สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่
กรวิกา รัตนนพนันทน์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): The Use of LDD Soil Testing Kit for Chemical Fertilizer Recommendation for maize at Chiang mai
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรวิกา รัตนนพนันทน์
บทคัดย่อ: การศึกษาประสิทธิภาพชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับคำแนะนำปุ๋ยสำหรับปลูกข้าวโพดในจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการในพื้นที่ บ้านศรีประดู่ หมู่ 10 ต.แม่ปิ้ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2557-2558 บริเวณพิกัด 520830 N 2126109Eในกลุ่มชุดดินที่ 29 ชุดดินแม่แตง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการใช้ชุดตรวจสอบดินภาคสนามของกรมพัฒนาที่ดิน (LDD Soil Test Kit) ที่เหมาะสมสำหรับใช้ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพด โดยในปี 2557 วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block จำนวน 4 ซ้ำ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ 888 เป็นพืชทดลอง มี 6 วิธีการ คือ ไม่ใส่ปุยทุกชนิด (T1) (0 กิโลกรัมN/ไร่,0 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 0 กิโลกรัมK2O/ไร่) ใส่ปุยตามวิธีการและอัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติ (T2) (12.2 กิโลกรัมN/ไร่, 3 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 3 กิโลกรัม K2O/ไร่) ประเมินอัตราปุยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตร (T3) (15 กิโลกรัมN/ไร่, 0 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 0 กิโลกรัม K2O/ไร่) ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่วิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดิน และประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืซที่ 50 เปอร์เซ็นต์ และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสในดินที่ 10 มิลสิกรัมต่อกิโลกรัม และค่าวิกฤตโพแทสเซียมในดิน 80 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เป็นเกณฑ์ (T4) (24.61 กิโลกรัมN/ไร่, 0 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 0 กิโลกรัมK2O/ไร่) ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมของพืช ร่วมกับการชดเชยปริมาณธาตุอาหารที่สูญเสียจากกระบวนการซะล้างของดินคิดเป็นปริมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของการดูดใช้ของพืซเป็นเกณฑ์ (T5) (32.48 กิโลกรัมN/ไร่, 0 กิโลกรัมP203/ไร่, 4.86 กิโลกรัมK0/ไร่) ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้คำแนะนำของสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน (T6) 16 กิโลกรัมN/ไร่, 10 กิโลกรัมP20s/ไร่, 0 กิโลกรัมK2O/ไร่) และในปี 2558 เปลี่ยนวิธีการทดลองใน 15 และ T6 ดังนี้ ปุยอัตราแนะนำสูงสุดของกรมวิชาการเกษตร (T5) (20 กิโลกรัม.N/ไร่, 10 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 10 กิโลกรัม K2O/ไร่) ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินจากชุดตรวจสอบดินภาคสนามของกรมพัฒนาที่ดิน (LDD Soil Test Kit) โดยใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตร (T6) (10 กิโลกรัมN/ไร่, 0 กิโลกรัมP2O5/ไร่, และ 10 กิโลกรัมK2O/ไร่) ผลการทดลอง พบว่า ด้านสมบัติทางเคมีของดินทั้ง 2 ปีการทดลองค่าความเป็นกรดเป็นด่งของดินอยู่ในระดับกรดรุนแรงมาก เท่ากับ 3.9-4.3 หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพด การใส่ปุ๋ยเคมีและไม่ใส่ปุยไม่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของปริมาณอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในทางสถิต ด้านผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในปีการทดลองที่ 1 (2557) อัตราการใส่ปุ๋ยแบบที่ 4 ให้ผลผลิต น้ำหนักแห้งตอซังและส่วนเหนือดินทั้งหมดสูงที่สุด (848.83 1,1 13.00 และ 1,834.50 กิโลกรั่มต่อไร่ ตามลำดับ) ส่วนปีการทดลองที่ 2 (2558) ผลผลิตของข้าวโพดมีความแตกต่างกันทางสถิติและให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการที่ไม่ใส่ปุย โดยให้ผลผลิตอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1,337 -1,6 10 กก./ไร่ การใส่ปุยวิธีการที่ 3 ให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการที่ 2 เท่ากับ 5.13 เปอร์เซ็นต์ และเป็นวิธีการที่ให้ผลผลิต น้ำหนักแห้งตอซังและน้ำหนักส่วนเหนือดินสูงที่สุด (1,610.041,751.90 และ 3,120.44 กิโลกรัมต่อไร่) ส่วนปริมาณการสะสมไนโตรเจนในส่วนต่าง ๆ ข้าวโพด (เมล็ด ตอซัง และส่วนเหนือดินทั้งหมด) ของวิธีการที่ไม่มีการใส่ปุ๋ย เป็นการสะสมไนโตรเจนจากดินตามธรรมชาติในปีที่ 1 (2557) มีค่าเท่ากับ 5.09 5.58 และ 10.67 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ดังนั้นการดูดใช้ไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพด คือไนโตรเจนที่ได้จากปุยเคมีที่ใส่เพิ่มเติมลงไปในดินในวิธีการทดลองที่ (2-6) ที่มีการใส่ปุ่ยไนโตรเจนอัตราต่าง ๆ (12.2 15 24.61 32.48 และ 16 กิโลกรัม N ต่อไร่ มีค่าเท่ากับ 4.97 2.67 9.48 4.47 และ 3.08 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ การใส่ปุยเคมีทุกอัตราไม่มีผลทำให้สมบัติของดินหลังการเก็บเกี่ยวต่างจากการไม่ใส่ปุยในทางสถิติ ปีที่ 2 (2558) มีการสะสมไน่โตรเจนจากดินตามธรรมชาติ (วิธีการที่ 1) เท่ากับ มีค่าเท่ากับ 17.86 6.76 และ 24.61 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ดังนั้นการดูดใช้ไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพด คือไนโตรเจนที่ได้จากปุยเคมีที่ใส่เพิ่มเติมลงไปในดินในวิธีการทดลองที่ (2-6) ที่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่าง ๆ (12.2 15 31.72 20 และ 10 กิโลกรัม N ต่อไร่) มีค่าเท่ากับ 9.87 9.68 9.47 2.47 และ 2.85 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ การประเมินอัตราปุ้ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ในโตรเจนของพืซร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุใน การดูดใช้ไนโตรเจนของต้นข้าวโพดเมื่อให้ผลผลิตตามที่คาดหวัง (900 กิโลกรัมต่อไร่)โดยถือว่าต้นข้าวโพดมีประสิทธิภาพในการดูดใช้ในโตรเจนจากปุย 50 เปอร์เซ็นต์ และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ค่วิกฤตโพแทสเซียมในดิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (24.61 กิโลกรัมN/ไร่, กิโลกรัมP2O5:/ไร่, 0 กิโลกรัมK2O/ร่) ให้ผลผลิต การสะสมธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในส่วนเหนือดิน รายได้สุทธิสูงที่สุดในปีการทดลองที่ 1 และลดลงเมื่อมีการทดลองในปีที่ 2 เนื่องจากปริมาณปุยที่ใส่เพิ่มเติมลงไปมากเกินไปแต่อัตราการดูดใช้ปุ๋ยของข้าวโพดมีน้อยเพียงแค่ 14 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผลตอบแทนเหนือต้นทุนผันแปร (B/C ratio) ต่ำที่สุด เท่ากับ 0.285 เมื่อเปรียบเทียบ อัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติ (12.2 กิโลกรัมN/ไร, 3 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 3 กิโลกรัม K2O/ไร่) กับอัตราการใส่ปุยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้กณฑ์ของกรมวิซาการเกษตร (15 กิโลกรัม N ไร่, 0 กิโลกรัมP2O5/ไร่, 0 กิโลกรัมK2O/ไร่)และอัตราการใส่ปุยตามค่วิเคราะห์ดินจากชุดตรวจสอบดินภาคสนามโดยใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตร (10 กก.N/ไร, 0กก.P2O5/ไร่, และ 10 กก.K2O/ร่) ให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันทางสถิติ มีปริมาณปุ๋ยที่ใส่ใกล้เคียงกันเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนปุ้ยกับอัตราเกษตรกรแตกต่างกันเพียง 9.24 และ 0.69 เปอร์เซ็นต์
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: คำแนะนำปุ๋ย
คำสำคัญ (EN): Chiang mai
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2557
การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าว ในจังหวัดเชียงใหม่ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผัก ในจังหวัดลำพูน การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าว ในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพดในจังหวัดแพร่ การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพดในจังหวัดแพร่และน่าน การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวในจังหวัดน่าน ปกป้องสายตาด้วยข้าวโพด การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผัก ในจังหวัดเชียงใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก