีและสรีรวิทยาของข้าวต่อความเค็มให้มากขึ้น จากการศึกษาผลของสารไกล ซีนเบทีนซึ่งเป็นสารในกลุ่มควอเทอรนารีแอมโมเนียมที่ช่วยรักษาสมดุลย์ของแรงดันเต่งภายในเซลล์ พบว่าการ เติมสารไกลซีนเบทีนลงในอาหารจะช่วยส่งเสริมการดูดซึม และเพิ่มการสะสมสารไกลซีนเบทีนในเซลล์พืช ซึ่ง ส่งผลในการช่วยปกป้องเซลล์ โดยไปเพิ่มศักยภาพการใช้น้ำ และอัตราการสังเคราะห์แสงได้ดีกว่าต้นที่เติมสารโค ลีนและต้นที่ไม่เติมสารใดเลยตามลำดับ ในข้าวหอมพันธุ์ทนเค็มมีการสร้างและสะสมสารนี้เพื่อช่วยปกป้องเซลล์ ในปริมาณที่สูงกว่าข้าวพันธุ์ไม่ทนเค็ม รวมทั้งมีกลไกการทำงานของเอนไซม์เบทีนอัลดีไฮดีไฮโดรจีเนสสูงกว่า เช่นกัน และยังสามารถจำแนกลักษณะทางฟีโนไทป์ระหว่างข้าว 2 สายพันธุ์ได้จากลักษณะทางสรีรวิทยา เช่น อัตราการสังเคราะห์แสง ปริมาณเม็ดสีที่ถูกทำลาย อัตราการหายใจ และ ศักยภาพการปิด-เปิดปากใบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าการศึกษาภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สามารถศึกษาผลโดยตรงของปัจจัย แวดล้อมที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น ค่าความเป็นกรด-ด่าง และความชื้นสัมพัทธ์ โดยสามารถลดผลแปรผัน จากสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเคยเป็นข้อจำกัดของการทดสอบพันธุ์พืชในแปลงปลูกลงได้ การแสดงออกของข้าวพันธุ์ไม่ทนเค็มและพันธุ์ทนเค็มภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจะมีการตอบสนองต่อ ความเค็มอย่างแท้จริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพืชชนิดอื่นๆ ได้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การตอบสนองทางฟีโนไทป์ของข้าวต่อสภาพเครียดจากความเค็มภายใต้ระบบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
Suriyan Cha-um
มหาวิทยาลัยมหิดล
23 กรกฎาคม 2552
การตอบสนองของหม่อนต่อไนโตรเจนและน้ำ การตอบสนองของหญ้าแพงโกล่าต่อการใส่ปุ๋ยในพื้นที่ของเกษตรกร การตอบสนองของวงปีไม้สนสองใบต่อสภาพภูมิอากาศกรณีศึกษา : จังหวัดแม่ฮ่องสอน สุพรรณบุรีและเพชรบุรี ระยะเวลาการตอบสนองของแอนติบอดีต่อโปรตี แบบจำลองด้านสิ่งแวดล้อมของระบบจัดการพืชอาหารสัตว์อินทรีย์เพื่อผลิตโคเนื้อ การตอบสนองทางสรีรวิทยาเมื่อดื่มน้ำที่มีอุณหภูมิต่างกันในที่ที่มีความร้อนสูง สเปกตรัมของผลตอบสนองที่พิจารณาผลของแผ่นดินไหวสองทิศทาง การเปลี่ยนแปลงของปริมาณธาตุอาหารในการจัดการเลั้ยงกุ้งกุลาดำแบบพัฒนาระบบเปิดและระบบปิดในพื้นที่ความเค็มต่ำ บทบาทของเซ็นทรัลอะมิกดะลาและเม็ดดัลลาริราเฟ่ในการตอบสนองต่อการเต้นเร็วขึ้นของหัวใจที่มีผลมาจากความเครียด การเปรียบเทียบการใช้ฟอสฟอรัสภายใต้สภาพแอโรบิคและสภาพแอน็อคซิคในกระบวนการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพที่อายุตะกอนต่าง ๆ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก