สืบค้นงานวิจัย
โครงการบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557
ปราการ วีรกุล - สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
ชื่อเรื่อง: โครงการบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557
ชื่อเรื่อง (EN): Palm Oil and Oil Palm Research and Development Project
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ปราการ วีรกุล
บทคัดย่อ:   สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้สนับสนุนทุนวิจัยโครงการ “บริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557” แก่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ โดยมี นายปราการ วีรกุล เป็นหัวหน้าโครงการ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงานวิจัยมุ่งเป้าตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศโดยเร่งด่วน เรื่องปาล์มน้ำมัน ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 76 ล้านบาท 2) พิจารณาข้อเสนอโครงการวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน พัฒนาโครงการ กำหนดกรอบการวิจัย ติดตาม ประเมินผลและตรวจรับผลสำเร็จของโครงการ 3) เพื่อพิจารณากำหนดรหัสโครงการวิจัยจาก 5 ยุทธศาสตร์ เป็น 3 ลักษณะ เพื่อการควบคุมระบบบริหารงานโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และ 4) เป็นฝ่ายเลขานุการในการจัดประชุม ประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่นักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิตลอดจนผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยในเรื่องปาล์มน้ำมัน จากการศึกษาวิจัย พบว่า การบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557 เป็นปีที่ 2 ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์การวิจัยไว้ 5 ด้าน ดังนี้ 1) งานวิจัยเชิงนโยบายการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ 6 โครงการ 2) งานวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ และเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมัน 9 โครงการ 3) งานวิจัยเพื่อประเมินและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม 3 โครงการ 4) งานวิจัย การมาตรฐาน คุณภาพและการจัดการแต่ละขั้นตอน 2 โครงการ และ 5) งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเศษวัสดุเหลือใช้ในสวนปาล์มและการแปรรูปน้ำมันปาล์ม เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ 26 โครงการ ซึ่งได้รับการจัดสรรทุนสนับสนุนโครงการวิจัย รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์ม และโครงสร้างภาษีอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ โดย ผศ.ดร.จอมภพ แววศักดิ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ พบว่า การบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มนับว่าเป็นตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มของประเทศอย่างไรก็ตามการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มของประเทศให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลและความร่วมมือจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการ ทั้งนี้การกำหนดโครงสร้างภาษีของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มภายในประเทศที่เหมาะสมอาจใช้เป็นกลไกหนึ่งในการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ 2. โครงการการศึกษาความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนประกอบของต้นปาล์มน้ำมันของกลุ่มอาชีพในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดย นายปิยะ เพชรสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พบว่า มีการนำไปใช้เพื่อเลี้ยงโคขุน แพะขุน และเพาะเห็ดฟาง เกษตรกรผู้เพาะเห็ดฟางมีความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน น้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะขุน ภายใต้จุดแข็งคือปัจจัยการผลิตสามารถหาได้ง่ายในพื้นที่ จุดอ่อนคือการรวมกลุ่มยังขาดประสิทธิภาพ โอกาสคือผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด และอุปสรรคคือตลาดเป็นของผู้ซื้อ 3. โครงการการวิเคราะห์การลงทุนทางการเงินและระยะเวลาที่เหมาะสมในการปลูกทดแทนของสวนปาล์มน้ำมันขนาดเล็ก จังหวัดกระบี่ โดย รศ.ดร.ศศิวิมล สุขบท มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า อาชีพทำสวนปาล์มขนาดเล็กจังหวัดกระบี่ยังคงมีความมั่นคงทางรายได้และการลงทุนแม้ว่าในพื้นที่เหมาะสมน้อยจะมีความเสี่ยงมากพอสมควรต่อรายได้และต้นทุน อายุที่เหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีทดแทนสวนเก่าพื้นที่เหมาะสมมากและปานกลาง คือ 25 ปี พื้นที่เหมาะสมน้อย คือ 24 ปี การวิเคราะห์เชิงนโยบายแนะนำให้เกษตรกรสร้างภูมิรู้โดยด่วน โดยการให้คำแนะนำอย่างเข้าถึงสวนต่อสวนจากนักวิชาการเกษตรระดับพื้นที่ และควรรู้ภาพอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันระดับอาเซียนและโลกเพื่อรับมือกับการแข่งขันเสรี 4. โครงการการวิเคราะห์การลงทุนทางการเงินและระยะเวลาที่เหมาะสมในการปลูกทดแทนของสวนปาล์มน้ำมันขนาดเล็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย ดร.สุทธิจิตต์ เชิงทอง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า วิเคราะห์ความคุ้มค่า ความเสี่ยงในการปลูกปาล์มน้ำมันของผู้ปลูกรายย่อยไม่เกิน 50 ไร่ และวิเคราะห์หาอายุที่เหมาะสมในการปลูกทดแทน จำแนกตามสภาพพื้นที่ 3 ระดับ คือ เหมาะสมมาก เหมาะสมปานกลาง และไม่เหมาะสม พบว่าทุกสภาพความเหมาะสมมีความคุ้มค่าในการลงทุนแต่มีความเสี่ยงด้านรายได้ค่อนข้างสูง โดยระยะเวลาปลูกทดแทนที่เหมาะสมคือมากกว่า 25 ปีขึ้นไป แต่สภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดและมีความเสี่ยงสูงมากที่สุด 5. โครงการการศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์จากน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน โดย นายเสกสรร พาป้อง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประกอบด้วย 2 โครงการย่อย ดังนี้ 1) โครงการการย่อยที่ 1 วิเคราะห์เส้นทางการไหลของปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์จากน้ำมันปาล์มในด้านอาหารและพลังงาน พบว่า เกิดการสูญเสียน้ำมันปาล์มมากที่สุดจากกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ นอกจากนี้ ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมของระบบผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม พบว่า ส่วนใหญ่มาจากขั้นตอนการปลูกปาล์มน้ำมัน เนื่องจากการผลิตและการใช้ปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูก ซึ่งสามารถลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้โดยการใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่เหมาะสมกับพื้นที่ และ 2) โครงการย่อยที่ 2 การวิเคราะห์แนวทางการจัดการทรัพยากรและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพจากปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์จากน้ำมันปาล์มในด้านอาหารและพลังงาน พบว่า การบำบัดน้ำเสียโดยระบบถังกวนสมบูรณ์ผสมด้วยแบบยูเอเอสบี ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่ำสุด และการเปลี่ยนจากการบำบัดน้ำเสียแบบดั้งเดิมเป็นระบบผลิตก๊าซชีวภาพ ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนการนำของเสียชีวมวลจากกระบวนการผลิตไปใช้ประโยชน์สำหรับการผลิตความร้อนและไฟฟ้า การผลิตปุ๋ยอินทรีย์และการผลิตวัสดุทดแทนไม้ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ประโยชน์แบบดั้งเดิม 6. โครงการประเมินศักยภาพความทนแล้งของปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอราสายต้น สวก.1 ถึง สวก.16 โดย ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ กรมวิชาการเกษตร พบว่า การศึกษาความสัมพันธ์ของลักษณะการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมัน โดยใช้สมการสมดุลน้ำในดิน พบว่า จำนวนใบธงมีความสัมพันธ์กับปริมาณการขาดน้ำ และการตอบสนองต่อระดับน้ำท่วมขังที่ปาล์มน้ำมันแสดงออกคล้ายกับลักษณะการขาดน้ำ และพบว่าปาล์มน้ำมันบางคู่ผสมมีแนวโน้มที่ให้ผลผลิตค่อนข้างสูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7. โครงการการจัดการแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยวิธีการควบคุมแบบผสมผสาน โดย ดร.ชามา พานแก้ว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า การจัดการแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยวิธีการควบคุมแบบผสมผสานระยะแรกเพื่อการศึกษาถึงชนิดของแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันและข้อมูลแผนที่สารสนเทศภูมิศาสตร์สถานการณ์การระบาดของแมลงศัตรูปาล์มน้ำมัน พบว่ามีแมลงศัตรูที่ทำลายปาล์มน้ำมันได้อย่างรุนแรงและครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างกว้างขวางได้แก่ ด้วงแรดมะพร้าว เพลี้ยจักจั่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการการวางแผนการจัดการแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันแบบผสมผสานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป 8. โครงการการพัฒนาการขยายพันธุ์ปาล์มน้ำมันโดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในอาหารเหลว (liquid culture) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายพันธุ์ปาล์มน้ำมันในอนาคต โดย ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นการพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีในอาหารเหลว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตต้นอ่อนปาล์มในระดับ large scale โดยวิธีการที่ประยุกต์ใช้นั้น สามารถเพิ่มจำนวนเอมบริโอจีนิคแคลลัสและสามารถพัฒนาให้เป็นต้นสมบูรณ์ได้มากและเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการลดแรงงานและต้นทุนในการผลิตโคลนปาล์มน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด 9. โครงการแผนงานการจัดการเพื่อเพิ่มผลผลิต และการใช้ของเสียจากปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนในที่ราบภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย โดย ศ.ดร.อัญชลี สุทธิประการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย ดังนี้ 1) โครงการย่อยที่ 1 การจัดการธาตุอาหารหลัก รองและจุลธาตุอาหารในดินเปรี้ยวจัดที่ใช้ปลูกปาล์มน้ำมันในเขตที่ราบภาคกลางของประเทศไทย เพื่อให้ได้ผลผลิตคุ้มค่ากับการลงทุนทางด้านธาตุอาหารพืชสูงสุดปีที่ 2 พบว่าการจัดการปุ๋ยเอ็น พี เค และโบรอนร่วมกับการใส่ปูนโดโลไมต์ สำหรับปาล์มน้ำมันที่ปลูกในดินเปรี้ยวจัด พบว่า การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินด้วยสัดส่วน N : P2O5 : K2O : BO3 เท่ากับ 1.3: 1: 3.9 : 0.14 หรือเทียบเท่ากับการใส่ปุ๋ย N=598,P2O5 = 460, K2O = 1,800และ BO3=62 กรัม/ต้น/ปี ทำให้ปาล์มน้ำมันมีจำนวนทะลายปาล์มสะสม น้ำหนักทะลายปาล์มสะสม น้ำหนักต่อทะลายสะสมสูงที่สุดและให้ผลตอบแทนสูงที่สุด อย่างไรก็ตามเกษตรกรจำเป็นต้องวิเคราะห์ดินและใบปาล์มใบที่ 17 ก่อนการใส่ปุ๋ยทุกปี 2) โครงการย่อยที่ 2 การจัดการดินเปรี้ยวจัดเพื่อส่งเสริมการเติบโตของรากปาล์มน้ำมัน และลดความเป็นกรดจัด และอะลูมินัมเป็นพิษในที่ราบภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย ปีที่ 2 พบว่าการทดสอบเทคโนโลยีการจัดการที่ประกอบด้วยการใส่ปูนตามความต้องการปูนของดิน การรักษาระดับน้ำในร่องข้างแปลงปลูกให้ต่ำกว่าสันร่อง 50 เซนติเมตร และการจัดการปุ๋ย NPK ที่เน้น K ได้ผลเชิงบวก และการศึกษาดินเปรี้ยวจัดเพิ่มเติมในที่ราบภาคกลางและภาคตะวันออก ชี้ให้เห็นว่าสามารถพัฒนาที่ดินเปรี้ยวจัดให้ปลูกปาล์มน้ำมันได้ หากมีความต้องการจะขยายพื้นที่ปลูก และ 3) โครงการย่อยที่ 3 การจัดการและการเพิ่มมูลค่าของเสียที่เกิดจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในการผลิตทางการเกษตร ได้ดำเนินการจัดทำแปลงทดลองเพื่อศึกษาการตอบสนองของวัสดุปรับปรุงดินจากปาล์มน้ำมันต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของปาล์มน้ำมันที่ปลูกบนดินเปรี้ยวจัด โดยได้ทำการวิเคราะห์ทางเคมีของตัวอย่างดินและใบพืช และบันทึกการเจริญเติบโตและผลผลิตทะลายสะสมผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าดินและหน่วยทดลองมีความสม่ำเสมอ แต่ผลการของวัสดุปรับปรุงดินต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของปาล์มน้ำมันจำเป็นต้องมีการทดลองในระยะยาว 10. โครงการแผนงานการค้นหาและการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะที่สำคัญในปาล์มน้ำมัน โดย ผศ.ดร.พจมาลย์ สุรนิลพงศ์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ประกอบด้วย 2 โครงการย่อย ดังนี้ 1) โครงการย่อยที่ 1 การค้นหาและการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึม การลำเลียงและการรักษาสมดุลของแร่ธาตุอาหารในปาล์มน้ำมัน สามารถค้นพบยีนกลุ่มนี้ในปาล์มน้ำมัน 12 ยีน โดยมียีนที่มีการแสดงออกมาก ได้แก่ NRT1, NRT2, AMT1, AMT2, PT1, HAK6 และ MgT การให้ปุ๋ยทำให้มีปาล์มน้ำมันมีการเจริญเติบโตและการสะสมแร่ธาตุที่เพิ่มขึ้นและยีน NRT1, NRT2 และ PT1 จะมีการแสดงออกเพิ่มขึ้นในภาวะขาดปุ๋ย ผลศึกษายังพบว่าปาล์มน้ำมันพันธุ์สุราษฎร์ธานี7  น่าจะมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีและพบว่ามีการแสดงออกของยีนกลุ่มนี้ที่เปลี่ยนไปเพื่อรักษาการเจริญเติบโตภายใต้ภาวะแล้ง และ 2) โครงการย่อยที่ 2 การค้นหาและการแสดงออกของยีนที่ตอบสนองต่อสภาพน้ำท่วมในปาล์มน้ำมัน พบ ยีนแสดงออกในรากปาล์มน้ำมันสายพันธุ์สุราษฎร์ธานี 1 มากกว่าในใบ ทั้งในระดับที่ศึกษา การศึกษาการแสดงออกของยีนด้วยเทคนิค Semi-quantitative PCR พบว่า ยีนแสดงออกสูงในรากปาล์มน้ำมันทุกสายพันธุ์และทุกช่วงเวลาที่ขังน้ำ ส่วนการพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลพบสนิปส์จากยีน ADH ที่สามารถใช้เป็นเครื่องหมายโมเลกุลได้ โดยการตรวจสอบด้วยวิธีการตัดด้วยเอนไซม์ Fn4HI ในขณะนี้มี 6 ยีน อยู่ระหว่างพัฒนาให้เป็นเครื่องหมายโมเลกุลที่ตอบสนองต่อสภาพน้ำท่วมขังในปาล์มน้ำมัน 11. โครงการการทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดย นายสุรกิตติ ศรีกุล กรมวิชาการเกษตร พบว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตไปสู่เกษตรกรในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามสภาพภูมิศาสตร์เกษตร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการทดสอบและสาธิตในแปลงเกษตรกรเพื่อให้เกิดการยอมรับและนำไปปฏิบัติอย่างกว้างขวาง ดังนั้น โครงการนี้ จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและทดสอบเทคโนโลยีการจัดการธาตุอาหาร การจัดการสวนปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมกับเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน รวมทั้งเพื่อสร้างองค์ความรู้สำหรับการแนะนำการจัดการสวนที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน 12. โครงการการพัฒนาเทคโนโลยีการให้น้ำและการจัดการธาตุอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ดร.นฤทัย วรสถิตย์ กรมวิชาการเกษตร เป็นการนำเทคโนโลยีการจัดการน้ำและธาตุอาหารปาล์มน้ำมันตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรมาทดสอบเปรียบเทียบกับวิธีการที่เกษตรกรปฏิบัติ เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับสวนปาล์มน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าในแปลงทดสอบส่วนใหญ่ผลผลิตที่ได้จากกรรมวิธีของกรมวิชาการเกษตรสูงกว่ากรรมวิธีเกษตรกร อย่างไรก็ตามการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันในช่วงปลายปีที่ 2 เท่านั้นที่เป็นผลจากปัจจัยทดสอบต้องเก็บข้อมูลต่อเนื่องในปีที่ 3 ก่อนสรุปผล 13. โครงการการเปรียบเทียบพันธุ์ปาล์มน้ำมันทางการค้าในแปลงขนาดใหญ่ โดย ดร.วีระพันธุ์ สรีดอกจันทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการปลูกทดสอบเปรียบเทียบพันธุ์ปาล์มน้ำมันทางการค้ารุ่นใหม่ จากทั้งในและต่างประเทศที่เป็นที่นิยมในพื้นที่ทางภาคใต้ของไทยในสภาพแปลงทดลองแบบเชิงพาณิชย์ เพื่อคำนวณต้นทุนและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของปาล์มน้ำมันแต่ละพันธุ์ ปัจจุบันปาล์มมีอายุ 28 เดือน เบื้องต้นพบว่าปาล์มน้ำมันแต่ละพันธุ์มีการเจริญเติบโต และมีสัดส่วนช่อดอกเพศเมียที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ 14. โครงการแผนงานการใช้ประโยชน์จากของเสียจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อการผลิตแก๊สเชื้อเพลิงชีวภาพ โดย ดร.ประวิทย์ คงจันทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย ดังนี้ 1) โครงการย่อยที่ 1 การผลิตก๊าซชีวภาพจากชีวมวลปาล์มน้ำมันโดยกระบวนการย่อยสลายไร้อากาศสถานะของแข็ง ศึกษาศักยภาพการผลิตมีเทนจากชีวมวลปาล์มน้ำมัน โดยกระบวนการย่อยสลายไร้อากาศสถานะของแข็ง ผลผลิตมีเทนที่ได้อยู่ในช่วง 69-70 ลูกบาศก์เมตรต่อตัน ชีวมวลปาล์มน้ำมันผสมและมีความเข้มข้นของมีเทนในแก๊สชีวภาพอยู่ในช่วงร้อยละ 65-75 ศักยภาพความเป็นปุ๋ยหมักเชิงคุณภาพของตะกอนหลังกระบวนการผลิตมีเทน พบว่ามีปริมาณของฟอสฟอรัสและโพสแทสเซียมสูงแต่ยังมีปริมาณของไนโตรเจนที่ต่ำ 2) โครงงการย่อยที่ 2 การผลิตแก๊สเชื้อเพลิงชีวภาพจากการย่อยสลายร่วมแบบไร้อากาศของน้ำทิ้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและสาหร่ายพุงชะโด เพื่อใช้ประโยชน์จากน้ำทิ้งจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม สำหรับผลิตแก๊สไฮโดรเจนและมีเทนโดยการหมักร่วมกับสาหร่ายพุงชะโด ผลผลิตของไฮโดรเจน 4.9 L-H2/L-Substrate และมีเทน 28.9 L-CH4/L-Substrate ที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายร่วมไร้อากาศสองขั้นตอนในงานวิจัยนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนากระบวนการย่อยสลายร่วมไร้อากาศสองขั้นตอนของ POME และสาหร่ายในระดับอุตสาหกรรม 3) โครงการย่อยที่ 3 การทำความสะอาดแก๊สชีวภาพโดยใช้สารละลายด่างจากเถ้าปาล์ม เพื่อปรับปรุงคุณภาพแก๊สชีวภาพโดยการกำจัด CO2 และ H2S ด้วยกระบวนการดูดซึม โดยเตรียมสารละลายด่างดูดซึมจากเถ้าปาล์มและน้ำเสียจากบ่อบ่มของโรงสกัดน้ำมันปาล์ม ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าสามารถกำจัด H2S ได้ทั้งหมดและกำจัด CO2 ได้มากว่าร้อยละ 50 บำบัดน้ำเสียที่ออกจากหอดูดซึมซึ่งมีไบคาร์บอเนตและสารอาหารสูงโดยนำไปเลี้ยงสาหร่ายพุงชะโด พบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตจำเพาะของสาหร่ายพุงชะโดเท่ากับร้อยละ 3.5 ต่อวัน 15. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากน้ำเสียโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดย รศ.ดร.สุเมธ ไชยประพัทธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า การจัดทำตัวชี้วัดประสิทธิภาพของระบบการผลิตก๊าซชีวภาพโดยใช้ระบบเบนซ์มาร์กเพื่อเทียบเคียงประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพ โดยคัดเลือกตัวแทนโรงงาน 1 โรงงาน โดยได้ให้คำแนะนำดังนี้ 1) ในวันที่หยุดการผลิตให้เปลี่ยนจุดที่สูบน้ำเสียจากบ่อสุดท้ายเป็นบ่อ cooling pond และบ่อผึ่งบ่อแรก เข้าสู่บ่อก๊าซชีวภาพ 2) ดึงตะกอนจากก้นบ่อนำไปผสมกับน้ำเสียก่อนเข้าระบบประมาณ 10 นาที/ครั้ง 3) ปรับลดขนาดบ่อ cooling pond ให้เล็กลง และ 4) หมั่นตรวจสอบดูแลแผ่นผ้าใบคลุมบ่อป้องกันการรั่วไหลของก๊าซชีวภาพผลจากการปรับปรุงคาดการณ์ว่าสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 16. โครงการการใช้วัสดุเศษเหลือของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเพื่อผลิตสารอาหารร่วมและหัวเชื้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพและผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม โดย ศ.ดร.พูนสุข ประเสริฐสรรพ์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ พบว่า Methanosaetasp. เป็นเชื้อเด่นในกลุ่มจุลินทรีย์ผลิตก๊าซชีวภาพที่คัดเลือกได้จากโรงงานเมื่อเติมสารอาหารร่วม 5 ชนิดในน้ำทิ้งของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พบว่าเอทานอล 5% ให้ผลดีที่สุด การพัฒนาระบบชี้วัดประสิทธิภาพใช้ดัชนีชี้วัดในรูปปริมาณก๊าซมีเทนที่ผลิตได้และผลผลิตก๊าซชีวภาพ รวมทั้งจุลินทรีย์เครื่องหมายพบว่า Methanothrix sp., Methanosarcina sp., Methanoregula sp., Methanospirillum sp. และ Methanoculleus sp. เป็นเชื้อเด่น 17. โครงการการพัฒนากลุ่มเกษตรกรรายย่อยอย่างมีส่วนร่วมในการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนตามมาตรฐาน GAP และ RSPO โดย รศ.ดร.สุธัญญา ทองรักษ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ การพัฒนากลุ่มเกษตรกรรายย่อย 8 กลุ่มสมาชิก 900 ราย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ผลการวิจัยสิ้นปีที่ 2 พบว่ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน RSPO ยังคงรักษาระบบควบคุมภายในและผ่านการตรวจติดตามประจำปีส่วนกลุ่มเกษตรกรที่จัดตั้งใหม่ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การรับรองมาตรฐาน RSPO เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพในการผลิตปาล์มน้ำมันมากขึ้นโดยใช้ความรู้เป็นฐาน และโครงการได้จัดทำกรณีศึกษาเกษตรกรมืออาชีพด้านการผลิตปาล์มน้ำมันแล้ว 9 ราย 18. โครงการผนังอาคารกันกระสุนปืนจากยางพาราและเส้นใยทะลายปาล์มเปล่า โดย ดร.รัฐศักดิ์ พรหมมาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำวัสดุจากธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้หลักการ การนำเส้นใยทะลายปาล์มเปล่ามาจัดเรียงเป็นชั้นๆ ในทิศทางตั้งฉาก และแนวทแยงมุมสลับกันไป โดยไม่มีช่องว่าง และใช้น้ำยางพาราหล่อทับเส้นใยดังกล่าว แล้วนำเหล็กแผ่นมาปิดทับทั้งสองด้าน ผนังอาคารกันกระสุนปืนจากยางพาราและเส้นใยทะลายปาล์มเปล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูดซับแรงที่เกิดจากความเร็วของกระสุนปืนโดยไม่สามารถทะลุผ่านผนังไปได้ 19. โครงการการประยุกต์ใช้เส้นใยทะลายปาล์มเปล่าเสริมกำลังของแผ่นหลังคาซิงเกิลทดแทนใยแก้ว โดย นายสุธน รุ่งเรือง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ พบว่า การวิจัยนี้เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เส้นใยทะลายปาล์มเปล่าเสริมกำลังของแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลทดแทนเส้นใยแก้ว ซึ่งคุณสมบัติที่ใช้ในการศึกษาพบว่าเป็นไปตามมาตรฐาน และเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือทางด้านเกษตรกรรม โดยเป็นวัสดุทางเลือกในการผลิตกระเบื้องหลังคาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยต้นทุนการผลิตแผ่นหลังคาซิงเกิ้ลจากเส้นใยทะลายปาล์มเปล่า เมื่อเปรียบเทียบกับหลังคาซิงเกิ้ลใยแก้วในพื้นที่ 1 ม.2 พบว่า ประหยัดกว่า 240 บาท ทั้งนี้ ไม่รวมค่าขนส่งและค่าดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น 20. โครงการการผลิตสารเสริมพลังงานสูงสำหรับลูกสุกรจากน้ำมันเมล็ดในปาล์ม โดย รศ.ดร.วันดี ทาตระกูล มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นการใช้อาหารเสริมพลังงานสูงสำหรับสุกรหย่านม เพื่อแก้ปัญหาการชะงักการเจริญเติบหลังหย่านมโดยใช้น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (PKO) ที่มีกรดไขมันสายยาวปานกลาง (MCFAs) ในปริมาณมาก MCFAs จะถูกใช้ในการเผาผลาญให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วและมีกรดลอริคมากถึง 40-50% ที่สามารถเปลี่ยนเป็นโมโนลอริน (monolaurin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัสและแบคที่เรียหลายชนิดผลที่ได้จากการวิจัยคือได้สูตรส่วนผสมอาหารเสริมพลังงานสูงให้ชื่อว่า EsupMCFAs2 ที่มี MCFAs จาก PKO 0.50% ประกอบด้วย น้ำมันเมล็ดในปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง กรดเบนโซอิค และสารกันหืน BHT ระดับการผสมในอาหาร 5% 21. โครงการวัสดุก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์สำหรับงานตกแต่งภายในจากเศษวัสดุเหลือใช้ของสวนปาล์มน้ำมัน โดย รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการนำทะลายปาล์มมาผลิตวัสดุต้นแบบประเภทวัสดุก่อสร้างสำหรับงานตกแต่งภายใน มุ่งเป้าพัฒนางานออกแบบเชิงสร้างสรรค์ที่คำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีศักยภาพในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยในกระบวนการพัฒนาจะมีการบูรณาการออกแบบที่คำนึงถึงความสวยงาม ร่วมกับการทดสอบเชิงคุณภาพและการประเมินผลสมมรรถนะเชิงสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีการประเมินวัฏจักรชีวิต เพื่อให้แน่ใจว่ามีความมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจน เป็นการเตรียมความพร้อมในการแสดงข้อมูลสิ่งแวดล้อมของวัสดุตกแต่งภายในอาคารสำหรับอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 22. โครงการการคัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์เพื่อใช้ในการผลิตกรดฟูมาริคและกรดอิทาโคนิคจากทะลายปาล์มน้ำมัน โดย ดร.อันธิกา บุญแดง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาศักยภาพของทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ในการผลิตกรดฟูมาริคและกรดอิทาโคนิค โดยกระบวนการหมักแบบไม่ต่อเนื่อง จากเชื้อคัดเลือกไอโซเลท K20 และ K17 ตามลำดับ ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตกรดโดยวิธีพื้นผิวตอบสนอง (RSM) โดยออกแบบการทดลองด้วย central composite design (CCD) พบว่าราคัดเลือกทั้งสองไอโซเลทมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำตาลกลูโคสจากทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันเทียบเท่ากับการใช้น้ำตาลกลูโคสบริสุทธิ์เป็นแหล่งคาร์บอนในการผลิตกรด 23. โครงการการใช้กากปาล์มน้ำมันและยูเรียอัดเม็ดเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนกากถั่วเหลืองในอาหารข้นสำหรับโครีดนม โดย ดร.รัชตาภรณ์ ลุนสิน มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี เป็นการศึกษาการใช้ปาล์มน้ำมันและยูเรียอัดเม็ด (PUMP) ในอาหารสูตรข้นที่ระดับ 0, 25, 50, 75 และ 100% พบว่าสามารถใช้ PMUP เป็นแหล่งโปรตีนทดแทนกากถั่วเหลืองในสูตรอาหารข้นได้ตั้งแต่ 25-75% โดยไม่มีผลกระทบต่อการให้ผลผลผลิตของโครีดนม และการใช้ PMUP ทดแทนกากถั่วเหลือง 50% ในสูตรอาหารข้น ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตโคนมมีค่าสูงสุด 24. โครงการการผลิตน้ำมันปาล์มแดงผสมเพื่อสุขภาพและการประยุกต์ใช้ในการพัฒนาน้ำสลัดและมาการีน โดย รศ.ดร.พัชรินทร์ ระวียัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นการใช้น้ำมันปาล์มแดงที่ผลิตได้โดยการกำจัดกัมด้วยกรดที่ 90°C นาน 25 นาที แล้วเติมน้ำ 5% ลดอุณหภูมิลง 35°C และลดกรดไขมันอิสระด้วยด่าง 7.25% น้ำมันผสมที่เหมาะสมในการทำน้ำสลัดคือน้ำมันผสมที่มีสัดส่วนของน้ำมันปาล์มแดงน้ำมันรำข้าว และน้ำมันงา 40:32:28 โดยปริมาตร ส่วนมาการีนปราศจากไขมันทรานส์ ควรใช้น้ำมันผสมที่สัดส่วน 8:1:1 และทำการผลิตโดยใช้เอนไซม์ไลเพสตรึงรูปจาก Rhizomucormiehei ปริมาณ 8% 25. โครงการการพัฒนาคอมพอสิทกรีนอีพอกซีเสริมแรงด้วยเส้นใยจากทะลายปาล์มน้ำมันเพื่อปรับปรุงสมบัติทางเชิงกลและความร้อน สำหรับชิ้นส่วนกันชนในรถยนต์ โดย ดร.รังสิมา ชลคุป มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการใช้ประโยชน์ของเส้นใยทะลายปาล์มน้ำมันเสริมแรงคอมพอสิทอีพอกซีเพื่อเป็น bumper beam ในรถยนต์แทนที่วัสดุคอมพอสิทอีพอกซีกับเส้นใยแก้ว พบว่า เส้นใยปาล์มที่ผ่านการสกัดด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ที่ความเข้มข้น 30% และฟอกขาวด้วยสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ แล้วขึ้นรูปในอีพอกซีด้วยแม่พิมพ์ สามารถใส่เส้นใยได้ปริมาณ 7.5-10% โดยน้ำหนัก พบว่า คอมพอสิทเสริมแรงเส้นใยปาล์มที่ได้มีค่ามอดูลัสของการโค้งงอค่ามอดูลัสสะสมและสมบัติทางความร้อนใกล้เคียงกับคอมพอสิทอีพอกซีเสริมเส้นใยแก้ว 26. โครงการการออกแบบและพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบชนิด Downflow Liquid-Liquid Contactor สำหรับการผลิตไบโอดีเซลชุมชน โดย รศ.ดร.กำชัย นุ้ยธิติกุล มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นการสร้างระบบเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบชนิด Downflow Liquid-Liquid Contactor ขนาดประมาณ 10 ลิตร เพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มและเมทานอล ผลการศึกษาพบว่า ไบโอดีเซลที่ผลิตได้จากเครื่องปฏิกรณ์มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์มาตรฐานไบโอดีเซลชุมชน โดยใช้เวลาในการทำปฏิกิริยาค่อนข้างสั้นและอุณหภูมิในการทำปฏิกิริยาที่ต่ำกว่าเครื่องปฏิกรณ์แบบถังกวน 27. โครงการการพัฒนาคาร์บอนไฟเบอร์และคาร์บอนมอร์ต้าร์คอมโพสิตจากชีวมวลเหลือทิ้งของกากปาล์ม โดย ผศ.ดร.ชาติชาย ไวยสุระสิงห์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า คาร์บอนไฟเบอร์ที่สังเคราะห์ด้วยวิธี CBN-ARC และ HTC-ARC มีคุณสมบัติที่เทียบเคียงได้กับคาร์บอนไฟเบอร์ทางการค้า รวมถึงเมื่อนำไปผลลัพธ์เหล่านี้ไปผลิตคาร์บอนมอร์ต้าร์คอมโพสิตจะมีคุณสมบัติที่มีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับคาร์บอนมอร์ต้าร์คอมโพสิตที่ผลิตขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ทางการค้า สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความน่าสนใจในการพัฒนาต่อยอดต่อไป และเกิดความคุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์ 28. โครงการพฤติกรรมแรงเค้น ความเครียดและการรับกำลังของขยะชีวมวลประเภทเถ้าปาล์มน้ำมันปรับปรุงคุณภาพด้วยหินฝุ่นและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุมวลเบา โดย นายสนธยา กงกองแก้ว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก พบว่า เถ้าปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากการนำกากของผลปาล์มน้ำมันนำมาเผาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อกำเนิดไอน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าถูกนำมาปรับปรุงคุณภาพด้วยเศษหินบะซอลต์และปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ทำให้มีคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมที่เหมาะสมต่อการนำมาใช้ในงานเป็นวัสดุถมหรือคันทางสำหรับการทำถนนได้ 29. โครงการความต้านทานแรงอัดของคอนกรีตผสมเถ้าปาล์มน้ำมันและหินฝุ่นแทนทราย โดย นายประชุม คำพุฒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นการใช้เถ้าปาล์มน้ำมันและหินฝุ่นเป็นส่วนผสมในคอนกรีตทั่วไป โดยแทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยเถ้าปาล์มน้ำมันบางส่วน และแทนที่ทรายด้วยหินฝุ่นบางส่วน ทำการทดสอบสมบัติด้านต่างๆ ของคอนกรีตตามมาตรฐาน ASTM พบว่าการผสมเถ้าปาล์มน้ำมันและหินฝุ่นในปริมาณที่เหมาะสม สามารถพัฒนาคุณสมบัติทางกายภาพและทางกลของคอนกรีตให้ดีขึ้นได้ และมีแนวโน้มนำไปพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป 30. โครงการการศึกษาการใช้กากสลัดจ์ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบอาหารปลานิลทนเค็มสายพันธุ์ปทุมธานี โดย นายยุทธนา สว่างอารมณ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พบว่า ในส่วนของวิธีที่เหมาะสมในการเก็บรักษากากสลัดจ์ปาล์มน้ำมัน ก็คือ ควรเก็บไว้ในถุงพลาสติกโดยมัดปากถุงให้แน่นแล้ววางไว้ที่อุณหภูมิห้องหรืออัดเป็นเม็ดแล้วนำไปตากแดดให้แห้งก็จะทำให้ไม่เกิดเชื้อราและตัวอ่อนแมลง ส่วนในสูตรอาหารปลานิลทนเค็มฯ สามารถมีส่วนผสมของกากสลัดจ์ปาล์มน้ำมันได้สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในสูตรอาหาร แต่ที่เหมาะสมควรเลือกใช้ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ในสูตรอาหาร 31. โครงการการผลิตถ่านแท่งจากปาล์มน้ำมัน โดย นายสุรพงษ์ โซ่ทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นการสร้างเครื่องอัดถ่านแท่งพร้อมทดสอบสมรรถนะทางความร้อนรวมทั้งการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน พบว่า เครื่องสามารถผลิตได้เฉลี่ย 520 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนค่าความร้อนที่ได้ 5,300 ถึง 5,500 แคลอรี่ต่อกรัม สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ (มผช.238/2547) สำหรับความคุ้มค่าต่อการลงทุนอยู่ที่ 5 เดือน 32. โครงการการใช้ประโยชน์ลำต้นปาล์มน้ำมันและการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของไม้ปาล์มน้ำมันโดยการอัดกาวและเพิ่มความหนาแน่นโดยใช้แรงอัดเพื่อไม้แปรรูป โดย ผศ.ดร.มยุรี ดวงเพชร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมบัติทางกายภาพและสมบัติเชิงกลของไม้ให้เนื้อไม้จากลำต้นปาล์มด้วยการอัดกาวสองชนิดต่างกัน โดยชนิดใช้ภายนอกอาคารคือกาวฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์ และอีกชนิดสำหรับใช้ภายในอาคารคือกาวยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ หลังจากอัดกาวแล้วตามด้วยการอัดร้อนจะทำให้ได้เนื้อไม้ปาล์มจากการทดลอง มีค่าความหนาแน่น ความแข็งแรง ความแข็งของเนื้อไม้เพิ่มข้น และเหมาะที่จะสามารถผลิตเป็นไม้แปรรูป 33. โครงการการพัฒนาเครื่องแยกผลปาล์มสดออกจากทะลายปาล์มน้ำมัน และเครื่องแยกเนื้อปาล์มเปลือกนอกออกจากผลปาล์ม โดย นางสาวรยากร นกแก้ว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า เพื่อพัฒนาเครื่องต้นแบบแยกผลปาล์มสดออกจากทะลายปาล์มน้ำมัน และเครื่องต้นแบบแยกเนื้อปาล์มเปลือกนอกออกจากผลปาล์มสำหรับนำไปใช้กับโรงหีบน้ำมันขนาดเล็ก เพื่อให้บีบน้ำมันได้น้ำมันเกรดเอเช่นเดียวกับโรงหีบน้ำมันขนาดใหญ่ 34. โครงการการผลิต Wood ceramics จากเศษเหลือวัสดุปาล์มน้ำมัน โดย ดร.พงษ์ศักดิ์ เฮงนิรันดร์ การผลิต Woodceramics ที่มีมูลค่าสูงจากเหลือปาล์มน้ำมันสามชนิดคือ ทางปาล์ม ลำต้นปาล์ม และกะลาปาล์มโดยใช้เทคนิคการผลิตที่มีพื้นฐานมาจากการผลิตไม้ประกอบและไม้แผ่นธรรมดา โดยลำต้นปาล์มจะแปรรูปเป็นไม้แผ่น ส่วนกะลาปาล์มจะนำไปผลิตเป็นแผ่นชิ้นไม้อัด ในขณะที่ทางปาล์มจะนำไปผลิตเป็นแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง แล้วจึงอัดด้วยเรซิ่น แล้วเผาด้วยอุณหภูมิสูงจนได้ Woodceramics ที่มีความแข็งสูง ทนทานต่อการขูดขีด จัดอยู่ในกลุ่มของเซมิคอนดัคเตอร์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ 35. โครงการการคัดเลือกจุลชีพทางทะเลที่มีศักยภาพและการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญและการสร้างกรดไขมันจำเป็นเพื่อใช้ประโยชน์ในอาหารสัตว์และการบริโภคของมนุษย์โดยใช้กลีเซอรอลเป็นแหล่งคาร์บอน โดย ดร.จันทนา ไพรบูรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการคัดเลือกจุลชีพทางทะเลจากป่าชายเลนในประเทศไทยที่มีความเป็นไปได้ในการใช้กลีเซอรอลเพื่อผลิต Docosahexanoice acid (DHA) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่กลีเซอรองที่เหลือจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซลและทดแทนการนำเข้าน้ำมันปลาจากต่างประเทศ 36. โครงการการใช้กลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกในอาหารสัตว์กระเพาะเดี่ยว โดย ดร.ยุวเรศ เรืองพานิช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการสำรวจกำลังการผลิตกลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงในระดับอุตสาหกรรม และศึกษาความเป็นไปได้ในการนำกลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซลมาใช้เป็นวัตถุดิบหล่งพลังงานในอาหารไก่เนื้อและสุกร พบว่าโรงงานผลิตกลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงมีกำลังการผลิตที่มากพอที่จะนำกลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงมาใช้เป็นวัตถุดิบพลังงานในอาหารสัตว์ได้ และกลีเซอรอลดิบคุณภาพสูงมีศักยภาพในการนำใช้เป็นวัตถุดิบพลังงานในอาหารสัตว์กระเพาะเดี่ยวได้ด้วยมีค่าพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำมันพืช แต่มีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันพืชมาก 37. โครงการความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์กลีเซอรอลที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นสารต้านการซึมน้ำในแผ่นชิ้นไม้อัด โดย ดร.ไตรรัตน์ เนียมสุวรรณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า เมื่อเติมกลีเซอรอลดิบผสมในพาราฟินแว็กซ์ทำให้ค่าการดูดซึมน้ำเพิ่มขึ้น (120.6%) อาจเป็นเพราะกลีเซอรอลเป็นสารที่มีความเป็นขั้วสูง การผสมกลีเซอรอลดิบไม่มีผลเชิงบวกแก่การต้านทานการซึมน้ำ ดังนั้นจึงต้องปรับมาใช้กลีเซอรอลดัดแปลงโดยการนำเกลือเมทานอลและน้ำออกแล้วทำการนำไปใช้เป็นสารต้านทานน้ำในแผ่นชิ้นไม้อัด 38. โครงการการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการความเสี่ยงของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดย ผศ.ดร.ประพิณวดี ศิริศุภลักษณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า เครื่องมือการจัดการความเสี่ยงด้านราคาที่มีความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยคือ Quasi SWAP เพื่อทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากปาล์มไม่ได้คุณภาพและการได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมปาล์มในอนาคต ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการนี้คือ ได้โครงการวิจัยมุ่งเป้าตอบสนองความต้องการในการพัฒนาเรื่องปาล์มน้ำมันของประเทศไทยอย่างแท้จริง ที่ได้รับการอุดหนุนให้ทำวิจัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน ช่วยให้การทำงานของนักวิจัยมีความรวดเร็วและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งมีการจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย นอกจากนี้ รัฐบาลสามารถนำผลการวิจัยไปกำหนดแนวนโยบายในการพัฒนาปาล์มน้ำมันได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มต่อไป
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
คำสำคัญ: ปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์ม การบริหารจัดการ ยุทธศาสตร์
คำสำคัญ (EN): strategy
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
30 มิถุนายน 2558
การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ปีที่3 การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ปีที่3 โครงการบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมันปีงบประมาณ 2556 การผลิตถ่านกัมมันต์จากกะลาปาล์ม ผลงานนำเสนอประชุมวิชาการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 23 เรื่อง ผลการตรวจหาสารเสพติดกัญชาในตัวอย่างปัสสาวะ ปีงบประมาณ 2557 การศึกษาแนวทางการบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มและโครงสร้างภาษีของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มอย่างเป็นระบบ โครงการวิจัยศึกษาระบบการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน การศึกษาประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบในประเทศไทย การศึกษาการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากปาล์มน้ำมันของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อผลิตเป็นพลังงาน การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ปีที่ 2
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก