สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปกระชายสู่ชุมชน
ประพฤติ พรหมสมบูรณ์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
ชื่อเรื่อง: การวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปกระชายสู่ชุมชน
ชื่อเรื่อง (EN): (Research and Production Technology's Transfer of Krachai to the Community Wealth Development)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ประพฤติ พรหมสมบูรณ์
บทคัดย่อ: การปลูกกระชายเพื่อการค้ำใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครปฐม, กาญจนบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 6 สิงหาดม 2550 ถึง 10 ธันวาคม 2550 การสำรวจพบว่าการปลูก กระชายใน 3 จังหวัด มีการปลูกกระชายในสภาพแปลงกลางแจ้ง โดยปลูกกระชายเป็นพืชหลัก เริ่ม ปลูกในเดือน เมษายนถึงพฤษภาคม โคยจังหวัคนครปฐม ใช้ระยะปลูก 20x20 เซนดิเมตร จังหวัด กาญจนบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันช์ ใช้ระยะปลูก 20x30 เชนติมตร ใช้ฟางคลุมแปลงหลังปลูก การใส่ปุ๊ย เกษตรกรจะใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง เมื่ออายุ 1,3 และ 5 เคือน ทำการกำจัดวัชพืชพร้อมกับการใส่ปุ๊ยที่ อาขุ 3 เคือน ให้น้ำด้วยใช้ระบบพ่นฝอยหรือระบบสปริงเกอร์ การเก็บเกี่ยวจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน กันยายนถึงชันวาคม หรือที่อายุ 6-8 เคือน รายได้ของเกษตรกร จะมีรายได้จากการขายกระชายและพืช ที่ปถูกร่วมได้แก่ กระเพรา โหระพา ผักชี พริก เผือก และข้าวโพค พันธุ์กระชายที่เกษตรกรปลูก ส่วน ใหญ่จะใช้พันธุ์รากกถั่วยและพันธุ์พวง ตลาดของกระชาย ส่งขายคลาคนครปฐม และตถาดไท ราคา ขายต่ำสุดอยู่ที่ 6-7 บาทกิโลกรัม ราคาขายสูงสุด อยู่ที่ 40-50 บาทกิโลกรัม ผลของระยะปลูกต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของกระชาย ทคลอง ณ แปลงวิจัยพืชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโถยีราชมงคลตะวันอก อำเภอศรี ราชา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม 2550 ถึง 26 มกราคม 2551 โดยวางแผนการทคลอง แบบ RCBD จำนวน 5 ซ้ำ มี 4 ระยะปลูก คือ 20X20, 20X30, 20X40 และ 20X50 เซนติเมตร พบว่า ระชะปลูกทั้ง 4 ระชะ ไม่ทำให้ความสูงคันของกระชายที่อายุ 96 และ เร9 วัน แตกต่างทางสถิติแต่ โลยพบว่าความสูงกระชายที่อายุ 96 และ 159 วัน มีความสูงเฉลี่ย 33.23 และ 34.64 เซนศิเมตร ตามลำดับ แต่ระยะปลูกทำให้ผลผลิตต่อแปลงและผลผลิตต่อไร่ มีความแตกต่างทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญยิ่ง กล่าวคือ ที่ระยะปลูก 20X20 เซนติมตร ให้ผลผลิตต่อไร่สูงที่สุด คือ 2,704 กิโลกรัมต่อ ไร่ ในขณะที่ระยะปลูก 20X30 20X40 และ 20X50 เซนติมตร ให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันโดยให้ ผลผลิต 1,208 1,104 และ 768 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำคับ เมซ การศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชากระชายผสมอบเชยและดอกเก๊กฮวย ทำการพัฒนาสูตร ดันแบบโคยวางแผนการทคลองแบบ Mixture Design แบบ Simplex Latice Design ซึ่งจะ ทำการศึกษา 3 ปัจจัย คือ ปริมาณกระชายที่ระดับร้อยละ 50 - 80 ปริมาณของอบเชยที่ระดับร้อยละ 15 - 45 และปริมาณดอกเก๊กฮวยที่ระดับร้อยละ 5 - 35 พบว่าสูตรที่เหมาะสม ประกอบด้วย กระชายร้อยละ 50 อบเซร้อยละ 45 และดอกเก็กฮวยร้อยละ 5 และเมื่อนำผลิตภัณทัชาสูตรนี้มา พัฒนากรรมวิธีการผลิตที่เหมาะสม โยนำวัตถุดิบแต่ละตัวมาบคและร่อนผ่านตะแกรง 3 ขนาด คือ 35 เมซ 60 เมซ และ 120 เมซ ตามลำคับ พบว่าผลิตภัณฑ์ชาที่ผ่านการร่อนตะแกรงขนาด 120 เป็นกรรมวิธีที่มีความเหมาะสมที่สุด จากนั้นนำผลิตภัณฑ์ชากระชายผสมอบเชยและดอก เก๊กฮวยที่ผ่านการพัฒนาแล้ว มาวิเคราะห์คุณภาพทางค้านค่สี พบว่า มีค่า L* a* 6* เท่ากับ 88.15 1.94 และ 19.25 ตามสำคับ ปริมาณความชื้นร้อยละ 9.70 และมีปริมาณน้ำอิสระเท่ากับ 0.52 ส่วน ปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ชที่ยังไม่ได้ขงและน้ำชาเท่ากับ 7 x 10 CFU/กรัม และ 6x 10 CFบมิลลิกรัม ตามลำดับ และปริมาณยีสต์และราของผลิตภัณฑ์ชาที่ยังไม่ได้ชงเท่ากับ 1 x 10 CFบกรัม ส่วนผลิตภัณฑ์ชาที่เป็นน้ำชาไม่พบจุลินทรีย์จำพวกยีสต์และรา และนำมาทคสอบคุณภาพ ทางประสาทสัมผัสกับผู้บริโภคจำนวน 30 คน พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนนความชอบคุณลักษณะ ด้านสี กลิ่นกระชาย กถิ่นอบเชย กถิ่นดอกเก็กฮวย รสหวาน รสเผ็คร้อน กลิ่นรสกระชาย กลิ่นรส อบเชย กลิ่นรสเก็กฮวย และความชอบรวม เท่ากับ 7.01 7.33 6.27 6.90 6.73 6.70 6.80 6.20 6.83 และ 7.20 ตามสำคับโดยมีคะแนนยู่ในระดับชอบเล็กน้อยถึงชอบปานกลาง และเมื่อนำผลิตภัณฑ์ มาทดสอบการยอมรับของผู้บริโภคจำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนนความชอบอยู่ในระดับ ชอบปานกลาง (คะแนนเฉลี่ยความชอบเท่ากับ 73) และผู้บริโภคให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ชากระชาย ผสมอบเชยและดอกเก็กฮวย ร้อยละ 94 การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำกระชายพร้อมดื่มโดยใช้แอสปาร์แตมและอะซีซัลเฟม เค เป็นสาร ทคแทนความหวาน โคยทำการศึกษาการสกัดน้ำกระชาย 2 วิธี คือ การสกัดน้ำกระชายแบบแยกกาก และ การสกัดโดยใช้ความร้อน นำมาทำการคัดเลือกโดยทดสอบคุณภาพทางประสาทสัมผัสโดย วิธีการเปรียบเทียบตัวอย่างคู่เพื่อหาความชอบ (Pair Preference Tes) พบว่าผู้ทคสอบชอบน้ำกระชาย ที่ทำการสกัดแบบแยกกากมากกว่าน้ำกระชายที่ทำการสกัดโดยใช้ความร้อน จากนั้นได้ทำการศึกษา ระดับของน้ำกระชาย น้ำมะนาว และน้ำผึ้งที่เหมาะสมโคยการวางแผนการทคลอง Miture Desien แบบ Simplex Latice Design ซึ่งศึกษา 3 ปีจจัย คือ ปริมาณน้ำกระชาย ร้อยละ 45-50 น้ำมะนาว ร้อย ละ 10-15 และน้ำผึ้ง ร้อยละ 40-45 พบว่าสูตรที่เหมาะสม ประกอบวยน้ำกระชายร้อยละ 47.5 น้ำ มะนาวร้อยละ 10 และน้ำผึ้งร้อยละ 42.5 และทำการศึกษาการใช้ตารรักษาลักษณะความขุ่นคงตัว โดขวางแผนการทดลองแบบ CRD ศึกษาปริมาณ CMC 3 ระดับ คือ ร้อยละ 0.2 0.5 และ 0.8 และ สูตรควบคุม (ไม่มีเติม CMC ) พบว่าระคับของ CMC ที่เหมาะสมคื ร้อยละ 0.20 จากนั้นจึง ทำการศึกษาการใช้สารทดแทนความหวานโดยการวางแผนการทคลอง(2x2) +1 Factorial in CRD ทำการศึกษา 2 ปัจจัย 2 ระดับ คือ แอสปาร์แตม เท่ากับร้อยละ 0.03 และ 0.032 และอะซีซัลเฟม เค เท่กับร้อยละ 0.01 และ 0.012 กับสูตรที่ใช้น้ำผึ้ง(cntro) พบว่าสูตรที่เหมาะสมคือสูตรที่ใช้ ะชี ซัถฟม เค ร้อยละ 0.012 แอสปาร์แตมร้อยละ 0.030 จากนั้นได้ทำการศึกบาอุณหภูมิในการพาสเจอร์ ไรส์ที่เหมาะสม 3 ระดับ คือ ร 85 และ 95 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 3 นาที พบว่า อุณหภูมิในการ พาสเจอร์ไรส์ที่เหมาะสม คือ 85 องศาเซถเซียส เวลา 3 นาที และนำผลิตภัณฑ์น้ำกระชายพร้อมดื่ม โดยใช้แอสปาร์แตมและอะซีซัลเฟม เเป็นสารทแทนความหวานไปศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ สุดท้าย พบว่ามีค่า L*a*b* เท่ากับ 15.12 11.68 และ 24.83 ตามลำคับ ความหนึ่ค 28.24 เซนติพอยค์ ปริมาณของแข็งที่ละลายในน้ำได้ 10 องศาบริกซ์ P! 4.25 ปริมาณกรดทั้งหมคร้อยละ 0.23 ปริมาณจุ ลินทรีย์ทั้งหมด 1.3 x 10 โคโลนีต่อมิลถิลิตร และเมื่อทคสอบคุณภาพทางประสาทสัมผัสด้วยวิธี 9 - Poit Hedonic Scaling ใช้ผู้ทคสอบจำนวน 30 คนพบว่า คุณลักษณะทางด้านสี กลิ้นกระชาย รสหวาน รสเปรี้ยว กถิ่นรสกระชาย และความชอบรวมมีคะแนนเฉลี่ยความชอบเท่ากับ 7.76 7.26 7.73 7.40 743 และ 7:33 คามลำคับ แล้วทำการศึกษาอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ โคยบรรจุในขวดโพดีเอ ทิลืนขนาด 200 มิลลิลิตร เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 4-10 องศาเซลเซียส พบว่ามีอายุการเก็บรักษาได้เพียง I วัน และเมื่อนำมาทดสอบการยอมรับของผู้บริโภคจำนวน 100 คน พบว่าผู้บริโภคชอบผลิตภัณฑ์อยู่ใน ระดับชอบปานกลาง(คะแนนเท่ากับ 7.33)ให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ร้อยละ 91
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
คำสำคัญ: ชุมชนเข้มแข็ง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปกระชายสู่ชุมชน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
30 กันยายน 2551
การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดคั่ว การศึกษาความต้องการจำเป็นและรูปแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจัยที่เหมาะสมของชุมชนภายใต้เครือข่ายคลินิกเทคโนโลยี การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลคนเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองภายในชุมชน: กรณีศึกษา ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ได้ผลผลิตและคุณภาพlสูงในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว: จากงานวิจัยถ่ายทอดสู่ชุมชน การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย โครงการวิจัยศึกษาการผลิตกระชายดำที่มีคุณภาพ การเพิ่มผลผลิตและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงกุ้งฝอยน้ำจืดแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวปลอดภัยด้วยการให้ปุ๋ยตามความต้องการของพืชและค่าการวิเคราะห์ดิน การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาองค์ความรู้การจัดการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่เหมาะสมและยั่งยืนในพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ให้กับชาวประมงบ้านแหลม ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก