สืบค้นงานวิจัย
โครงการศึกษาวิเคราะห์การกำหนดเรื่องถั่วลิสงเป็นมาตรฐานฯบังคับ
รองศาสตราจารย์สนั่น จอกลอย - สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
ชื่อเรื่อง: โครงการศึกษาวิเคราะห์การกำหนดเรื่องถั่วลิสงเป็นมาตรฐานฯบังคับ
ชื่อเรื่อง (EN): Study on the analysis of peanuts related issue as a mandatory standard
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รองศาสตราจารย์สนั่น จอกลอย
บทคัดย่อ: การปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซินในถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสงก่อให้เกิดความเสี่ยง ให้เกิดโรคมะเร็งตับ ดังนั้นจึงได้มีการกำหนดให้มีสารนี้ปนเปื้อนในถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์ได้ไม่เกิน 20 พีพีบี จึงต้องมีการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ดังนั้นการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อรวบรวมข้อมูลการผลิต การนำเข้า ส่งออกสินค้าถั่วลิสงเพื่อให้ทราบสถานการณ์การปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน 2) เพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้บริโภคถั่วลิสง และถั่วลิสงป่น 3) เพื่อศึกษาความพร้อมและกำลังความสามารถของหน่วยการผลิตต่าง ๆ ผู้ค้า และผู้ตรวจรับรองสินค้า หากมีการใช้มาตรฐานสินค้าถั่วลิสง 4) เพื่อศึกษาข้อมูลและกำหนดมาตรการที่เกี่ยวกับการนำเข้าถั่วลิสงและวิธีการช่วยเหลือผู้ผลิตภายในประเทศ 5) เพื่อให้ได้ข้อมูล ผลดี ผลเสีย ที่กระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อาหาร และ 6) เพื่อให้ได้จุดวิกฤติที่จำเป็นต้องควบคุมเพื่อก่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค วิธีการศึกษาประกอบด้วย 1) การรวบรวมข้อมูล งานวิจัย กฎระเบียบ มาตรฐาน และผลการวิเคราะห์อะฟลาทอกซิน 2) การรวบรวมข้อมูลการผลิต การค้า ทั้งภายในและต่างประเทศ 3) การจัดทำระบบเส้นทางการผลิต การนำเข้า ส่งออก การกระจายสินค้าตลอดห่วงโซ่ถั่วลิสง และถั่วลิสงป่น และจัดทำฐานข้อมูลผู้ผลิต ผู้ส่งออก 4) การเก็บข้อมูลการปฏิบัติจริงของผู้ผลิต ตลอดห่วงโซ่อาหาร โดยการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลการปฏิบัติแต่ละขั้นตอนการผลิต โอกาสความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซินในถั่วลิสงในขั้นตอนการปฏิบัติของเกษตรกร ผู้รวบรวมสินค้า โรงงานกะเทาะ ผู้ค้าเมล็ดถั่วลิสง ผู้แปรรูป และผู้บริโภค และเก็บตัวอย่างผลผลิตสินค้าจากผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว เพื่อนำมาวิเคราะห์อะฟลาทอกซิน 5) ศึกษาความพร้อมของหน่วยงานต่าง ๆ โดยการใช้แบบสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสินค้า และการตรวจรับรองสินค้า 6) ข้อมูลปริมาณการนำเข้าสินค้าโดยการสืบค้นจากฐานข้อมูลและการสัมภาษณ์ 7) การประเมินความเสี่ยงของผู้บริโภคจากผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ และการใช้แบบจำลองเพื่อนำมาใช้ประเมินความเสี่ยง 8) การจัดประชุมเพื่อประเมินขอคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดห่วงโซ่การผลิตถั่วลิสง และผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสง ผลการศึกษาประกอบด้วย 1) สถานการณ์โดยรวมของการใช้วัตถุดิบถั่วลิสงภายในประเทศ พื้นที่เพาะปลูกลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2541 ผลผลิตที่ได้ในราวครึ่งหนึ่งนำไปใช้แปรรูปจากฝักสดเป็นผลิตภัณฑ์ ส่วนนี้จึงไม่มีปัญหาอะฟลาทอกซิน อีกครึ่งหนึ่งจะนำไปใช้เป็นถั่วลิสงเมล็ดแห้ง แต่ไม่เพียงพอกับการใช้ภายในประเทศ คิดเป็น 23% ของที่ต้องการ ในราว 77% ของเมล็ดถั่วลิสงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการเข้าโดยถูกกฎหมาย มีระบบการรับรองสินค้าและมีคุณภาพดีจึงมักไม่มีปัญหาอะฟลาทอกซิน 2) เกษตรกรผู้ผลิต จุดวิกฤตที่สำคัญคือ ระยะเก็บเกี่ยว และหลังการเก็บเกี่ยว หากมีฝนตกติดต่อกัน ไม่สามารถตากผลผลิตให้แห้งได้ราว 7 วัน ก็มักจะพบการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซินในระดับสูง ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีระบบเครื่องอบแห้งที่ใช้ได้กับการอบสินค้าได้หลายชนิด เช่น เครื่องอบลำไย การตรวจรับรองผลผลิตไม่ได้สร้างแรงจูงใจในการผลิตเนื่องจากราคาของถั่วลิสงต่ำ และผลผลิตที่ได้ในระบบนี้ก็มีราคาเท่า ๆ กับการผลิตทั่วๆ ไป เกษตรกรยังมีความรู้ไม่พอ ไม่มีระบบการรับซื้อรองรับผลผลิตจากระบบนี้ เกษตรกรยังขาดการบันทึกข้อมูลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของการประเมิน ผลผลิตจากแปลงเกษตรกรในฤดูฝน พบว่า มีอะฟลาทอกซินเกิน 20 พีพีบี 1 ใน 10 และ 5 ใน 14 ตัวอย่าง สำหรับเกษตรกรผู้ผลิตในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ 3) ผู้รวบรวมถั่วลิสงฝักแห้ง เป็นพ่อค้าคนกลางรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร จุดปัญหาคือผู้รวบรวมจะรับซื้อทั้งถั่วลิสงแห้ง หมาด หรือ สด ยังขาดการจัดการที่ดี หากไม่สามารถนำมาตากให้แห้งได้โดยเร็วก็จะเร่งปัญหาการติดเชื้อรา และการสร้างสารพิษอะฟลาทอกซินได้ จากการสุ่มตัวอย่างพบว่า มี 1 ใน 1 ตัวอย่าง ที่มีอะฟลาทอกซิน เกิน 20 พีพีบี 4) โรงงานกะเทาะ ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการกำหนดมาตรฐานสินค้าถั่วลิสงเป็นมาตรฐานบังคับ และส่วนใหญ่เห็นว่ามีความพร้อมที่จะดำเนินการส่วนที่ยังไม่พร้อม คือ การที่จะต้องปรับปรุงโรงงานให้ได้มาตรฐาน และขอให้มีการวางระบบตลาดการค้าให้รองรับถั่วลิสงที่มีการจัดการในการควบคุมคุณภาพ ควรจะได้ราคาที่ดีกว่า ถั่วที่ไม่ได้อยู่ในระบบควบคุม จากการสุ่มวัดปริมาณอะฟลาทอกซิน จากโรงงานกะเทาะในเขตภาคเหนือ มีการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซินเกิน 20 พีพีบี ถึง 82% ของตัวอย่าง ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน เกิน 20 พีพีบี ถึง 50% ของตัวอย่าง ซึ่งนับว่ามีปริมาณตัวอย่างค่อนข้างมาก ที่ไม่ควรนำถั่วเหล่านี้มาใช้บริโภค 5) ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งถั่วลิสงเมล็ดแห้ง ในกลุ่มผู้ค้าปลีก พบว่า มีจำนวนตัวอย่างที่มีการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซินเกินกว่า 20 พีพีบี กับ 25% ของตัวอย่างที่ศึกษา โดยพบว่าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการปนเปื้อนในระดับของผู้ค้าปลีกที่ต่างกัน คือ มี 40% และ 10% ของตัวอย่างตามลำดับ สำหรับผู้ค้าเมล็ดรายใหญ่ จากการสุ่มเก็บตัวอย่างเป็นถั่วลิสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ พบว่า ตัวอย่าง 2 ตัวอย่างที่เก็บจากตลาดไท มีการปนเปื้อนต่ำกว่า 4 พีพีบี ทั้ง 2 ตัวอย่าง และจากการเก็บตัวอย่างถั่วจากตลาดชายแดน จำนวน 4 ตัวอย่าง พบว่ามีเพียง 1 ตัวอย่างที่มีอะฟลาทอกซินเกินกว่า 20 พีพีบี ซึ่งเป็นตัวอย่างถั่วลิสงเมล็ดเก่าเก็บ ส่วนที่เหลือมีการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซินต่ำกว่า 20 พีพีบี 6) ผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงป่น พบว่า มีการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซิน 100% และ 54% ของตัวอย่างในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ ซึ่งมีในปริมาณสูง และมีความเสี่ยงต่อผู้บริโภคสูง ส่วนผลิตภัณฑ์ถั่วคั่วและถั่วทอดที่มีปริมาณอะฟลาทอกซินเกิน 20 พีพีบี มีราว 20-30% ของตัวอย่าง แต่ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงที่แปรรูปโดยผู้แปรรูปรายใหญ่ ๆ มีการบรรจุผลิตภัณฑ์ในกระป๋อง หรือถุงอลูมิเนียม จากตัวอย่าง 16 ตัวอย่าง ไม่พบตัวอย่างที่มีอะฟลาทอกซินปนเปื้อนเกินกว่า 20 พีพีบี 7) ผู้บริโภค ผู้บริโภคส่วนใหญ่บริโภคถั่วลิสงเดือนละมากกว่า 4 ครั้ง และมักบริโภคถั่วลิสงต้ม ซึ่งจะไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากถั่วต้มสดจะไม่มีการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน และผู้บริโภคมีความเชื่อว่าถ้าบริโภคถั่วลิสงป่นจะไม่ปลอดภัย ผู้บริโภคร้อยละ 88 และ 94 ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เห็นด้วยหากมีมาตรการสินค้าถั่วลิสงเป็นมาตรฐานบังคับ จะสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 8) องค์กรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการผลิตและสินค้าถั่วลิสง องค์กรส่วนใหญ่ (สำนักมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หน่วยตรวจรับรอง : เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร ที่ปรึกษาเกษตรกร : เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข) เห็นด้วยกับการกำหนดมาตรฐานสินค้าถั่วลิสงเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อที่จะได้สินค้าที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และมีข้อเสนอแนะ คือ ต้องมีมาตรการสร้างแรงจูงใจด้านราคาที่ดี ให้ความรู้ในเรื่องการปฏิบัติกับเกษตรกร และอาจต้องมีระบบเครื่องอบแห้งหากจำเป็นโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฝนตกขณะเก็บเกี่ยวและตากฝักถั่วลิสงให้แห้ง 9) ความคุ้มทุนของการประกาศใช้มาตรฐานถั่วลิสงเป็นมาตรฐานบังคับ จากการศึกษาตามระบบ GAP ส่งผลกระทบทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น จึงส่งผลทำให้ต้นทุนต่อกิโลกรัมลดลง และทำให้เกษตรกรมีผลกำไรเพิ่มขึ้น โดยมีผลกำไร 2,760 บาท/ไร่ และส่งผลต่อผลประโยชน์โดยรวม ในส่วนของเกษตรกร 810-1,134 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ในกลุ่มผู้นำเข้าถั่วลิสงต้องมีต้นทุนในการคัดแยก การปนเปื้อนในปริมาณที่นำเข้าในแต่ละปีจะต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 83.71 ล้านบาทต่อปี สำหรับในส่วนการดำเนินงานของโรงงานกะเทาะจะมีมูลค่าของถั่วลิสงที่คัดทิ้งในราว 52.57 ล้านบาท/ปี และรวมค่าใช้จ่ายในการจัดการความเสี่ยงทั้งหมดของโรงงาน 136.3 ล้านบาท/ปี สำหรับถั่วลิสงที่ผลิตในประเทศไทย จากการประเมินความเสี่ยงเนื่องจากการเจ็บป่วย พบว่า โอกาสเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งตับของกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป 71 คน/ปี ซึ่งทำให้ต้องเสี่ยค่ารักษาพยาบาล 103 และ 727 ล้านบาท/ปี ของผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม ตามลำดับ หากประเมินผลประโยชน์ของการประกาศใช้มาตรฐานการปนเปื้อนของถั่วลิสงจะได้ผลประโยชน์มูลค่าสุทธิเท่ากับ 174 - 2,163 ล้านบาทต่อปี ซึ่งยังไม่รวมต้นทุนที่ภาครัฐอาจต้องประกันรายได้ของเกษตรกร อุดหนุนการทำเครื่องอบแห้ง และการตรวจประเมินการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
คำสำคัญ: อะฟลาทอกซิน
คำสำคัญ (EN): aflatoxinx
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการศึกษาวิเคราะห์การกำหนดเรื่องถั่วลิสงเป็นมาตรฐานฯบังคับ
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
2553
การศึกษาการกำหนดเรื่องพิจารณาข่าวการเกษตรของโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ผลของปูนขาวและอัตราปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตถั่วลิสงสายพันธุ์เมล็ดโต ชุดโครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตกุหลาบบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 2 การศึกษาและทดสอบกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ ความคิดเห็นของเกษตรกรในจังหวัดลำปางที่มีต่อการจัดทำแปลงขยายพันธุ์ถั่วลิสง การศึกษาวิเคราะห์สภาวการณ์ของกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศเพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนากลุ่มเกษตรกร อิทธิพลของการใส่โบรอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมต่อผลผลิตและคุณภาพเมล็ดของถั่วลิสงที่ปลูกในดินที่ขาดโบรอน ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการเพาะเลี้ยงอับละอองเกสรตัวผู้ในถั่วลิสง การทดสอบการปลูกถั่วลิสงพันธุ์ใหม่ในภาคใต้ การศึกษาการบังคับให้สับปะรดออกดอกของเกษตรกรในภาคตะวันตก การศึกษาเรื่องโรงอบยางพาราพลังแสงอาทิตย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก