สืบค้นงานวิจัย
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศร่วมกับการอนุรักษ์ดินและน้ําเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําสําหรับวางแผนปลูกข้าวในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของจังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ และน่าน
นายอรรณพ พุทธโส - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศร่วมกับการอนุรักษ์ดินและน้ําเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําสําหรับวางแผนปลูกข้าวในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของจังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ และน่าน
ชื่อเรื่อง (EN): Application of Geo-Informatics technology and soil and water conservation on increasing in water use efficiency for paddy rice field plantation affected drought risk areas in Khon Kaen, NakhonSawan and Nan provinces
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นายอรรณพ พุทธโส
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: โครงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงพื้นที่ในการวางแผนปฏิทินเพาะปลูกข้าวร่วมกับการอนุรักษ์ดิน และน้ำที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในการปลูกข้าวในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง ทำการสำรวจ ศึกษาลักษณะสมบัติดิน ความชื้นดินทั้งจากสำรวจในภาคสนามและข้อมูลการสำรวจระยะไกล การ กักเก็บน้ำในดิน การจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย และปฏิทินการปลูกข้าว ศึกษาใน 3 พื้นที่ตามพื้นที่เสี่ยงภัย แล้ง สภาพพื้นที่ ปริมาณน้ำฝน และเนื้อดิน ประกอบด้วย 1) ตำบลภูเหล็ก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัด ขอนแก่น 2) ตำบลเนินขี้เหล็ก อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์และ 2) ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ผลพบว่า ส่วนใหญ่เกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ และน่านปลูกข้าวในดิน ทรายปนดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินร่วน ตามลำดับ ปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำ (<1%) ปริมาณธาตุอาหารหลักในดินต่ำ การเปลี่ยนแปลงค่า pH ดิน อินทรียวัตถุในดิน และธาตุอาหารในดิน ตลอดช่วงการปลูกขึ้นอยู่กับการจัดการดินน้ำและปุ๋ย และยังพบว่า ความชื้นดินเปลี่ยนแปลงตลอด ช่วงเพาะปลูกโดยมีระดับต่ำในช่วงก่อนปลูก เพิ่มขึ้นช่วงการเจริญเติบโต และลดลงหลังเก็บเกี่ยว ซึ่ง ส่วนใหญ่มีความชื้นในช่วงที่เป็นประโยชน์บางพื้นที่มีระดับต่ำกว่าความชื้นที่จุดเหี่ยวถาวร และพบว่า นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณอนุภาคขนาดทรายแป้ง ขนาดดินเหนียว และ OM มีผลต่อการรักษา ความชื้นในดินโดยเฉพาะช่วงมีฝนตกน้อยหรือฝนทิ้งช่วง ในขณะดินที่มีอนุภาคทรายสูงมีน้ำกักเก็บได้ ต่ำ และยังพบค่า NDWI และ NDVI จากข้อมูลดาวเทียม Landsat8 และ Sentinel-2 สามารถ ประเมินการเปลี่ยนแปลงความชื้นดินได้โดยเฉพาะดาวเทียม Sentinel-2 จากการประเมินช่วงฤดู ปลูกโดยแบบจำลอง AEZ model พบว่า จังหวัดน่านมีช่วงฤดูปลูกข้าวนานกว่าจังหวัดขอนแก่นและ นครสวรรค์ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากภัยแล้งสูงกว่า และปริมาณน้ำที่ข้าวต้องการตลอดระยะ การปลูกข้าวในแต่ละพื้นที่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ อายุเก็บเกี่ยว และฤดูปลูกซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะคือ 1) การ เจริญเติบโตทางลำต้น 2) การสร้างรวง และ3) สะสมแป้งในเมล็ด จะเห็นว่า ข้าวในจังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ และน่านมีความต้องการน้ำเท่ากับ 773, 409-716 และ 664-706 มิลลิเมตร เมื่อ พิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในการปลูกข้าวสามารถแบ่งได้ตามพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำรวมถึงระยะห่างจากแหล่งน้ำ โดยเน้นการจัดการพื้นที่ร่วมกับการจัดการดิน น้ำ และปุ๋ย เฉพาะพื้นที่ ตลอดจนการคัดเลือกพันธุ์ข้าวและเวลาปลูกที่เหมาะสม
บทคัดย่อ (EN): This project aims to study a spatial database for specific rice planting calendar with appropriate soil and water conservation on increasing in water use efficiency for paddy rice field affected drought risk areas. The soil properties and characteristics, moisture content derived by field survey and remote sensing, water retention, soil water and fertilizer management and rice planting calendar were conducted. The three study sited was selected based on it representative drought risk areas, i.e. , topography, rainfall and soil texture, consisting of 1) Phu Lek subdistrict, Ban Phai district, Khon Kaen Province, 2) Noen Khi Lek subdistrict, Lad Yao district, Nakhon Sawan Province, and 2) Yom subdistrict, Tha Wang Pha district, Nan Province. The results showed that most farmers in Khon Kaen, Nakhon Sawan and Nan provinces grow rice in loamy sand, sandy loam and loam, respectively, with low contents of OM (<1%)and macronutrient. Changes in soil pH, OM and nutrients throughout the growing period depended on soil, water and fertilizer management. We also found that moisture content was changed throughout growing period, which low level at before planting, increased in during growth period and decreased after harvesting. The overall of moisture content had changed but still at range of available water level, while some area was decreased in lower than permanent wilting point. In addition, we found the amount of silt and clay particle and OM affect soil moisture retention, especially low or delayed rainfall periods. While the soil with high sand content has low water retention. Additionally, moisture content was well evaluated by values of NDWI and NDVI derived from satellites including Landsat8 and Sentinel-2, especially in Sentinel-2. According to growing period estimated by AEZ model, found that Nan had a longer growing period than Khon Kaen and Nakhon Sawan, indicating that more likely to be affected by drought in Nan. The amount of water required by rice throughout growing period in each area depends on its variety, age of harvesting and growing period, which is divided into 3 stages including 1) stem growth, 2) ear of rice, and 3) starch accumulation in seeds. The water requirements of rice in Khon Kaen, Nakhon Sawan and Nan were 773, 409-716 and 664-706 mm. Considering on increasing in water use efficiency, which can be divided into upstream, midstream and downstream as well as distance from water sources which focusing on specific management of soil, water and fertilizer, as well as appropriated selection on varieties and growing period of rice.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: จังหวัดน่าน
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมพัฒนาที่ดิน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศร่วมกับการอนุรักษ์ดินและน้ําเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําสําหรับวางแผนปลูกข้าวในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของจังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ และน่าน
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2564
อิทธิพลของพันธุ์ข้าวต่อการดึงดูดตัวห้ำมวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter) และแตนเบียนไข่ (Anagrus optabilis (Perkins)) ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล (Nilaparvata lugens (Stål)) อิทธิพลของพืชร่วมระบบนิเวศนาข้าวต่ออการดึงดูดและเป็นแหล่งอาหารให้กับตัวห้ํามวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter) ศัตรูธรรมชาติที่สําคัญของเพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล (Nilaparvata lugens Stål) นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเพิ่มคุณภาพผลผลิตและมูลค่าน้ํานมดิบของฟาร์มโคนมในประเทศไทย การผลิตสารเสริมอาหารสําหรับสัตว์น้ําวัยอ่อนด้วยจุลินทรีย์ การเลี้ยงสาหร่ายสีเขียวแกมน้ําเงินน้ําเค็ม Spirulina เชิงพาณิชย์ สําหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ผสมไฟโคไซยานินเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ระบาดวิทยา การสื่อสารความเสี่ยง ความเสียหายของเกษตรกร การประเมินมาตรการความควบคุมโรคและแผนปฏิบัติการการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคลัมปีสกินในประเทศไทย การคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่เหมาะสมต่อการผลิตเมล็ดและต้นถั่วลิสงแห้งอาหารสัตว์บนพื้นที่นาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การค้นหาตำรับยาแผนไทยที่มีศักยภาพในการบรรเทาอาการโรคโควิด-19 ผ่านการวิเคราะห์ตามทฤษฎีทางการแพทย์แผนไทย การเปรียบเทียบเทียบความเหมือนของสารออกฤทธิ์ที่เคยศึกษามาก่อน การใช้คอมพิวเตอร์โมเดลและการศึกษาฤทธ การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ การวิจัยและพัฒนาสารสกัดมะละกอ สําหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ําในอนาคต ระยะที่ 2
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก