สืบค้นงานวิจัย
การแปรผันของประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงจังหวัดลำพูน
ฉันทฬส รุ่งเรือง - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การแปรผันของประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงจังหวัดลำพูน
ชื่อเรื่อง (EN): Population variation of eulophia flava (LINDL.) hook. F. in Mae Ping national park Changwat Lumpun
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ฉันทฬส รุ่งเรือง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Chantarot Rungruang
บทคัดย่อ: กล้วยไม้เหลืองแม่ปิง (Eulophia flava (Lindl.) Hook. f.) เป็นกล้วยไม้ดินซึ่งมีช่อดอกขนาดใหญ่สีเหลืองสด พบในธรรมชาติเพียงบางพื้นที่ โดยพบมากที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ปัจจุบันมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ก่อผลกระทบต่อประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบ 1) ข้อมูลทางชีววิทยาบางประการของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง 2) ความหนาแน่นของประชากรแต่ละประชากร 3) การแปรผันทางสัณฐานวิทยาภายในประชากร และ 4) การแปรผันทางสัณฐานวิทยาระหว่างประชากรของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง วิธีการศึกษาใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแต่ละประชากร การบรรยาย การวัดขนาด การวิเคราะห์ทางด้านนิเวศวิทยาและการวิเคราะห์ทางสถิติ การศึกษาใช้ประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง จำนวน 3 ประชากร ประชากรที่ 1 อยู่ในสังคมพืชทุ่งหญ้า ประชากรที่ 2 อยู่ในสังคมพืชป่าเต็งรังปกติ และประชากรที่ 3 อยู่ในสังคมพืชป่าเต็งรังปกติที่มีไม้พลองเป็นไม้เด่นผลการศึกษาพบว่า ลักษณะทางสัณฐานวิทยาที่เด่นของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง คือ มีลำต้นใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นหัว สามารถสร้างหัวใหม่ได้ปีละ 1 หัว มีช่อดอกเกิดจากหัว ตั้งตรงสูงจากพื้นดิน 73-170 เซนติเมตร ช่อดอกประกอบด้วยดอกย่อยสีเหลืองสดจำนวน 9-41 ดอก เริ่มปรากฏช่อดอกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน หากดอกไม่ถูกแมลงทำลายสามารถบานได้นาน 20-30 วัน ดอกย่อยร้อยละ 92.57 ถูกทำลายโดยด้วงเต่ากล้วยไม้ (Lema pectoralis) วงศ์ Chrysomelidae และด้วงน้ำมัน (Malabris phalerata) วงศ์ Meloidae ทำให้ดอกพัฒนาเป็นฝักและเมล็ดได้น้อย การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติโดยอาศัยเมล็ดเป็นไปได้ยาก การสืบพันธุ์โดยการแยกหัวมีความเป็นไปได้มากกว่า และสามารถช่วยเพิ่มประชากรและช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ไว้ในถิ่นกำเนิดได้ การย้ายลำต้นใต้ดินหรือเหง้าไปปลูกในส่วนอื่นๆ ของอุทยานปรากฏว่าขึ้นได้ดีและรอดตาย 70-100% ดังนั้นการปรากฏกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ในบางส่วนของอุทยานแห่งชาติแม่ปิงเป็นเพราะขาดโอกาสที่จะไปขึ้นในบริเวณอื่น ความหนาแน่นของประชากรจัดว่าน้อยมาก ประชากรที่ 1 และประชากรที่ 2 มีความหนาแน่น 29.35 และ 0.72 กอ/เนื้อที่ 10,000 ตารางเมตรหรือ 1 เฮกแตร์ตามลำดับ ส่วนประชากรที่ 3 มีความหนาแน่นน้อยกว่าประชากรที่ 2 มากการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาจำนวน 20 ลักษณะ พบการแปรผันภายในประชากรอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากร ลักษณะทางสัณฐานวิทยาจำนวน 16 ลักษณะไม่มีความแตกต่างระหว่างประชากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนอีก 4 ลักษณะมีความแตกต่างระหว่างประชากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และ 99% แสดงความเป็นไปได้ว่าประชากรทั้ง 3 ประชากร เป็นประชากรเดียวกัน แม้ว่าจะขึ้นคนละที่และห่างกัน ลักษณะทางสัณฐานวิทยา 4 ลักษณะของประชากรที่ 3 มีขนาดใหญ่กว่าประชากรที่ 1 และที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสามารถอธิบายได้โดยอาศัยคุณสมบัติของดินEulophia flava (Lindl.) Hook. F. is terrestrial orchid which has large and bright-yellow inflorescence. It occurs naturally only in some localities and mostly in Mae Ping national Park Changwat Lumphun. At present, there are factors which cause impacts on E. flava's population. This research aimed to study 1) some biological data of E. flava 2) population density 3) morphological variation between populations of E. flava. The methods used were sampling of E. flava, measurement, ecological analysis, and statistical analysis. Three distinguished populations were selected in this study. Population I was in grassland community, population II in normal dry dipterocarp forest, and population III in normal dry dipterocarp forest which dominated by Dipterocarpus tuberculatus Roxb.The research found that remarkably morphological characteristics of E. flava were following : it had underground rhizomatous stem which formed pseudobulbs, the stem produced one bulb/ year, the inflorescence developed from bulb, the height of inflorescences were 73-170 cm. above ground, and the inflorescence contained 9-41 bright-yellow flowers. The inflorescence occurred between May and June an the period of flower blooming was 20-30 days if they were free from insect attack. An average of 92.75% of flowers were damaged by Lema pectoralis of the Family Chrysomelidae and Melabris phalerata of the Family Meloidae. The damage prevented development of flower to fruit and seed. Natural reporduction by seeds were difficult. Reproduction by bulb, separated from stem, had more potential, could increase population, and could enhance in-situ conservation. Transplantation of rhizomatous stem to other parts of the park also showed survival of 70-100 percent. Thus, the absence of E. flava in some part of the park was due to the absence of opportunity. Population density was very low. Population I and II were 29.35 and .072 plant / 10,000 m sup(2). or 1 hectare respectively, while the density of population III was extremely lower than population II.Determination of 20 morphological characters found remarkable variation within each population. This were no statistical difference of 16 characters between populations while 4 characters showed statistically significant difference at 95% and 99% levels. This indicated being the same population. Four characters of population III was larger than population I and II and this could be explained by soil properties.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/ChantarotRun/index.html
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: สัณฐานวิทยา
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รายละเอียด: กล้วยไม้เหลืองแม่ปิง (Eulophia flava (Lindl.) Hook. f.) เป็นกล้วยไม้ดินซึ่งมีช่อดอกขนาดใหญ่สีเหลืองสด พบในธรรมชาติเพียงบางพื้นที่ โดยพบมากที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ปัจจุบันมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ก่อผลกระทบต่อประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบ 1) ข้อมูลทางชีววิทยาบางประการของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง 2) ความหนาแน่นของประชากรแต่ละประชากร 3) การแปรผันทางสัณฐานวิทยาภายในประชากร และ 4) การแปรผันทางสัณฐานวิทยาระหว่างประชากรของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง วิธีการศึกษาใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแต่ละประชากร การบรรยาย การวัดขนาด การวิเคราะห์ทางด้านนิเวศวิทยาและการวิเคราะห์ทางสถิติ การศึกษาใช้ประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง จำนวน 3 ประชากร ประชากรที่ 1 อยู่ในสังคมพืชทุ่งหญ้า ประชากรที่ 2 อยู่ในสังคมพืชป่าเต็งรังปกติ และประชากรที่ 3 อยู่ในสังคมพืชป่าเต็งรังปกติที่มีไม้พลองเป็นไม้เด่นผลการศึกษาพบว่า ลักษณะทางสัณฐานวิทยาที่เด่นของกล้วยไม้เหลืองแม่ปิง คือ มีลำต้นใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นหัว สามารถสร้างหัวใหม่ได้ปีละ 1 หัว มีช่อดอกเกิดจากหัว ตั้งตรงสูงจากพื้นดิน 73-170 เซนติเมตร ช่อดอกประกอบด้วยดอกย่อยสีเหลืองสดจำนวน 9-41 ดอก เริ่มปรากฏช่อดอกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน หากดอกไม่ถูกแมลงทำลายสามารถบานได้นาน 20-30 วัน ดอกย่อยร้อยละ 92.57 ถูกทำลายโดยด้วงเต่ากล้วยไม้ (Lema pectoralis) วงศ์ Chrysomelidae และด้วงน้ำมัน (Malabris phalerata) วงศ์ Meloidae ทำให้ดอกพัฒนาเป็นฝักและเมล็ดได้น้อย การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติโดยอาศัยเมล็ดเป็นไปได้ยาก การสืบพันธุ์โดยการแยกหัวมีความเป็นไปได้มากกว่า และสามารถช่วยเพิ่มประชากรและช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ไว้ในถิ่นกำเนิดได้ การย้ายลำต้นใต้ดินหรือเหง้าไปปลูกในส่วนอื่นๆ ของอุทยานปรากฏว่าขึ้นได้ดีและรอดตาย 70-100% ดังนั้นการปรากฏกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ในบางส่วนของอุทยานแห่งชาติแม่ปิงเป็นเพราะขาดโอกาสที่จะไปขึ้นในบริเวณอื่น ความหนาแน่นของประชากรจัดว่าน้อยมาก ประชากรที่ 1 และประชากรที่ 2 มีความหนาแน่น 29.35 และ 0.72 กอ/เนื้อที่ 10,000 ตารางเมตรหรือ 1 เฮกแตร์ตามลำดับ ส่วนประชากรที่ 3 มีความหนาแน่นน้อยกว่าประชากรที่ 2 มากการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาจำนวน 20 ลักษณะ พบการแปรผันภายในประชากรอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากร ลักษณะทางสัณฐานวิทยาจำนวน 16 ลักษณะไม่มีความแตกต่างระหว่างประชากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนอีก 4 ลักษณะมีความแตกต่างระหว่างประชากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และ 99% แสดงความเป็นไปได้ว่าประชากรทั้ง 3 ประชากร เป็นประชากรเดียวกัน แม้ว่าจะขึ้นคนละที่และห่างกัน ลักษณะทางสัณฐานวิทยา 4 ลักษณะของประชากรที่ 3 มีขนาดใหญ่กว่าประชากรที่ 1 และที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสามารถอธิบายได้โดยอาศัยคุณสมบัติของดินEulophia flava (Lindl.) Hook. F. is terrestrial orchid which has large and bright-yellow inflorescence. It occurs naturally only in some localities and mostly in Mae Ping national Park Changwat Lumphun. At present, there are factors which cause impacts on E. flava's population. This research aimed to study 1) some biological data of E. flava 2) population density 3) morphological variation between populations of E. flava. The methods used were sampling of E. flava, measurement, ecological analysis, and statistical analysis. Three distinguished populations were selected in this study. Population I was in grassland community, population II in normal dry dipterocarp forest, and population III in normal dry dipterocarp forest which dominated by Dipterocarpus tuberculatus Roxb.The research found that remarkably morphological characteristics of E. flava were following : it had underground rhizomatous stem which formed pseudobulbs, the stem produced one bulb/ year, the inflorescence developed from bulb, the height of inflorescences were 73-170 cm. above ground, and the inflorescence contained 9-41 bright-yellow flowers. The inflorescence occurred between May and June an the period of flower blooming was 20-30 days if they were free from insect attack. An average of 92.75% of flowers were damaged by Lema pectoralis of the Family Chrysomelidae and Melabris phalerata of the Family Meloidae. The damage prevented development of flower to fruit and seed. Natural reporduction by seeds were difficult. Reproduction by bulb, separated from stem, had more potential, could increase population, and could enhance in-situ conservation. Transplantation of rhizomatous stem to other parts of the park also showed survival of 70-100 percent. Thus, the absence of E. flava in some part of the park was due to the absence of opportunity. Population density was very low. Population I and II were 29.35 and .072 plant / 10,000 m sup(2). or 1 hectare respectively, while the density of population III was extremely lower than population II.Determination of 20 morphological characters found remarkable variation within each population. This were no statistical difference of 16 characters between populations while 4 characters showed statistically significant difference at 95% and 99% levels. This indicated being the same population. Four characters of population III was larger than population I and II and this could be explained by soil properties.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การแปรผันของประชากรกล้วยไม้เหลืองแม่ปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงจังหวัดลำพูน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2544
เรื่องเล่า "น้ำแม่ปิง" ผลกระทบของฟาร์มเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์ต่อชุมชีพแมลงน้าในแม่น้าแม่กลาง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เสียงสะท้อนจากแม่ที่มีอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การจัดการความรู้การแกะสลักพระพุทธรูปไม้ บ้านหนองยางฟ้า ตำบลทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน การอนุรักษ์และขยายพันธุ์กล้วยไม้เอื้องเงินหลวงโดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ความหลากหลายของพืชบริเวณพื้นที่ริมฝั่งลำธารแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประสิทธิผลของการสื่อความหมายธรรมชาติที่มีต่อพฤติกรรมการดำน้ำผิวน้ำในแนวปะการัง กรณีศึกษา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา การประเมินปัจจัยความสำเร็จและล้มเหลวของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ความหลากหลายของประชากรผีเสื้อกลางวัน ณ เส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประเทศไทย การจัดการเหมืองฝายในลุ่มน้ำแม่สารอย่างมีส่วนร่วม อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก