สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีทางกายภาพ
วรางคณา มากกำไร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีทางกายภาพ
ชื่อเรื่อง (EN): The Physical Control of Enzyme Activities Regulating Internal Browning in Pineapple cv. ‘Trad-See-Thong’
บทคัดย่อ: ปัญหาไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดเพื่อการส่งออก เป็นปัญหาสำคัญของไทย โดยเฉพาะพันธุ์ตราดสีทองซึ่งมีลักษณะเหมาะสมต่อการส่งออกผลสดแต่มีความอ่อนแอต่อไส้สีน้ำตาลมาก การศึกษาการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีการทางกายภาพ ดำเนินการที่สถาบันวิจัยพืชสวน ระหว่างปี 2558-2559 เพื่อศึกษาการใช้สารเคลือบชนิดต่างๆ การใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ และการใช้สารเคลือบร่วมกับบรรจุภัณฑ์ ในการควบคุมการเกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง โดยเก็บผลสับปะรดตราดสีทองจากแปลงเกษตรกร จ.ตราด ระยะแก่เขียว (หลังบังคับดอก 139 วัน) ในเดือนเมษายน และมิถุนายน ปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวตามกรรมวิธี และเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13?2 องศาเซลเซียส 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นนำผลมาตรวจประเมินอาการไส้สีน้ำตาลและคุณภาพด้านต่างๆ โดย การศึกษาการใช้สารเคลือบชนิดต่างๆ ดำเนินการในปี 2558 วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 6 กรรมวิธี 3 ซ้ำ ซ้ำละ 1 กล่อง (6 ผล/กล่อง) กรรมวิธีที่ 1 ชุดควบคุม (ไม่เคลือบผิวผล) กรรมวิธีที่ 2 เคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% กรรมวิธีที่ 3 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK (WAXES 18% w/v Shellac, wax) กรรมวิธีที่ 4 เคลือบผิวผลด้วย Cellophane sheet กรรมวิธีที่ 5 เคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheetและกรรมวิธีที่ 6 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK (WAXES 18% w/v (Shellac, wax) ร่วมกับ Cellophane sheet ผลการทดลอง พบว่า การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet มีแนวโน้มควบคุมการเกิดไส้สีน้ำตาลได้ดีที่สุด รองลงมาคือ การเคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheet โดยในครั้งที่ 1 เดือนเมษายน พบคะแนนเฉลี่ยการเกิดไส้สีน้ำตาลต่ำกว่า 2 ( 70% (85% และ 82% ตามลำดับ) ในขณะที่ครั้งที่ 2 เดือนมิถุนายน มีเพียงการเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK (WAXES 18% w/v (Shellac, wax) ร่วมกับ Cellophane sheet สามารถควบคุมการเกิดไส้สีน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือ มีคะแนนการเกิดไส้สีน้ำตาล 1.94 และเปอร์เซ็นต์จำนวนผลอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ 82% โดยที่กรรมวิธีนี้ไม่มีผลต่อคุณภาพด้านอื่นๆ ได้แก่ ความแน่นเนื้อ การสูญเสียน้ำหนัก %TSS %TA รวมถึงกลิ่นและรสชาติไม่แตกต่างจากชุดควบคุม แต่อย่างไรก็ตามผลการวิเคราะห์สถิติของค่าคะแนนไส้สีน้ำตาลไม่แตกต่างกันระหว่างกรรมวิธี รวมทั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ PPO และปริมาณวิตามินซีไม่มีความแตกต่างทางสถิติระหว่างกรรมวิธีเช่นกัน แต่มีความแตกต่างและสอดคล้องกับการเกิดไส้สีน้ำตาลระหว่างการทดลองในเดือนเมษายนและเดือนมิถุนายน กล่าวคือในเดือนมิถุนายนมีค่าการเกิดไส้สีน้ำตาลสูง ปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ PPO สูง ในขณะที่ปริมาณวิตามินซีต่ำ ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่าปัจจัยทางสภาพอากาศมีอิทธิพลต่อการเกิดไส้สีน้ำตาลมากกกว่าผลของการใช้สารเคลือบต่างๆ การศึกษาการใช้บรรจุภัณฑ์ (MAPs) ชนิดต่างๆ ดำเนินการในปี 2558 วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 4 กรรมวิธี 3 ซ้ำ ซ้ำละ1 กล่อง (6 ผล/ กล่อง) กรรมวิธีที่ 1 ชุดควบคุม (บรรจุผลสับปะรดในกล่องกระดาษ) กรรมวิธีที่ 2 บรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก PP (plypropylene) กรรมวิธีที่ 3 บรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE (low density polyethylene) และกรรมวิธีที่ 4 บรรจุผลสับปะรดฟิล์มพลาสติก PVC (polyvinyl chloride) ผลการทดลอง พบว่า การบรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE มีแนวโน้มควบคุมการเกิดไส้สีน้ำตาลได้ดีที่สุด รองลงมาคือ บรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก PP (plypropylene) โดยการบรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE มีคะแนนเฉลี่ยการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลต่ำที่สุดในการทดลองครั้งที่ 1 เดือนเมษายน และครั้งที่ 2 เดือนมิถุนายน คือ 2.00 และ 2.67 ตามลำดับ ซึ่งในการทดลองครั้งที่ 1 คะแนนเท่ากับ 2 เป็นคะแนนที่ยอมรับได้ ( 70% สำหรับผลด้านคุณภาพอื่นๆ พบว่า ในการทดลองครั้งที่ 1 บรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE ส่งผลต่อการสูญเสียน้ำหนักน้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในการทดลองครั้งที่ 2 ไม่แตกต่างกันทางสถิติ ส่วนค่าความแน่นเนื้อ และ %TSS พบว่าในการทดลองครั้งที่ 1 มีค่าสูงสุดแตกต่างกันทางสถิติ แต่ในการทดลองครั้งที่ 2 ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ และสำหรับ %TSS, %TA และ %V.C รวมถึงกลิ่นและรสชาติ ไม่แตกต่างจากชุดควบคุม การศึกษาการใช้สารเคลือบร่วมกับบรรจุภัณฑ์ ดำเนินการในปี 2559 โดยนำชนิดของสารเคลือบและถุงบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดที่ได้จากงานวิจัยที่ในปี 2558 มาทดสอบร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอาการไส้สีน้ำตาลในสับปะรดตราดสีทอง โดยทำการทดลอง 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในเดือนเมษายน วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 8 กรรมวิธี 3 ซ้ำ ซ้ำละ 1 กล่อง (6 ผล/กล่อง) กรรมวิธีที่ 1 ชุดควบคุม (ไม่เคลือบผิวหรือบรรจุถุงใดๆ) กรรมวิธีที่ 2 บรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE (Low density polyethylene) กรรมวิธีที่ 3 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK (WAXES 18% w/v Shellac, wax) กรรมวิธีที่ 4 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet กรรมวิธีที่ 5 เคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheet กรรมวิธีที่ 6 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK และบรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE กรรมวิธีที่ 7 เคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet และบรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE กรรมวิธีที่ 8 เคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheet และบรรจุผลสับปะรดในถุงพลาสติก LDPE ผลการทดลอง พบว่า การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet การเคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheet และการเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK สามารถควบคุมอาการไส้สีน้ำตาลได้ดีที่สุด โดยมีค่าคะแนนการเกิดไส้สีน้ำตาลไม่เกิน 2 (สีน้ำตาล 70% คือ 83 89 และ 73% ตามลำดับ อัตราการเกิดปฏิกิริยาของเอนไซม์ PPO น้อยที่สุด คือ 20.701 19.542 และ 20.494 ?mol/min/mg protein ตามลำดับ และมีปริมาณวิตามินซีสูงสุด คือ 21.09 22.98 และ 19.30 mg/100 gFW ตามลำดับ ดังนั้น ในการทดลองครั้งที่ 2 จึงนำกรรมวิธีทั้ง 3 มาทดสอบเปรียบเทียบกันอีกครั้ง โดยเก็บผลสับปะรดตราดสีทองจากแหล่งเดิมในเดือนมิถุนายน วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 4 กรรมวิธี 5 ซ้ำ ซ้ำละ 1 กล่อง (6 ผล/กล่อง) กรรมวิธีที่ 1 ชุดควบคุม (ไม่เคลือบผิวหรือบรรจุถุงใดๆ) กรรมวิธีที่ 2 เคลือบผิวผลด้วย Chitosan 2% ร่วมกับ Cellophane sheet กรรมวิธีที่ 3 การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet และกรรมวิธีที่ 4 การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK แล้วเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13?2 องศาเซลเซียส 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นนำผลมาตรวจประเมินอาการไส้สีน้ำตาล พบว่า ทุกกรรมวิธีมีคะแนนไส้สีน้ำตาลไม่เกิน 2 และไม่แตกต่างทางสถิติ และมีเปอร์เซ็นต์จำนวนผลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ >70% ทุกกรรมวิธี นอกจากนี้ พบว่ากรรมวิธีที่ 3 การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet มีการสูญเสียน้ำหนักน้อยที่สุด จากการทดลองทั้ง 2 ครั้ง พบว่า กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดีสม่ำเสมอในการควบคุมอาการไส้สีน้ำตาลทั้ง 2 ครั้ง คือ การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet มีคะแนนการเกิดไส้สีน้ำตาล 1.7 คะแนน เปอร์เซ็นต์จำนวนผลที่มีค่าคะแนนการเกิดไส้สีน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ 83% อัตราการเกิดปฏิกิริยาของเอนไซม์ต่ำ กิจกรรมของแอนตี้ออกซิแดนท์ค่อนข้างสูง ปริมาณวิตามินซีสูง การสูญเสียน้ำหนักน้อย ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำตาล กรด กลิ่นและรสชาติใดๆ ดังนั้น การเคลือบผิวผลด้วย Wax GLK ร่วมกับ Cellophane sheet จึงมีประสิทธิภาพดีที่สุดในการควบคุมอาการไส้สีน้ำตาลในสับปะรดตราดสีทอง
บทคัดย่อ (EN): Internal browning occurred in fresh pineapple for export is the big problem in Thailand, especially, with cv. ‘Trad-See-Thong.’ This cultivar is suitable for export in fresh but it is so sensitive to internal browning. This project investigated the physical control of enzyme activities regulating internal browning in pineapple cv. ‘Trad-See-Thong’ in 2015-2016 at Horticultural research institute. The effectiveness of different kinds of coating, different kinds of packaging, and combining of the best kind of coating and packaging in reducing internal browning in pineapple cv. ‘Trad-See-Thong.’ The experiments were done in April and June. The mature green fruits (139 day after forcing flowering) were picked from pineapple field in Trad province and applied with treatments. After the fruits were stored at 13?2 ํC for 3 weeks, internal browning and fruit qualities were evaluated. Study of different kinds of coating was done in 2015. Five kinds of coating and control (no coating) were applied on the fruits with the RCB design with 3 replicates and 1 box per replicate (6 fuit/box). Five kinds of coating were 2% chitosan, GLK wax (commercial wax: WAXES 18% w/v Shellac, wax), cellophane sheet, 2% chitosan with cellophane sheet, and GLK wax with cellophane sheet. The results showed that GLK wax with cellophane sheet tended to be the best coating to reduce internal browning, following by 2% chitosan with cellophane sheet. From the experiment in April, fruits coated by GLK wax with cellophane sheet and those coated with 2% chitosan with cellophane sheet had internal browning score less than 2 (70% (85% and 82%, respectively). On the other hand, the experiment in June found that there was only GLK wax with cellophane sheet could reduce internal browning in the fruits with the acceptable level, 1.94 of internal browning score and 82% of number of acceptable fruit. Beside, GLK wax with cellophane sheet has no effect on other fruit qualities including firmness, weight loss, %TSS, %TA, smell and taste when compared to control fruits. However, internal browning scores were not significantly different among those fruits with different kinds of coating. This also related to the results of PPO activity and vitamin c contents which were not significantly different among those different coating fruits. However, they were clearly different between the first and the second time of the experiment and related to internal browning score. That was the second time in June had the higher internal browning score, higher PPO activity, and lower vitamin c content than the first time. It showed that weather had more impact on internal browning than coating. Study of the different kinds of packaging (MAPs) was done in 2015. Three kinds of packaging (MAPs) and control (no packaging) were applied on the fruits with the RCB design with 3 replicates and 1 box per replicate (6 fuit/box). Three kinds of packaging (MAPs) were PP (plypropylene), LDPE (low density polyethylene) and PVC (polyvinyl chloride). The results showed that LDPE (low density polyethylene) was the best packaging (MAPs) to reduce internal browning, following by PP (plypropylene). From the experiment, packing pineapple in LDPE bag showed the lowest internal browning score in both experiments in April and June, which were 2.00 and 2.67, respectively. However, the acceptable score is not more than 2 (<25% on cutting surface). For the PPO (Polyphenol oxidase) activity, it was significantly different among treatments in both times of experiments. In the experiment in June, LDPE tended to have the lowest PPO activity (375.424 ?mol/min/mg). In April, the PPO activity was lower than in June. Moreover, in April, the percentage of number of acceptable fruit (no internal browning and has <25% of internal browning on the cutting surface) of LDPE packed fruits was 75% which was higher than the acceptable level (70%). For the other quality, LDPE had an effect on weight loss. It was found that LDPE packed fruits had the lowest weight loss in the experiment in April but it was not significantly different in the experiment in June. Moreover, the firmness and %TSS of LDPE packed fruits found in the experiment in April were also the highest. However, % TSS, % TA % vitamin C smell and taste were not significantly different among treatments in the experiment in June. Study of combining of the best kind of coating and packaging was done in 2016. Seven treatments and control (no coating or packaging) were applied on the fruits with the RCB design with 3 replicates and 1 box per replicate (6 fuit/box). Seven treatments were 1) LDPE (low density polyethylene) bag, 2) GLK wax (commercial wax: WAXES 18% w/v Shellac, wax), 3) GLK wax with cellophane sheet, 4) 2% chitosan with cellophane sheet, 5) GLK wax and LDPE bag, 6) GLK wax with cellophane sheet and LDPE bag, and 7) 2% chitosan with cellophane sheet and LDPE bag. The results showed that GLK wax with cellophane sheet, 2% chitosan with cellophane sheet, and GLK wax were the best treatments for reducing internal browning. They had internal browning score in the acceptable range which is less than 2 (<25% on cutting surface), 1.7 (12.1%), 1.8 (12.8%), and 1.8 (17.1%), respectively. The percentage of number of acceptable fruit (no internal browning and has <25% of internal browning on the cutting surface) of those 3 treatment were more than 70% (83%, 89%, and 73%, respectively). Their PPO activities were the lowest, which were 20.701, 19.542, and 20.494 ?mol/min/mg protein, respectively. Moreover, their vitamin C contents were the highest, which were 21.09, 22.98, and 19.30 mg/100gFW, respectively. Therefore, in the second time, those 3 treatments were chosen to compare again. The pineapples were picked from the same place in June. Then, three treatments; 1) 2% chitosan with cellophane sheet, 2) GLK wax with cellophane sheet, and 3) GLK wax were applied on the fruits compared with control (no coating or packaging) with the RCB design with 5 replicates and 1 box per replicate (6 fuit/box). After the fruits were stored at 13?2 ?C for 3 weeks, internal browning was evaluated. It was revealed that all treatments had internal browning score less than 2. The percentage of number of acceptable fruit of all treatments were more than 70%. In addition, the fruit treated with GLK wax with cellophane sheet showed the lowest weight loss. From both experiments, the best treatment that could control internal browning well was GLK wax with cellophane sheet. This treatment had internal browning score of 1.7, the percentage of number of acceptable fruit of 83%, low PPO activity, slightly high antioxidant activity, high vitamin C content, low weight loss, and no any effect on SS, TA, smell and taste. Therefore, GLK wax with cellophane sheet was the best treatment to control internal browning in pineapple cv. ‘Trad-See-Thong’
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/292955
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: ปฏิกิริยาการเกิดสีน้ำตาล
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

วรางคณา มากกำไร. "โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีทางกายภาพThe Physical Control of Enzyme Activities Regulating Internal Browning in Pineapple cv. ‘Trad-See-Thong’". กรมวิชาการเกษตร. 2559

วรางคณา มากกำไร. "โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีทางกายภาพThe Physical Control of Enzyme Activities Regulating Internal Browning in Pineapple cv. ‘Trad-See-Thong’". กรมวิชาการเกษตร. 2559. Print.



TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีทางกายภาพ
วรางคณา มากกำไร
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2559
แผนงานวิจัยการควบคุมอาการไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทอง การพัฒนาวิธีการผลิตหน่อพันธุ์สับปะรดผลสดเพื่อการส่งออก การเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของผลสับปะรดพันธุ์ห้วยมุ่นภายหลังการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ การพัฒนาสายพันธุ์สับปะรดให้เหมาะสมกับผลสดและอุตสาหกรรมสับปะรด ศึกษาชีววิธีในการควบคุมปริมาณจุลินทรีย์วิบริโอด้วยจุลินทรีย์บาซิลลัสในห้องปฏิบัติการ การพัฒนาแนวทางในการควบคุมโรคลำต้นเน่าของปาล์มน้ำมันที่เกิดจากเชื้อสาเหตุ Ganoderma spp. การพัฒนาสายพันธุ์สับปะรดให้เหมาะสมกับผลสดและอุตสาหกรรมสับปะรด การใช้เชื้อรา Metarhizium anisopliae PSUM04 ควบคุมเพลี้ยอ่อนผัก Lipaphis erysimi (Kalt.) (Homoptera: Aphididae) ในผักคะน้าระบบไฮโดรโปนิกส์ ผลของสารป้องกันการเกิดสีน้ำตาล สารเคลือบผิวไคโตซาน และการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ ต่อการยืดอายุการเก็บรักษาผลลองกอง โครงการวิจัยการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ส่งผลให้เกิดไส้สีน้ำตาลในสับปะรดผลสดพันธุ์ตราดสีทองโดยวิธีการทางเคมี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair