สืบค้นงานวิจัย
การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล
นันทินา ดำรงวัฒนกูล - สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ชื่อเรื่อง: การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล
ชื่อเรื่อง (EN): Extension of the Increasing Cultural Capital Value of Chae Son Mineral Water Rice, Only One in Thailand to Promote Community Innovation of Tourism and Digital Marketing
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นันทินา ดำรงวัฒนกูล
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ลดต้นทุนการผลิต/เพิ่มผลผลิตข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนด้วยภูมิปัญญาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากชุมชน 2) การเพิ่มมูลค่าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนและผลิตภัณฑ์ข้าวในชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ด้วยการวิเคราะห์และสร้างความเข้าใจในแก่นคิดเชิงกลยุทธ์มุ่งสู่การวางแผนร่วมกัน ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อ 1 ได้แก่ 1) การลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตจากธรรมชาติของชุมชน สามารถลดต้นทุนการปลูกข้าวจากการใช้ปัจจัยการผลิตจากทรัพยากรในชุมชน ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 93 ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 557 กิโลกรัมต่อไร่ ผลตอบแทนเฉลี่ยการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ได้สูงกว่าการปลูกข้าวแบบใช้สารเคมีแตกต่างกันประมาณ 4 เท่า (4,450 บาทต่อไร่) 2) การเข้าสู่กระบวนการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน ได้จัดทำโครงสร้าง การจัดองค์กร และการบริหารงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยไร้สารเคมี ตำบลแจ้ซ้อนเพื่อดำเนินการผลิตข้าวอินทรีย์ เดิมสามารถยื่นขอรับรองเกษตรอินทรีย์ได้ 5 ราย มีการขยายจำนวนเกษตรกรเพื่อขอรับรองเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีก 7 ราย และมีระบบการติดตามคุณภาพภายในกลุ่มผู้ปลูกข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนโดยคณะกรรมการระบบควบคุมภายในทั้งหมด 10 ราย นอกจากนี้ยังเกิดเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ เพื่อเข้าสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS 3) เกิดการขยายผลเกษตรกรที่สนใจใช้ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนผลิตเป็นปัจจัยผลิตในการทำเกษตร อย่างน้อย 80 ราย 4) เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสื่อสารระหว่างเครือข่ายเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ สร้างความเข้าใจ สนับสนุนการดำเนินงานซึ่งกันและกัน 5) การอนุรักษ์วัฒนธรรม พิธีกรรมการแฮกนา หรือ แรกนา ในงานแจ้ซ้อนม่วนใจ๋ครั้งที่ 3 6) คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร โดยการใช้การตลาดนำการผลิต ส่งผลต่อรายได้ในครัวเรือน การรับซื้อข้าวหอมมะลิดำสายน้ำแร่แจ้ซ้อนในปี 2565 โดยสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร 39,575 กิโลกรัม เป็นเงิน 745,330 บาท รวมพื้นที่ทั้งหมด 77.5 ไร่ 7) เกิดกระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์ และนำไปสู่การบริหารจัดการแผนงานวิจัยที่เน้น (1) กลยุทธ์การนำความคิด พิชิตด้วยการลงมือทำ สร้างความร่วมมือ ด้วยการร่วมกำหนดเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตร่วมกัน (2) กลยุทธ์เรียนรู้ไปด้วยกัน ก้าวไปด้วยกัน และสำเร็จไปด้วยกัน ในลักษณะผสานภาคีเครือข่ายตามบทบาทพันธกิจของแต่ละหน่วยงาน กลายเป็นแต่ละเครือข่ายเกิดผลผลิตของงานร่วมไปกับกระบวนการวิจัย และ ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อ 2 คือ 1) กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดสินค้าแปรรูปข้าวสายน้ำแร่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน 2) การขับเคลื่อนการขอรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง 3) การสื่อสารทางการตลาดด้วยการออกบูธประชาสัมพันธ์ในเครือข่ายความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน 4) การยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ GMP และเพิ่มมูลค่าข้าวก่ำดอย เกษตรกรในตำบลแจ้ซ้อนเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และขยายการรับซื้อสินค้าข้าวในชุมชนตอบสนองต่อ Local Supply Chain ทำให้มีรายได้สูงขึ้น 6.5 เท่า และขยายกำลังการรับซื้อข้าวก่ำดอยจากเกษตรกรอื่นอีก 1,000 กิโลกรัม 5) การยกระดับมาตรฐาน SHA ให้กับผู้ประกอบโฮมสเตย์ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยววิถีใหม่ คิดเป็นร้อยละ 21.42 6) การเชื่อมโยงเมนูแนะนำ วัตถุดิบท้องถิ่น และข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน จัดเป็น Signature Menu ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโฮมสเตย์ในตำบลแจ้ซ้อน การประเมินผลกระทบ ด้านองค์ความรู้ ด้านเศรษฐกิจ ด้านภาคีเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ด้านสุขภาวะ (กาย/ใจ) ที่เกิดขึ้นในชุมชน อยู่ในระดับมาก มีคะแนนประเมินเท่ากับ 4.30+0.77 4.42+0.76 4.49+0.63 และ 4.44+0.60 คะแนน ตามลำดับ โดยมีผลการประเมินด้านความเป็นอยู่ สังคมและสิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับมากที่สุด มีคะแนนประเมินเท่ากับ 4.51+0.63 คะแนนคำสำคัญ (ไทย): ทุนทางวัฒนธรรม ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน การท่องเที่ยวเชิงอาหาร เกษตรอินทรีย์ นวัตกรรมชุมชน
บทคัดย่อ (EN): Extension of the Increasing Cultural Capital Value of Chae Son Mineral Water Rice, Only One in Thailand to Promote Community Innovation of Tourism and Digital Marketing is the participatory action research which objectives of this are to 1) reduce the production cost / increase the productivity of mineral water rice with wisdom using natural resources from the community, 2) increase the value of mineral water rice and rice products in the community connected by tourism. The samples by purposive sampling were 54 chemical-free agricultural community enterprises in Chae Son Sub-district and Ban Sople farmers group including 12 homestay entrepreneurs in Chae Son Sub-district. The tools used were in-depth interviews. group chat, organizing forums and questionnaires. The participatory operational research is conducted by analyzing and building understanding of strategic thinking towards joint planning. The findings for objective 1 include: 1) Reducing production costs and increasing the yield of mineral water rice by using community resources. It can reduce the cost of rice cultivation from the use of inputs from community resources on average 93 percent. The average yield per rai is 557 kilograms. The average return of organic rice cultivation is about 4 times higher than chemical rice cultivation (4,450 baht per rai). 2) Entering the organic farming certification process, the Chae Son mineral rice farmers group has established an organizational structure and the administration of a group of community enterprises for safe, chemical-free agriculture in Jae Son sub-district to produce organic rice. Originally, 5 farmers were able to apply for organic certification. Later, there were 7 more farmers who apply for organic certification.There is also a quality monitoring system within the Chae Son mineral water group by the internal control committee of 10 people. In addition, there is also a network of organic agriculture connecting both inside and outside the area to enter the SDGsPGS (Participatory Organic Agriculture Standards). 3) At least 80 farmers who are interested in using natural resources in the community as production factors in agriculture have been expanded. 4) There is an exchange of knowledge and communication between farmers networks, government agencies in the area to create understanding and support each other's operations. 5) Preserving the culture of “hagna rituals” in the 3rd Chae Son Muan Jai fair. 6) Improved quality of life for farmers by using marketing to lead production, affecting household income. The purchase of black jasmine mineral rice in 2022 by the Hang Chat agricultural cooperative for 39,575 kilograms for 745,330 baht, totaling 77.5 rai of land. 7) Strategic thinking process leading to the management of the research plan emphasizing (1) the strategy of "bringing ideas, conquering by doing, building cooperation by sharing the goal of change for the future together" and (2) the strategy of "learn together, walk together and succeed together" in a way that combines network partners according to the roles and missions of each agency. Each network becomes the product of work in conjunction with the research process. The findings for objective 2 are: 1) Formulating a marketing strategy for mineral rice processing products in collaboration with government agencies and the private sector. 2) Promoting Geographical Indication (GI) certification of Chae Son mineral rice, Lampang province 3) Marketing communications by means of public relations booths of public and private cooperation networks. 4) Upgrading production standards to GMP and increasing the value of Khao Kam Doi ( black sticky) rice for farmers in Chae Son subdistrict to increase product distribution channels. And expand the purchase of rice products in the community in response to the local supply chain, resulting in a 6.5 times higher income and expanding the purchase capacity of Khao Kam Doi rice from other farmers by 1,000 kilograms. 5) 21.42 percent of homestay entrepreneurs have been upgraded to SHA standards to recognize the importance of new normal tourism. 6) Linking recommended menus, local ingredients, and Sai Nam Rae Chae Son rice is classified as a signature menu for tourists visiting homestays in Chae Son subdistrict. The impact assessment on knowledge, economy, network partners and participation, health (physical/mind) that occurs in the community are at a large level. It has an assessment score of 4.30+0.77, 4.42+0.76, 4.49+0.63, and 4.44+0.60, respectively. The results of the wellbeing, society and environment assessment are carried out and the assessment score equal to 4.51+0.63 points
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://tnrr.nriis.go.th/#/research/1035092
เผยแพร่โดย: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
คำสำคัญ: นวัตกรรมชุมชน
คำสำคัญ (EN): Community innovation
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
2566
การศึกษาการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ข้อมูลข่าวสาร และแหล่งเงินทุนในภาคเกษตร โครงการศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำมูลค่าน้อยเพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพยากรท้องถิ่น ของชุมชนประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคม ปีการเพาะปลูก 2536-2537 ป่าสายควน ป่าสายคลองร่มเมือง และ ป่าเกาะอ้ายกลิ้ง อำเภอวังวิเศษ และอำเภอสิเกา ป่าคลองชี และป่าทอนแจ้ อำเภอวังวิเศษ และอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง การพัฒนาเกษตรกรเพื่อสร้างชุมชนการพึ่งพาตนเองด้านการจัดการสุขภาพปศุสัตว์เบื้องต้น การบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังใน ประเทศไทย นวัตกรรมอาหารเชิงหน้าที่ เพื่อป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ การขยายผลการจัดการความรู้เทคโนโลยีถังหมักขยะอินทรีย์เพื่อการจัดการขยะในชุมชนพื้นที่ของศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ ๔ กอ.รมน. การพัฒนาการใช้ประโยชน์ศัตรูธรรมชาติเพื่อการควบคุมศัตรูผักโดยชีววิธี และการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน โครงการส่งเสริมพื้นที่สงวนชีวมณฑลสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชให้เป็นแหล่งเรียนรู้และวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับนานาชาติและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย BCG การวิจัยและพัฒนาโปรตีนทางเลือกจากสายพันธุ์ถั่วมะแฮะโปรตีนสูง เพื่อการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก