สืบค้นงานวิจัย
ความหลากหลายทางพันธุกรรมและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมีของผักพื้นบ้าน (ระยะที่ 2)
บาจรีย์ ฉัตรทอง - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: ความหลากหลายทางพันธุกรรมและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมีของผักพื้นบ้าน (ระยะที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): Genetic diversity and biochemical activities test of indigenous vegetables (phase 2).
บทคัดย่อ: สำรวจและเก็บตัวอย่างผักพื้นบ้านจำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ผักฮ้วน ผักเชียงดา ถั่วแปบ และเพกา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย เพื่อศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมี โดยเก็บข้อมูลลักษณะทางสัณฐานวิทยา พฤกษศาสตร์ และ นิเวศวิทยา ขณะที่ตัวอย่างของใบและผลนำไปวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ และหาความหลากหลายทางพันธุกรรมด้วยการศึกษาลายพิมพ์ดีเอ็นเอ นอกจากนี้ยังนำสารสกัดของตัวอย่างใบและผลมาทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมี ผลจากการวิจัยพบว่าผักทั้ง 4 ชนิดนั้นเป็นพืชปลูกและเจริญเติบโตได้ในสภาพพื้นที่ทั่วไปดังนั้นลักษณะนิเวศวิทยาของแหล่งอาศัยของผักแต่ละชนิดจึงไม่ได้มีความแตกต่างกัน สำหรับการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและพฤกษศาสตร์พบว่า ผักฮ้วนแต่ละต้นพันธุ์มีลักษณะของต้น ลักษณะใบและดอกไม่แตกต่างกัน ส่วนผักเชียงดามีลักษณะต้นและดอกไม่แตกต่างกันยกเว้นความแตกต่างในรูปทรงของใบที่มีทั้งใบใหญ่กว้างและใบรียาว สำหรับถั่วแปบมีลักษณะต้นและใบที่ไม่แตกต่างกันยกเว้นสีของดอกที่พบมีทั้งสีขาวและสีม่วง อีกทั้งยังมีลักษณะผลที่มีรูปทรงและขนาดแตกต่างกัน ขณะที่เพกามีลักษณะต้น ใบและผลที่คล้ายกันแต่มีลักษณะของดอกที่แตกต่างกัน ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพและเคมีรวมทั้งคุณค่าทางโภชนาการพบว่า ดอกของผักฮ้วนมีปริมาณโซเดียม แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมสูงและยังประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และวิตามินบี1 สำหรับฝักถั่วแปบมีปริมาณโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมสูงและยังมีวิตามินอี วิตามินบี1 ขณะที่ฝักเพกามีปริมาณโซเดียม แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนสูง ผลการศึกษาปริมาณแอนติออกซิแดนท์ทั้งหมดที่พบในดอกผักฮ้วนและฝักเพกาสูงกว่าฝักถั่วแปบ สำหรับการหาความหลากหลายทางพันธุกรรมโดยใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอด้วยเทคนิคไอเอสเอสอาร์พบว่า ผักฮ้วนจำนวน 12 ต้นพันธุ์เมื่อวิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ที่เหมาะสมจำนวน 10 ชนิด มีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 64.08 ค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.67-0.81 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.79808 แสดงว่ามีความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากรผักฮ้วนอยู่ในระดับปานกลาง สำหรับผักเชียงดาจำนวน 11 ต้นพันธุ์เมื่อวิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ที่เหมาะสมจำนวน 12 ชนิด พบว่าผักเชียงดามีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 66.50 มีค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.64-0.78 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.82124 แสดงให้เห็นว่ามีความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากรผักเชียงดาอยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ถั่วแปบจำนวน 25 ต้นพันธุ์ที่วิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ 8 ชนิดพบว่า มีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 81.69 มีค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.39-0.92 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.9542 แสดงถึงมีความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรถั่วแปบอยู่ในระดับสูง ส่วนเพกาจำนวน 4 ต้นพันธุ์ที่วิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ 11 ชนิดพบว่ามีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 51.11 มีค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.59-0.73 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.87478 แสดงว่ามีความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากรเพกาอยู่ระดับปานกลาง จากผลการศึกษาสรุปว่าผักพื้นบ้านแต่ละชนิดต่างมีความผันแปรทางพันธุกรรมแม้ว่าแต่ละต้นพันธุ์มีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกันโดยผักเชียงดา เพกา และผักฮ้วนมีความหลากหลายทางพันธุกรรมต่ำกว่าถั่วแปบ สำหรับการทดสอบด้านฤทธิ์ทางชีวเคมีเพื่อหาสารสกัดที่น่าสนใจในการพัฒนายาต้านมะเร็งนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโต ฤทธิ์ชักนำให้เซลล์มะเร็ง HT-29 HepG2 และ HL-60 เกิดการตายแบบ apoptosis และฤทธิ์ต่อเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์ HL-60 โดยการนำฝักถั่วแปบจากสันป่าตอง ฝักถั่วแปบจากสารภี (Dolichos lablab L.) และใบผักฮ้วน (Dregea volubillis stapf.) มาสกัดด้วยสารละลาย methanol และ dichloromethane จำนวนทั้งหมด 6 ตัวอย่าง ผลการทดลองพบว่า สารสกัดด้วย dichloromethane ของถั่วแปบจากสันป่าตอง แสดงฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง HT-29 HepG2 และ HL-60 ได้ดีที่สุด (IC50 = 0.15?0.03, 0.11?0.02 และ 0.12?0.03 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อนำมาทดสอบกับเซลล์ HT-29 HepG2 และ HL-60 ตามลำดับ) และให้ผลที่ดีกว่า Irinothecan ซึ่งใช้เป็น positive control เมื่อทดสอบใน HT-29 และ HepG2 ประมาณ 2.6 และ 3.55 เท่าตามลำดับ และดีกว่า doxorubicin ซึ่งใช้เป็น positive control เมื่อทดสอบใน HL-60 ประมาณ 4 เท่า สารสกัดด้วย methanol ของฝักถั่วแปบจากสันป่าตอง สามารถชักนำให้เซลล์ทดสอบทั้ง 3 ชนิดเกิด nuclear condensation และ single large vesicle ขณะที่สารสกัดทั้ง 2 แบบจากฝักถั่วแปบจากสารภี แสดงความเป็นพิษต่อเซลล์ทดสอบน้อยที่สุด สารสกัดด้วย dichloromethane ของฝักถั่วแปบจากสันป่าตอง แสดง ความจำเพาะ (specificity) ต่อเซลล์ HT-29 ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ โดยสามารถชักนำให้เซลล์ดังกล่าวเกิดการแตกหักของดีเอ็นเอ (DNA fragmentation) ซึ่งเป็นลักษณะบ่งชี้ของการที่เซลล์เข้าสู่ apoptosis หรือ program cell death และสารสกัดนี้ที่ความเข้มข้น กับช่วงเวลาที่ใช้เดียวกัน แสดงฤทธิ์กระตุ้นการหลั่ง TNF-a จาก HL-60 ซึ่งเป็นสารตัวกลางที่เกี่ยวข้องในเชิงผลักดันให้ apoptosis pathway ดำเนินไป และลดการหลั่ง IL-10 ซึ่งเป็น cytokines ที่แสดงฤทธิ์ negative feed back ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แสดงว่าสารสกัดดังกล่าวแสดงฤทธิ์ต้านมะเร็งและไม่กดสภาวะที่ถูกกระตุ้นของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
บทคัดย่อ (EN): Survey and sampling of four indigenous vegetables; Dregea volubilis Stapf., Gymnema inodorum Dence., Dolichos lablab Linn. and Oroxylum indicum (L.) Vent. in Chiang Mai, Lamphun and Chiang Rai provinces. Collected plant samples were used for genetic diversity assessment and biochemical activities tests. Morphological, botanical and ecological characters included nutritional value were also studied. The leaf samples were analyzed for DNA fingerprinting to determine their genetic diversity. Moreover, the vegetable extracts were used for testing the biochemical effects. The results revealed that four indigenous vegetables were cultivated plants which grow easily in every area. The ecology and habitat of the accessions in each species were similar. The morphological and botanical characters of Dregea volubilis accessions such as stems and leaves were similar. While the Gymnema inodorum accessions were similar in stem, flower but leaves were different in shape, blade and long. For the accessions of Dolichos lablab, stems and leaves were similar but flower colors were white and purple. Fruits were different in shape and size. While Oroxylum indicum accessions were similar in stems, leaves and fruits but flowers were different in size and color. For the nutritional value of vegetables, three plants were analyzed. The results found that young flowers of Dregea volubilis were high in sodium, calcium, iron, phosphorus potassium and it also composted of vitamin A, E, B1 and beta carotene. While Dolichos lablab’s fruits (pods) were high in protein, calcium, phosphorus, potassium and composted of vitamin E and B1. For the fruits (pods) of Oroxylum indicum were high in sodium, calcium, iron, phosphorus potassium, vitamin A, E, and beta carotene. The total antioxidant of Dregea volubilis and Oroxylum indicum was higher than Dolichos lablab. For DNA fingerprinting analysis, ISSR technique was used to identify four indigenous vegetables. The result revealed that 12 accessions of Dregea volubilis were analyzed by 10 primers, 64.08 % were polymorphic bands. The similarity coefficient was ranged from 0.67-0.81 and the cophenetic correlation was 0.79808, which indicated that medium levels of genetic variation in the populations. For Gymnema inodorum, 11 accessions were analyzed by 12 primers, 66.50% were polymorphic bands. The similarity coefficient was ranged from 0.64-0.78 and the cophenetic correlation was 0.82124 which indicated that medium level of the genetic diversity in the populations. While 25 accessions of Dolichos lablab were analyzed by 8 primers, 81.69 % were polymorphic bands. The similarity coefficient was ranged from 0.39-0.92 and the cophenetic correlation was 0.9542. The level of genetic diversity in the populations was high. The last plant, 4 accessions of Oroxylum indicum were analyzed by 11 primers, 51.11 % were polymorphic bands. The similarity coefficient was ranged from 0.59-0.73 and the cophenetic correlation was 0.87478 which indicated that the level of genetic diversity in the populations was also medium. This analysis was concluded that four vegetable species collected from different areas showed genetic variation despite their similar appearance. However, Dolichos lablab was higher level of genetic diversity than Dregea volubilis, Oroxylum indicum and Gymnema inodorum. The objectives of biochemical activities tests were to investigate the anti-proliferation, apoptosis induction (morphological changes and DNA fragmentation induction) and immunomodulating activities of the crude extract from two kinds of Dolichos lablab ‘s pods: San Pa Tong (SPT) and Saraphi (SP) and Dregea volubilis’s leaves. The three methanolic extracts and three dichloromethane extracts were prepared. Dichloromethane extract of Dolichos lablab from San Pa Tong shows the highest anti-proliferation activities (IC50 = 0.15?0.03, 0.11?0.02 and 0.12?0.03 ?g/ml in HT-29, HL-60 and HepG2, respectively (in which 12.6 and 3.55 times stronger than Irinothecan and four times stronger than doxorubicin, respectively). The methanolic extracts of Dolichos lablab from San Pa Tong can induce the morphological changes, single large vesicle and nuclear condensation in those three cancer cells and DNA fragmentation in HT-29 within 6 hours. The dichloromethane extracts of Dolichos lablab from San Pa Tong shows the specific activities to HT-29, the human colon colorectal adenocarcinomas. They can induce the DNA fragmentation, the signs of program cell death, within 6 hours and also increase the TNF-a secretion and decrease IL-10 secretion from HL-60 within 6 hours.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: ฤทธิ์ชักนำให้เกิด
คำสำคัญ (EN): apoptosis induction activity
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความหลากหลายทางพันธุกรรมและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมีของผักพื้นบ้าน (ระยะที่ 2)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
30 กันยายน 2556
ความหลากหลายทางพันธุกรรมและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวเคมีของผักพื้นบ้าน (ระยะที่ 1) การผลิตวุ้นจากน้ำผักพื้นบ้าน การสลายตัวของเมโทมิลในผักชนิดต่าง ๆ การจัดระบบปลูกผักพื้นบ้านเพื่อเศรษฐกิจชุมชน ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผักและความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดปทุมธานี ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผัก และความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดนครนายก ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของผักพื้นบ้านแผ่น การปนเปื้อนเชื้อ Escherichia coli Miguli และ Salmonella spp. ในดิน และผักที่ปลูกโดยใช้มูลวัวหมักและไม่หมัก การประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมของข้าว โดยใช้เครื่องหมายโมเลกุล SSR ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ควบคุมเชื้อรา Aspergillus flavus และสารพิษแอฟลาทอกซินในข้าวโพความชื้นสูง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก