สืบค้นงานวิจัย
การบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยใช้พืช
Nattaporn Sonphueak - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยใช้พืช
ชื่อเรื่อง (EN): Phytoremediation of fuel oil contaminated soil
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nattaporn Sonphueak
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของพืชในการบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยนำพืช 9 ชนิดที่มีระบบรากแตกต่างกัน ซึ่งได้แก่ พืชระบบรากฝอย (หญ้า) พืชระบบรากสั้น (เฟิร์น) และ พืชระบบรากยาว (หญ้า แฝก) มาปลูกในดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เพื่อคัดเลือกชนิดของพืชในแต่ละ กลุ่มโดยพิจารณาจากการเจริญเติบโตที่วัดจากน้ำหนักสดรวม ความสูงต้น และความยาวรากของพืช และประสิทธิภาพ ในการบำบัดน้ำมันเตาในดินโดยวัดจากปริมาณน้ำมันเตาที่เหลืออยู่ในดิน พืช 3 ชนิดที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละกลุ่ม ระบบราก จะถูกนำมาศึกษาผลของความเข้มข้นของน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้นต่างกัน คือ 100 300 และ 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ต่อการเจริญเติบโตของพืชและประสิทธิภาพของพืชในการบำบัดน้ำมันเตา โดยทำการปลูกพืชเป็น ระยะเวลา 30 และ 90 วัน เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ลักษณะภายนอก และการเจริญเติบโตของพืช เปอร์เซ็นต์การกำจัด น้ำมันเตาในดิน และปริมาณจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บริเวณรากพืชเปรียบเทียบกับดินชุดควบคุมที่ไม่ได้ปลูกพืชจะถูก วิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำมันเตาในดินของพืชทั้ง 3 ชนิด ผลการศึกษาในขั้นตอนการคัดเลือกพืช พบว่า หญ้านวลน้อย (Zoysia matrella L. Merrill) เฟิร์นใบมะขาม (Nephrolepis cordifolia L. Presl) และหญ้าแฝกศรีลังกา (Vetiveria zizanioides Nash) เป็นตัวแทนพืชในกลุ่มพืชระบบ รากฝอย ระบบรากสั้น และระบบรากยาว ตามลำดับ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งมีค่าเท่ากับ 88.35% 92.18% และ 90.98% ตามลำดับ พืชทั้ง 3 ชนิดสามารถ เจริญเติบโตในดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 และ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ได้เป็นปกติ โดยความสูง ต้น และความยาวรากของพืชไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพืชชุดควบคุม ขณะที่น้ำหนักสดรวมของพืชทั้ง 3 ชนิดลดลง เมื่อปลูกในดินปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ภายหลังจากการปลูกพืช 90 วัน เฟิร์นใบมะขามมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบำบัดน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 300 และ 500 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม คือเท่ากับ 77.73% 64.62% 59.46% ตามลำดับ ในขณะที่หญ้าแฝกศรีลังกา และหญ้านวลน้อย มีประสิทธิภาพ ในการบำบัดน้ำมันเตาในดินน้อยกว่าเฟิร์นใบมะขามอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเข้มข้น 100 และ 300 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับ 51.94% 42.37% และ 48.07% 38.78% ตามลำดับ เปอร์เซ็นต์การบำบัดน้ำมันเตาที่ความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีค่าน้อยที่สุด (31.57%) ในดินที่ปลูกหญ้านวลน้อย นอกจากนี้ชนิด และปริมาณจุลินทรีย์บริเวณราก พืชทั้ง 3 ชนิด แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับดินชุดควบคุมที่ไม่ได้ปลูกพืช โดยพบปริมาณจุลินทรีย์ในดินที่ ปลูกเฟิร์นใบมะขามสูงที่สุด แต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับหญ้านวลน้อย และหญ้าแฝกศรีลังกา จากผล การศึกษาสรุปได้ว่า เฟิร์นใบมะขามเป็นพืชที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำมันเตาในดินได้ดีที่สุด และประสิทธิภาพ โดยรวมของพืชทั้ง 3 ชนิดในการกำจัดน้ำมันเตามีค่าลดลงเมื่อความเข้มข้นของน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ซึ่งปริมาณจุลินทรีย์ บริเวณรากพืชมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดน้ำมันเตาในดิน
บทคัดย่อ (EN): This research was conducted to investigate the efficiency of nine plant species with different root structures, including fibrous root (grass), short root (fern), and long root (vetiver grass) in order to remediate soil contaminated with fuel oil. Nine plant species were planted in soil contaminated with fuel oil at 100 mg/kg. Screening was based upon plant growth (total wet weight, stem height, and root length) and the efficiency of the plants for remediation. The most effective plant from each group was selected for study in regard to the effect of fuel oil concentration on their growth and their efficiency to remediate fuel oil at concentrations 100, 300 and 500 mg/kg for planting periods of 30, and 90 days. At the end of the experiment, the morphological appearance of plants, the plants growth, the percent of the removal of fuel oil in contaminated soil, and the amount of microbial populations in contaminated soil with and without plants were investigated. The results obtained from screening step indicated that Manila grass (Zoysia matrella L. Merrill), Fishtail sword fern (Nephrolepis cordifolia L. Presl), and Srilanka ecotype (Vetiveria zizanioides Nash) were the most efficient in remediating fuel oil i.e. 88.35%, 92.18%, and 90.98%, respectively. Thus, they were selected as representative plants from the fibrous root, short root, and long root type of plant, respectively. Three plants could grow normally in soil contaminated with 100, and 300 mg/kg of fuel oil. The stem height and root length were not significantly different from control plants, whereas their total wet weight slightly decreased when planted in contaminated soil at 500 mg/kg. At the end of the experiment (90 days), the Fishtail sword fern showed the highest efficiency to remediate fuel oil at 100, 300, and 500 mg/kg i.e. 77.73%, 64.62%, and 59.46%, respectively, whereas at 100 and 300 mg/kg, the percent of the removal of fuel oil in soil planted with Srilanka ecotype and Manila grass was significantly lower than for the Fishtail sword fern. The removal efficiency of fuel oil at 500 mg/kg was significantly lowest (31.57%) when the soil planted with Manila grass. The amounts of microbial population in planted soil (107-108 cfu/ml) was significantly higher than those presented in unplanted soil (105 cfu/ml). The highest microbial population was found in soil planted with Fishtail sword fern. In summary, the results indicated that Fishtail sword fern was the most effective in terms of remediating soil contaminated with fuel oil. The overall efficiency of these three plant species decreased as the concentration of fuel oil increased. The microbial populations around rhizosphere could promot the fuel oil degradation process in the contaminated soil.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3797&obj_id=3895
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Soil remediation
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของพืชในการบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยนำพืช 9 ชนิดที่มีระบบรากแตกต่างกัน ซึ่งได้แก่ พืชระบบรากฝอย (หญ้า) พืชระบบรากสั้น (เฟิร์น) และ พืชระบบรากยาว (หญ้า แฝก) มาปลูกในดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เพื่อคัดเลือกชนิดของพืชในแต่ละ กลุ่มโดยพิจารณาจากการเจริญเติบโตที่วัดจากน้ำหนักสดรวม ความสูงต้น และความยาวรากของพืช และประสิทธิภาพ ในการบำบัดน้ำมันเตาในดินโดยวัดจากปริมาณน้ำมันเตาที่เหลืออยู่ในดิน พืช 3 ชนิดที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละกลุ่ม ระบบราก จะถูกนำมาศึกษาผลของความเข้มข้นของน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้นต่างกัน คือ 100 300 และ 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ต่อการเจริญเติบโตของพืชและประสิทธิภาพของพืชในการบำบัดน้ำมันเตา โดยทำการปลูกพืชเป็น ระยะเวลา 30 และ 90 วัน เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ลักษณะภายนอก และการเจริญเติบโตของพืช เปอร์เซ็นต์การกำจัด น้ำมันเตาในดิน และปริมาณจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บริเวณรากพืชเปรียบเทียบกับดินชุดควบคุมที่ไม่ได้ปลูกพืชจะถูก วิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำมันเตาในดินของพืชทั้ง 3 ชนิด ผลการศึกษาในขั้นตอนการคัดเลือกพืช พบว่า หญ้านวลน้อย (Zoysia matrella L. Merrill) เฟิร์นใบมะขาม (Nephrolepis cordifolia L. Presl) และหญ้าแฝกศรีลังกา (Vetiveria zizanioides Nash) เป็นตัวแทนพืชในกลุ่มพืชระบบ รากฝอย ระบบรากสั้น และระบบรากยาว ตามลำดับ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งมีค่าเท่ากับ 88.35% 92.18% และ 90.98% ตามลำดับ พืชทั้ง 3 ชนิดสามารถ เจริญเติบโตในดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 และ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ได้เป็นปกติ โดยความสูง ต้น และความยาวรากของพืชไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพืชชุดควบคุม ขณะที่น้ำหนักสดรวมของพืชทั้ง 3 ชนิดลดลง เมื่อปลูกในดินปนเปื้อนน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ภายหลังจากการปลูกพืช 90 วัน เฟิร์นใบมะขามมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบำบัดน้ำมันเตาที่ระดับความเข้มข้น 100 300 และ 500 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม คือเท่ากับ 77.73% 64.62% 59.46% ตามลำดับ ในขณะที่หญ้าแฝกศรีลังกา และหญ้านวลน้อย มีประสิทธิภาพ ในการบำบัดน้ำมันเตาในดินน้อยกว่าเฟิร์นใบมะขามอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเข้มข้น 100 และ 300 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับ 51.94% 42.37% และ 48.07% 38.78% ตามลำดับ เปอร์เซ็นต์การบำบัดน้ำมันเตาที่ความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีค่าน้อยที่สุด (31.57%) ในดินที่ปลูกหญ้านวลน้อย นอกจากนี้ชนิด และปริมาณจุลินทรีย์บริเวณราก พืชทั้ง 3 ชนิด แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับดินชุดควบคุมที่ไม่ได้ปลูกพืช โดยพบปริมาณจุลินทรีย์ในดินที่ ปลูกเฟิร์นใบมะขามสูงที่สุด แต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับหญ้านวลน้อย และหญ้าแฝกศรีลังกา จากผล การศึกษาสรุปได้ว่า เฟิร์นใบมะขามเป็นพืชที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำมันเตาในดินได้ดีที่สุด และประสิทธิภาพ โดยรวมของพืชทั้ง 3 ชนิดในการกำจัดน้ำมันเตามีค่าลดลงเมื่อความเข้มข้นของน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ซึ่งปริมาณจุลินทรีย์ บริเวณรากพืชมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดน้ำมันเตาในดิน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยใช้พืช
Nattaporn Sonphueak
มหาวิทยาลัยมหิดล
2550
การบำบัดดินที่ปนเปื้อนด้วยสารตะกั่วโดยใช้พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำ การหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลว ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับมาตรการอนุรักษ์ดิน โดยใช้วัสดุอินทรีย์ในระบบพืชที่มีพืชน้ำมันเ การผลิตน้ำมันหอมระเหยจากใบยูคาลิปตัสโดยใช้ความร้อนจากเตาถ่าน การเตรียมและการประเมินฟิล์มอัลจิเนต อิมัลชั่นโดยใช้เทคนิคการผสมในน้ำมันเพื่อใช้ในระบบนำส่งยา การใช้ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อประเมินความต้องการใช้น้ำของพืชเศรษฐกิจในตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ การสำรวจแหล่งน้ำมันพืชชนิดใหม่เพื่อการอุตสาหกรรม อัลคีดเรซินจากน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้แล้ว การกำจัดกำมะถันออกจากสารประกอบอินทรีย์ในน้ำมันโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ การใช้วัสดุดูดซับทางธรรมชาติในการกำจัดคราบน้ำมัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก