สืบค้นงานวิจัย
ผลของความเค็มน้ำ ชนิดอาหาร และสิ่งหลบซ่อนต่อการพัฒนาการ การเจริญเติบโตและการรอดตายของการอนุบาลลูกปูม้า (Portunus pelagicus Linnaeus)
สุริยัน ธัญกิจจานุกูจ - มหาวิทยาลัยบูรพา
ชื่อเรื่อง: ผลของความเค็มน้ำ ชนิดอาหาร และสิ่งหลบซ่อนต่อการพัฒนาการ การเจริญเติบโตและการรอดตายของการอนุบาลลูกปูม้า (Portunus pelagicus Linnaeus)
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of Salinity, Type of Feed, and Shelter on Devrlopment, Growth and Survival Rate for Larviculture of Blue Swimming
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุริยัน ธัญกิจจานุกูจ
บทคัดย่อ: ทำการทดลองอนุบาลลูกปูม้า (Portunus pelagicus) เชิงพาณิชย์ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะซูเอีย (Zoca Stage) เมกาโลปา (Megalopa Stage) และระยะตัวปู (Crab Stage) ด้วยการออกแบบการทดลองแบบแฟคทอเรียล ในบ่อคอนกรีตขนาด 1.3 เมตร x 3.35 เมตร x 0.70 เมตร โดยใช้ระดับความหนาแน่น 225 ตัว/ลิตร, 20 ตัว/ลิตร และ 2 ตัว/ตารางนิ้ว ตามลำดับ ภายใต้ระดับความเค็มน้ำ 24,27 และ 30 ppt โดยมีชนิดของอาหารเป็นปัจจัยร่วมในการอนุบาลลูกปูระยะซูเอีย และการใช้วัสดุหลบซ่อนของการอนุบาลในระยะเมกาโลปาและระยะตัวปู เพื่อตรวจสอบการรอดตาย การเจริญเติบโต และการพัฒนาการของลูกปูม้า ผลจากการอนุบาลในระยะซูเอีย พบว่า ชนิดอาหารมีผลต่อการรอดตาย กล่าวคือการอนุบาลโดยใช้โรติเฟอร์กับอาร์ทีเมียวัยอ่อน มีอัตราการรอดตายสูงสุด (56.1+-1.8%) โดยสูงกว่าการอนุบาลด้วยโรติเฟอร์ร่วมกับอาร์ทีเมียแฟลก (42.4 +- 2.1%) (p<.05) ขณะที่ไม่แตกต่างไปจากการใช้โรติเฟอร์ร่วมกับไรแดง (p>0.5) ชนิดอาหาร ความเค็มน้ำและความเค็มน้ำร่วมกับอาหาร มีผลต่อการเจริญเติบโต (p<.05) การอนุบาลที่ความเค็มน้ำ 24 และ 27 ppt ลูกปูจะมีความยาวสูงกว่าการอนุบาลในความเค็มน้ำ 30 ppt (p<.05) ซึ่งการใช้โรติเฟอร์ร่วมกับอาร์ทีเมียวัยอ่อน ส่งผลให้ลูกปูมีความยาวเพิ่มสูงขึ้นกว่ากลุ่มอื่น ๆ (p<.05) หากพิจารณาทั้งสองปัจจัยร่วมกันแล้ว พบว่าลูกปูที่อนุบาลที่ความเค็มน้ำ 24,27,และ 30 ppt ที่อนุบาลด้วยโรติเฟอร์ร่วมกับอาร์ทีเมียวัยอ่อน และความเค็มน้ำ 27 ppt ที่อนุบาลด้วยโรติเฟอร์ร่วมกับไรแดงมีความยาวสูงสุด และไม่แตกต่างกัน แต่พบว่าลูกปูมีความยาวเพิ่มขึ้นต่ำสุดเมื่ออนุบาลด้วยโรติเฟอร์ร่วมกับอาร์ทีเมียแฟลก โดยมีความยาวลดลง (p<.05) เมื่อความเค็มน้ำสูงขึ้น ความเค็มน้ำที่สูงขึ้นส่งผลให้ปูใช้ระยะเวลาการพัฒนาการตั้งแต่แรกฟักจนถึงเริ่มเข้าระยะเมกาโลปาสั้นลง (p<.05) ความเค็มน้ำ 30 ppt ส่งผลให้ลูกปูระยะซูเอียใช้ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด (8.1+-0.4 วัน) การใช้โรติเฟอร์ร่วมกับ อาร์ทีเมียแฟลก ส่งผลให้ใช้เวลาในการพัฒนาการของลูกปูระยะซูเอียนานที่สุด (p<.05) ขณะที่ความเค็มน้ำร่วมกับชนิดอาหารไม่มีผลต่อระยะเวลาการพัฒนาการ (p>.05) ผลการอนุบาลปูม้าระยะเมกาโลปาและตัวปู (C1-C5) พบว่าความเค็มน้ำและความเค็มน้ำร่วมกับการใช้วัสดุหลบซ่อนไม่มีผลต่ออัตราการรอดตาย การเจริญเติบโต และการพัฒนาการของลูกปูทั้งสองระยะ (p>.05) การใช้วัสดุหลบซ่อนแขวนในแนวดิ่ง ส่งผลให้ลูกปูระยะเมกาโลปามีอัตราการรอดตาย (58.9+-1.9%)สูงกว่าการใส่วัสดุกองพื้น และให้ผลในทางกลับกันในระยะตัวปู (p<.05) ในทางตรงกันข้ามการใส่วัสดุหลบซ่อนแขวนแนวดิ่ง ส่งผลให้ลูกปูระยะเมกาโลปามีการเจริญเติบโตช้ากว่าการใช้วัสดุหลบซ่อนกองที่พื้น และให้ผลในทางกลับกันในระยะตัวปู (p<.05)
บทคัดย่อ (EN): Crab (Potunus pelagicus) larval stages (zoea,megalopa,and crab) were commercially cultured in 1.3 m x 3.35 m x 0.70 m concrete tank under factorial design at densities of 225 zoca/L,20 megalop/L and 2 crab/inch2,respectively. The three levels of salinity of 24 ppt,27 ppt and 30 ppt were the main factors for larviculture. Type of feed was the co-factor for zoeal culture while shelter was cofactor for megalopa and crab culture. Survival rate, growth and metamorphosis period were examined. The result of the study indicated that the survival rate was significantly affected by type of feed (p<.05) The highest survival rate (56.1+-1.8%) was found in zoca fed on rotifer (Brachionus plicatitis) + newly-hatched Artemia. This value was significantly higher that of zoea fed on rotifer and artemia flake group (p<.05) but it was not significant defferent from zoea fed on rotifer+water flea (Moina macroopa). Growth was significantly effected (p<.05) by salinity, type of feed and co-factor of salinity and feed. The length gain of zoea in 24 ppt and 27 ppt showed significantly (p<.05) higher than that of 30 ppt. The significant growth in length gain was found in zoea fed on rotifer+artemia nauplii Furthermore, interaction between salinity and feed was also significantly (p<.05) affected on growth. The results results revealed that zoea fed on retifer+artmemia nauplii under 24 ppt, 27 ppt and 30 ppt and rotifer+ water flea under 27 ppt were significant highest (p<.05) but it was not significantly defferent among these groups (p>.05). The significant lowest in lenght gain was found in Zoea fed with retifer+aremia flake and its growht would be significantly decreased (p<.05) when the salinity increased. Metamorphosis period (from hatch to the initial period of metamorphosed megalopa) significantly decreased when salinity increased. The significant (p<.05) shortest period (8.1+-0.4 day) from zoea to megalopa stages was found in zoea under 30 ppt. The significant (p>.05) longest period was found in zoea fed on rotifer+artemia flake. However, the metamorphosis period was not significantly influenced by the interaction of salinity and feed. For megalopa and crab culture, survival rate, growth and metamorphosis period were not significantly affected by salinity as well as salinity and shelter. Survival rate of megalopa (58.9+-1.9%) using vertical line of oyster shell was significantly higher than that of using horizontal onc and vice versa for crab stage (p<.05). On the contrary,growth of megalopa using vertical shelter showed significantly lower than that of using horizontal one and vice versa for crab stage (p<.05).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=95&RecId=10384&obj_id=82170
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยบูรพา
คำสำคัญ: วิจัย
คำสำคัญ (EN): 639
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยบูรพา
รายละเอียด: Crab (Potunus pelagicus) larval stages (zoea,megalopa,and crab) were commercially cultured in 1.3 m x 3.35 m x 0.70 m concrete tank under factorial design at densities of 225 zoca/L,20 megalop/L and 2 crab/inch2,respectively. The three levels of salinity of 24 ppt,27 ppt and 30 ppt were the main factors for larviculture. Type of feed was the co-factor for zoeal culture while shelter was cofactor for megalopa and crab culture. Survival rate, growth and metamorphosis period were examined. The result of the study indicated that the survival rate was significantly affected by type of feed (p
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของความเค็มน้ำ ชนิดอาหาร และสิ่งหลบซ่อนต่อการพัฒนาการ การเจริญเติบโตและการรอดตายของการอนุบาลลูกปูม้า (Portunus pelagicus Linnaeus)
มหาวิทยาลัยบูรพา
2547
รายงานการวิจัยผลของระดับน้ำมันปลาทะเลในอาหาร และช่วงระยะเวลาการให้อาหารต่อสมรรถนะการเจริญเติบโต และส่วนประกอบของกรดไขมัน ชนิดโอเมก้า-3 ในเนื้อไก่พื้นเมือง รายงานการวิจัยเรื่อง การวัดประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของลูกปลาดุกวัยอ่อนต่อระดับโปรตีนในอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลในจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานการวิจัยการโคลน cDNA ของยีนควบคุมการกินอาหาร และ ยีนควบคุมการเจริญเติบโต และการศึกษาการแสดงออกของยีนควบคุมการกินอาหารในปลาสลิด ผลการใช้มันสำปะหลังหมักในสูตรอาหารต่อการเจริญเติบโต การรอดตาย และ ผลตอบแทนจากการเลี้ยงปลานิล ผลของความหนาแน่นของลูกปลา โรติเฟอร์ และระยะเวลาเปลี่ยนชนิดของอาหารต่ออัตรารอดและการเจริญเติบโตของลูกปลาแมดาริน, Synchiropus splendidus (Herre, 1927). รายงานวิจัยเรื่อง การศึกษาเปรียบเทียบน้ำสกัดชีวภาพโดยใช้น้ำตาลต่างชนิดกันในการหมักต่อการเจริญเติบโตของผักคะน้า การศึกษาผลของอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สูตร MS ร่วมกับสารสกัดจากดินที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเบญจมาศ การเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของต้นกล้าแตงกวาบนอาหาร ที่มีสารเร่งการเจริญเติบโต 4 สูตร อิทธิพลของต้นตอต่อการเจริญเติบโตของยอดพันธุ์ดีและการเปลียนแปลงปริมาณธาตุอาหารในใบของลำไย รายงานการวิจัย อิทธิพลของน้ำสกัดชีวภาพจากหอยเชอรี่ต่อการเจริญเติบโตของผักกาดเขียวกวางตุ้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก