สืบค้นงานวิจัย
ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อสมบัติเคมี-ฟิสิกส์ของดินทรายในพื้นที่ปลูกยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กมรินทร์ นิ่มนวลรัตน์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อสมบัติเคมี-ฟิสิกส์ของดินทรายในพื้นที่ปลูกยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of Biochar as a Soil Amendment on Physico-chemical Properties of Sandy Soils under Rubber Tree Plantation in Northeast
บทคัดย่อ: การศึกษาการปรับปรุงดินทรายด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ต่อสมบัติเคมี-ฟิสิกส์ในพื้นที่ปลูกยางพารา ต.เมืองเก่าพัฒนา อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ระหว่างเดือนตุลาคม 2555 ถึงเดือนกันยายน 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมของถ่านชีวภาพไม้ไผ่ต่อการฟื้นฟูสมบัติทางเคมี-ฟิสิกส์ของดินทรายจัดในพื้นที่ปลูกยางพาราของประเทศไทย ประกอบด้วย 4 ตำรับการทดลอง ได้แก่ ตำรับควบคุม (T0) ตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ในอัตรา 5 ตัน/เฮกตาร์ (T5) ตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ในอัตรา 10 ตัน/เฮกตาร์ (T10) และตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ในอัตรา 20 ตัน/เฮกตาร์ (T20) โดยเก็บตัวอย่างดินบน (0-15 ซม.) และดินล่าง (15-30 ซม.) แบบรักษาโครงสร้างและไม่รักษาโครงสร้างปีละ 2 ครั้ง ในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน เพื่อนำมาวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ความเป็นกรดด่าง (pH) ค่าการนำไฟฟ้า (EC) ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (OM) ปริมาณฟอสฟอรัส (P) ปริมาณโพแทสเซียม (K) ปริมาณแคลเซียม (Ca) และปริมาณแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ในดิน (Mg) และสมบัติทางฟิสิกส์ของดิน ได้แก่ ความหนาแน่นรวมของดิน (Bulk Density) สัมประสิทธิ์การนำน้ำของดิน (Hydraulic Conductivity) แรงดึงน้ำ (Water Retention) ในดินด้วยแรงดึงที่ 1/3 และ 15 บรรยากาศ และเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของต้นยางพาราด้วยการวัดเส้นรอบวง ผลการศึกษาสมบัติทางเคมีของดินในดินบนและดินล่างก่อนปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ พบว่า ค่าความเป็นกรดด่างอยู่ในระดับกรดรุนแรง-กรดจัด (pH 4.7-5.2, ค่าเฉลี่ย 4.9 ? 0.22) ค่าการนำไฟฟ้าอยู่ในระดับปกติ (0.03-0.04, ค่าเฉลี่ย 0.04 ? 0.01) ปริมาณอินทรียวัตถุในดินอยู่ในระดับต่ำ (0.6-0.8, ค่าเฉลี่ย 0.7 ? 0.08) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับสูง (16-26, ค่าเฉลี่ย 22 ? 4.35) ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับต่ำ-ปานกลาง (59-67, ค่าเฉลี่ย 63 ? 4.08) ปริมาณแคลเซียมที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับต่ำมาก (68-126, ค่าเฉลี่ย 95 ? 24.24) และปริมาณแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับต่ำมาก (18-31, ค่าเฉลี่ย 24 ? 5.62) หลังการปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่อัตราต่างๆ พบว่า ค่าความเป็นกรดด่างเพิ่มขึ้นสูงสุดในปีแรกและเปลี่ยนแปลงจากระดับกรดจัดมาอยู่ในระดับกรดปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 5.7 ? 0.13) ในตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ในอัตรา 20 ตัน/เฮกตาร์ (T20) ส่วนในปีอื่นๆ ความเป็นกรดด่างเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในทุกตำรับ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน (Avail.P) มีค่าลดลงในทุกปี โดยเปลี่ยนแปลงมาอยู่ในระดับต่ำ-ปานกลาง ยกเว้นในตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ในอัตรา 20 ตัน/เฮกตาร์ (T20) ที่ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง-สูง ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ในดิน (Avail.K) มีค่าลดลงในทุกปีโดยเปลี่ยนแปลงมาอยู่ในระดับต่ำ-ต่ำมากในทุกตำรับ ส่วนสมบัติทางเคมีดินที่ไม่พบการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ค่าการนำไฟฟ้า (EC) อยู่ในระดับปกติ ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (OM) อยู่ในระดับต่ำ ปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ในดิน (Avail.Ca, Mg) อยู่ในระดับต่ำมากในทุกตำรับ โดยมีแนวโน้มของค่าวิเคราะห์ในช่วงฤดูแล้งสูงกว่าช่วงฤดูฝน เนื้อดินเป็นดินทรายร่วน-ดินร่วนปนทรายทั้งในดินบนและดินล่าง ความหนาแน่นรวมของดิน (Bulk Density) ในดินบนและดินล่างมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.42 ? 0.04 และ 1.38 ? 0.06 ตามลำดับ สัมประสิทธิ์การนำน้ำของดิน (Hydraulic Conductivity) ในดินบนมีการนำน้ำอยู่ในระดับปานกลาง-เร็ว มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.63 ? 5.70 ส่วนในดินล่างมีการนำน้ำอยู่ในระดับปานกลาง-เร็วมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 12.41 ? 6.74 cm/hr แรงดึงน้ำ (Water Retention) ในดินด้วยแรงดึงที่ 1/3 บรรยากาศ ในดินบนและดินล่างมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.59 ? 0.92 % และ 4.29 ? 0.93 % ตามลำดับ และที่แรงดึงน้ำในดินด้วยแรงดึงที่ 15 บรรยากาศ ในดินบนและดินล่างมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.68 ? 0.40 % และ 1.62 ? 0.51 % ตามลำดับ การเจริญเติบโตของต้นยางพารา พบว่า ต้นยางพารามีเส้นรอบวงที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี ยกเว้นในเดือนเมษายน ปี 2558 ที่มีการเพิ่มขึ้นของเส้นรอบวงค่อนข้างน้อยเนื่องจากพบว่ามีการระบาดของโรคราน้ำค้างซึ่งส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตลดลง เมื่อพิจารณาเปอร์เซ็นต์ของเส้นรอบวงที่เพิ่มขึ้น พบว่า ในช่วงฤดูฝนมีการเพิ่มขึ้นของเส้นรอบวงมากกว่าช่วงฤดูแล้งในทุกปี และเมื่อเปรียบเทียบตำรับควบคุมกับตำรับที่ปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ พบว่า ตำรับที่ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่อัตรา 20 ตัน/เฮกตาร์ มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับตำรับอื่นๆ การปรับปรุงดินทรายด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่อัตรา 20 ตัน/เฮกตาร์ จึงมีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะสมที่สุด
บทคัดย่อ (EN): Studies on the effect of biochar as a soil amendment on physic-chemical properties of sandy soils under rubber tree plantation in Muangkaopatthana sub-district, Phuwiang district, Khonkaen province during October 2012-September 2015. The aim of this studies was find the appropriate amount of bamboo biochar on sandy soils under rubber tree plantation in Thailand. Four treatments included No biochar (Control, T0), bamboo biochar rate 5 ton/hectare (T5), 10 ton/hectare (T10) and 20 ton/hectare (T20). Collected the disturbed and undisturbed soil samples at 0-15 and 15-30 cm., twice a year in dry season and rainy season, for chemical properties analysis (pH, EC, OM, P, K, Ca and Mg) and physical properties analysis (Bulk density, Hydraulic conductivity and Water retention) in laboratories. And collected data of rubber trees growth rate by measured the circumference. The results of chemical properties analysis in both soil depth before used biochar showed that the soils reaction (pH) was very strongly acidic-strongly acidic (4.7-5.2, average 4.9 ? 0.22). Electrical conductivity was non-saline (0.03-0.04, average 0.04 ? 0.01). Organic matter was low (0.6-0.8, average 0.7 ? 0.08). Available phosphorus was high (16-26, average 22 ? 4.35). Available potassium was low-medium (59-67, average 63 ? 4.08). Available calcium was very low (68-126, average 95 ? 24.24). And available magnesium was very low (18-31, average 24 ? 5.62). And the results of chemical properties analysis after use bamboo biochar showed that that the soil reaction increase to moderately acidic (average 5.7 ? 0.13) in 20 ton/ha rate. In year 2014-2015, the soil reaction was slightly increase in all biochar rate. Available phosphorus was decrease to low-medium excepted in 20 ton/ha rate still at moderately-high. Available potassium was decrease to low-very low. While Electrical conductivity, organic matter, available calcium and magnesium were not change and all of chemical properties have the high tendency of analysis value in dry season than rainy season. Both soil depth were loamy sand-sandy loam textures. The bulk density at upper and lower soils were 1.42 ? 0.04 and 1.38 ? 0.06, respectively. Hydraulic conductivity in upper soils was moderately-rapid level (9.63 ? 5.70 cm/hr) and lower soils was moderately-very rapid level (12.41 ? 6.74 cm/hr). The water retention at 1/3 bar atmosphere at upper and lower soils were 4.59 ? 0.92 % and 4.29 ? 0.93 %, respectively. And the water retention at 15 bar atmosphere were 1.68 ? 0.40 % and 1.62 ? 0.51 %, respectively. The studies on growth rate of rubber trees showed that continued increase every year except in April 2015, this probably due to Downy mildew disease. In every year, the percentage increase of circumference showed that rainy season increase than dry season and bamboo biochar rate 20 ton/ha was highest growth rate. Then, the most appropriate bamboo biochar rates was 20 ton/ha
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ดินทราย
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อสมบัติเคมี-ฟิสิกส์ของดินทรายในพื้นที่ปลูกยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2558
การศึกษาบทบาทของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในดินในการปรับปรุงดินและเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของดินในระบบนิเวศสวนยางพารา การประเมินความแปรปรวนเชิงพื้นที่และเวลาของลักษณะทางฟิสิกส์ของดินในระดับแปลงทดลอง พื้นที่ปลูกยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สถานการณ์โรคและแมลงศัตรูของยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและการจัดการ ผลของการไถระเบิดดินดานมีผลต่อสมบัติของดินที่ปลูกมันสำปะหลังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย สูตรปุ๋ยสำหรับเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราในพื้นที่ปลูกยางใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้ถ่านแกลบและถ่านชีวภาพ เพื่อรักษาความชื้นและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่นาดินทรายนอกเขตชลประทาน เทคโนโลยีการปลูกพริกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การเพิ่มศักยภาพการผลิตยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลของการจัดการดินที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพของดินในพื้นที่ปลูกยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบบการจัดการพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก