สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนากระบวนการแปรรูปผักเชียงดา (Gymnema inodorum Decne.) เพื่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
ธีรวัลย์ ชาญฤทธิเสน - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: การพัฒนากระบวนการแปรรูปผักเชียงดา (Gymnema inodorum Decne.) เพื่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
ชื่อเรื่อง (EN): Process Development of Phak Chiangda (Gymnema inodorum Decne.) for Industrial production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ธีรวัลย์ ชาญฤทธิเสน
บทคัดย่อ: เพื่อทดสอบสมมุติฐาน ว่า ชนิดและความแก่อ่อนของผักเชียงดามีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จึงทำการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมีของวัตถุดิบ ในด้าน ความชื้น โปรตีน เถ้า ไขมัน และเส้นใย ผลการวิเคราะห์ พบว่า ผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อนและพุ่มใบอ่อนมีปริมาณความชื้นเฉลี่ยสูงที่สุด ( 81.982?0.24 % และ 82.599?0.46 % ตามลำดับ) ผักเชียงดาชนิดกระโดงใบแก่ และพุ่มใบแก่มีปริมาณเถ้าทั้งหมดมากที่สุด (2.263?0.03 % และ 2.243?0.01 % ตามลำดับ) ใบชนิดกระโดงอ่อน พบปริมาณโปรตีนมากที่สุด ( 5.641?0.13 %) ขณะที่ปริมาณคาร์โบไฮเดรตพบมากที่สุดในชนิดกระโดงใบแก่ (14.383?0.79 %) ปริมาณไขมัน และเส้นใยมีปริมาณไม่แตกต่างกัน เฉลี่ยร้อยละ 0.613?0.06 ถึง 1.217?0.11 และ 1.711?0.08 ถึง 3.567?0.16 ตามลำดับ ผักเชียงดาชนิดพุ่มใบแก่มีปริมาณเบต้า-แคโรทีนสูงที่สุด (0.452?0.01มก./ก.โดยน้ำหนักแห้ง) ชนิดกระโดงใบอ่อนมีปริมาณสารประกอบฟีนอลลิกทั้งหมดในรูปกรดแกลลิกสูงที่สุด (109.311?2.13 มก./ก.โดยน้ำหนักแห้ง) ปริมาณวิตามินซีในใบผักชนิดกระโดงอ่อน พุ่มอ่อน และพุ่มแก่ ไม่แตกต่างกันในทางสถิติ (p>0.05) (12.014?0.26, 12.431?0.51 และ 12.469?0.08 มก./ก.โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) ผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน และพุ่มใบแก่มีปริมาณคลอโรฟิลล์ทั้งหมด (8.128?0.29 และ 8.617?0.59 มก./ก.โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) สูงสุด ผักทั้ง 4 ชนิดมีปริมาณคลอโรฟิลล์บีในปริมาณที่ไม่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์ของชนิดใบผักเชียงดาและความแก่อ่อนไม่มีผลต่อฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระเปรียบเทียบในรูปของวิตามินอี (Trolox) โดยตรง โดยมีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระเฉลี่ยระหว่าง 21.388?0.92 ถึง 33.598?1.13 TEมก./ก.โดยน้ำหนักแห้ง การศึกษาการถดถอยพหุคูณ พบว่า คลอโรฟิลล์บีมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของใบผักเชียงดาสด ผลิตภัณฑ์แกงผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน มีปริมาณความชื้นสูงสุด (91.18?0.06 %) แกงผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน กระโดงใบแก่ และพุ่มใบอ่อนมีปริมาณปริมาณโปรตีนสูงสุด ( 2.319?0.22 % 2.543?0.17 % และ 2.515?0.07 % ตามลำดับ) แกงผักเชียงดาชนิดพุ่มใบอ่อนมีปริมาณเถ้าทั้งหมดสูงสุด (1.726?0.02 %) แกงผักเชียงดาชนิดพุ่มทั้งใบอ่อนและใบแก่มีปริมาณไขมันสูงสุด (0.55?0.03% และ 0.508?0.03% ตามลำดับ) แกงผักเชียงดาชนิดกระโดงทั้งอ่อนและแก่ มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกสูงสุด (7.637?0.41 และ 7.266?0.13 มก./ก. โดยน้ำหนักเปียก) แกงผักเชียงดาชนิดพุ่มใบอ่อนและใบแก่ มีปริมาณเบต้าแคโรทีน (0.035?0.006 และ 0.030?0.002 มก./ก.โดยน้ำหนักเปียก) ไม่แตกต่างจากแกงผักเชียงดาชนิดกระโดงใบแก่ (0.039?0.002 มก./ก.โดยน้ำหนักเปียก) แกงผักเชียงดาชนิดกระโดงแก่ มีปริมาณวิตามินซี (1.042?0.05 มก./ก.โดยน้ำหนักเปียก) สูงสุดลดลงจากใบผักเชียงดาสดร้อยละ 64.41 การศึกษายังพบว่า แกงผักเชียงดาใบอ่อนมีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ (9.815?1.53 TEมก./ก.โดยน้ำหนักเปียก) สูงกว่าใบแก่ ซึ่งจากการศึกษาการถดถอยพหุคูณ พบว่า เกิดจากอิทธิพลของ คลอโรฟิลล์ทั้งหมด กระบวนการทำแกงผักเชียงดาบรรจุกระป๋องขนาด 307 x 409 ที่มีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระสูง คือ ใช้ผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน ทำการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ 121 องศาเซลเซียส นาน 39 นาที ในระหว่างการเก็บ 12 สัปดาห์แรก ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระมีปริมาณลดลงปริมาณร้อยละ 21.16 ในช่วง หลังจากนั้น ในสัปดาห์ที่ 24 และ 36 ลดลงในปริมาณร้อยละ 42.58 และ 65.97 ตามลำดับ โดยมีปริมาณเฉลี่ย 0.796 ? 0.05 TE มก./ก. โดยน้ำหนักเปียกในสัปดาห์ที่ 36 การศึกษากระบวนการทำใบชาผักเชียงดา พบว่า กระบวนการที่เหมาะสม คือ ใช้ใบผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน ลวกในน้ำเดือดที่เติมเกลือร้อยละ 0.5 นาน 30 วินาที และนำไปแช่น้ำเย็นทันที จากนั้นนำไปหั่นฝอยอบแห้งที่อุณหภูมิ 60?2 องศาเซลเซียส ใบชาชนิดนี้ มีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระเทียบกับวิตามินอี 38.939 ? 3.63TE มก./ก. โดยน้ำหนักแห้ง การศึกษาการถดถอยพหุคูณ พบว่า สารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดในใบชามีอิทธิพลเชิงบวกต่อ ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระในใบชาผักเชียงดา การศึกษาส่วนผสมของน้ำสกัดผักเชียงดาพร้อมดื่มบรรจุขวดแก้วขนาด 330 มล. ที่เหมาะสม พบว่า การใช้น้ำสกัดใบผักเชียงดาทั้งชนิดกระโดงใบอ่อน และชนิดพุ่มใบอ่อน ที่สกัดโดยเอทิลแอลกอฮอล์ 40% ปริมาณ 2 เท่า ของน้ำหนักผัก ในปริมาณร้อยละ 25 ปรับปริมาณน้ำตาลต่อกรดในสัดส่วน 26 ต่อ 1 น้ำเชียงดาพร้อมดื่มมีปริมาณสารประกอบฟีนอลลิก สูงกว่าวิธีการอื่น การศึกษาสูตรน้ำดองผลผักเชียงดา พบว่า การใช้เกลือร้อยละ 4 น้ำตาลร้อยละ 54 และน้ำส้มสายชูร้อยละ 14 สามารถรักษาปริมาณเบต้าแคโรทีนไว้ได้สูงกว่าน้ำดองสูตรอื่น ผลจากการศึกษาครั้งนี้ ทำให้ทราบว่า ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในใบผักเชียงดาและผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลในเชิงบวกต่อฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ คือ สารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด และคลอโรฟิลล์บี ซึ่งสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด พบมากในผักเชียงดาชนิดกระโดงใบอ่อน และคลอโรฟิลล์บีพบมากทั้งใบชนิดพุ่มใบแก่และกระโดงใบแก่ บทคัดย่อ(En) :
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: ผลผักเชียงดาดอง
คำสำคัญ (EN): Phak Chiangda
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนากระบวนการแปรรูปผักเชียงดา (Gymnema inodorum Decne.) เพื่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
30 กันยายน 2552
การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดคั่ว รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ผักเชียงดาเพื่อพัฒนาสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม 2554A17003027 ผลของระยะปลูกและวัสดุคลุมดินต่อผลผลิตและสารต้านอนุมูลอิสระในการผลิตผักเชียงดา (Gymnema inodorum Decne)   การพัฒนาวัสดุปักชำแบบเจลที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตที่ผลิตจากแบคทีเรียเพื่อการขยายกิ่งพันธุ์ผักเชียงดา Gymnema inodorum (Lour.) Decne. การพัฒนากระบวนการที่เหมาะสมในการผลิตหน่อไม้ปี๊บ ผลของจำนวนต้นต่อหลุมที่มีผลต่อผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตของผักเชียงดาเพื่ออุตสาหกรรม 2554A17003028 ผลของธาตุอาหาร การขาดน้ำ และไมคอร์ไรซา ต่อปริมาณผลผลิตและสารต้านอนุมูลอิสระในการผลิตผักเชียงดา(Gymnema inodorum Decne) ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผักและความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดปทุมธานี ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผัก และความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดนครนายก การศึกษาการผลิตอาหารสุนัข
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก