สืบค้นงานวิจัย
การจัดการการผลิต และต้นทุนการผลิตผึ้ง จังหวัดขอนแก่น
เพียรศักดิ์ ภักดี - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การจัดการการผลิต และต้นทุนการผลิตผึ้ง จังหวัดขอนแก่น
ชื่อเรื่อง (EN): Bee production management and its cost in Khon Kaen
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เพียรศักดิ์ ภักดี
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Piansak Pakdee
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสภาพทั่วไป การจัดการการผลิต ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนจากผึ้งของ กล่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งพันธุ์ จํานวน 10 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งรายใหญ่รายกลางและรายเล็กโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือใน การศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะจงกลุ่มตัวอย่าง และวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูป SPSS for Windows ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีประสบการณ์ในการเลี้ยงผึ้งที่แตกต่างกันโดยรายใหญ่ รายกลางและรายเล็กเฉลี่ย 17.5, 15 และ 12 ปีตามลําดับ ส่วนใหญ่แรงงานที่ใช้ในการเลี้ยงประจํามีจํานวน 1-2 คน เกษตรกรทั้งหมด เลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพเสริม และใช้เงินทุนของตนเอง เกษตรกรทั้งหมดเลี้ยงผึ้งพันธุ์ผสมคาร์ริโอลานส์ผสมอิตาเลียนสีเหลืองและเพาะเลี้ยงพันธุ์ผึ้งเอง เกษตรกร ทั้งหมดรู้จักแหล่งอาหารที่สมบูรณ์และให้อาหารเทียมแก่ผึ้ง ในการจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ในการเลี้ยงเกษตรกรทั้งหมดจัดหาเองและ ซื้อจากศูนย์ผึ้ง แหล่งอาหารของผึ้งในฤดูดอกไม้บานเก็บจากจังหวัดเลย และจังหวัดลําพูน ในการขนย้ายผึ้งเกษตรกรทั้งหมด ใช้ รถยนต์ส่วนตัวและรถรับจ้าง เกษตรกรทั้งหมดใช้เครื่องสลัดน้ําผึ้งในการสลัดน้ําผึ้ง โดยทุกๆ 7 วัน สลัดน้ําผึ้ง 1 ครั้ง เกษตรกรรายใหญ่ รายกลางและรายเล็กได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อรายต่อปีเท่ากับ 11,070 , 4,450 และ 3,747.50 กิโลกรัม ตามลําดับ ราคาน้ําผึ้งต่อ กิโลกรัมที่ได้รับของเกษตรกรรายใหญ่รายกลางและรายเล็กเท่ากับ 71.08, 94.24 และ 110.52 บาท ตามลําดับ เห็นได้ว่า รายเล็กขาย ได้ราคาต่อกิโลกรัมสูงกว่ารายกลางและรายใหญ่ เนื่องจากรายเล็กไม่ขายน้ําผึ้งเป็นกิโลกรัม แต่นํากลับมาบรรจุขวด และขายปลีกเป็นหลักเมื่อพิจารณาต่นทุนรวมต่อกิโลกรัมของเกษตรกรรายใหญ่ รายกลางและรายเล็กเท่ากับ 58.10, 74.50 และ 96.38 บาท ตามลําดับ พบว่าต้นทุนของเกษตรกรรายเล็กสูงกว่ารายกลางและรายใหญ่ เพราะว่าเกษตรกรรายเล็กเลี้ยงผึ้งน้อยรังและซื้อวัสดุอุปกรณ์การเลี้ยงผึ้งในราคาขายปลีก จึงมีต้นทุนในการเลี้ยงสูง ด้านกําไรสุทธิต่อกิโลกรัมของเกษตรกรรายใหญ่ รายกลางและรายเล็กเท่ากับ 12.98, 19.74 และ 14.13 บาท ตามลําดับ เห็นได้ว่ารายกลาง มีกําไรต่อกิโลกรัมสูงกว่ารายเล็กและรายใหญ่ เป็นเพราะว่าเกษตรกรรายกลาง ขายน้ําผึ้งที่แหล่งผลิตเป็นกิโลกรัม และยังนํากลับมาบรรจุขวดขายปลีกอีกด้วย จึงทําให้มีรายได้ดีกว่า ดังนั้น เกษตรกรควรมีการศึกษา เทคนิคและวิธีการเลี้ยงผึ้งอย่างถูกวิธีในการเลี้ยงผึ้งต่อไป เพราะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงผึ้งได้
บทคัดย่อ (EN): This research was aimed at studying the general conditions, production management, cost, and revenues of ten large, medium, and small-scale beekeepers. The questionnaire was used as a research tool and data was collected from purposive interviewing conducted with the sample groups. SPSS for Windows was the software used in the statistical analysis. The findings indicate that the experiences in apiculture of the three groups were different, at the average of 17.5, 15 and 12 years, respectively. Generally speaking, beekeepers hire one to two employees to work at the apiaries. All of the beekeepers keep bees as a supplementary occupation and are self-reliant on its costs and expenses. The breed raised by all of the beekeepers is a hybrid of Carriolannes and yellow Italian. The bees are bred at the apiaries. All beekeepers know both natural nutritious sources and use artificial feeds at the same time. The tools and equipment necessary for the apiaries were self provided or procured from the Apiary Center. The bee feed sources during the blooming season include Loei and Lampoon provinces. Transportation is provided by personal or hired vehicles. All beekeepers use a honey extractor to extract honey. The large, medium, and small-scale beekeepers produce an average of 11,070, 4,450, and 3,747.50 kilograms per apiary, respectively. The price of honey per kilogram of the three groups of beekeepers average 71.08, 98.24 and 110.52 baht, respectively. It can be seen that the small-scale beekeepers sell at the highest price. However, the small-scale beekeepers sell their honey in bottles in retail stores. The overall costs per kilogram of the three groups were 58.10, 74.50 and 96.38 baht, respectively. The cost spent by the small-scale beekeepers is higher than the medium and the large-scale beekeepers since the former keeps a lower number of hives and buys bee keeping items from retail stores. The net profits per kilogram of the large, medium, and small-scale beekeepers are 12.98, 19.74 and 14.13 baht, respectively. The medium-scale beekeepers receive the highest profit of the three groups because they sell their products in weight per kilogram at the apiaries and sell the remaining products in bottles. Therefore, beekeepers should study the accurate beekeeping method and technique that will help reduce the costs.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
จำนวนหน้า: 6
เอกสารแนบ: https://ag2.kku.ac.th/kaj/PDF.cfm?filename=79.pdf&id=547&keeptrack=14
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: จังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ (EN): Khon Kaen
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการการผลิต และต้นทุนการผลิตผึ้ง จังหวัดขอนแก่น
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2554
การผลิตและการตลาดน้ำผึ้งในจังหวัดขอนแก่น การผลิตและการใช้ประโยชน์จากบอระเพ็ด การผลิตมะม่วงของสมาชิกกลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงจังหวัดขอนแก่น การผลิตข้าวโพดข้าวเหนียวของเกษตรกร ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สภาพการผลิตมะม่วงเพื่อการค้าของเกษตรกรกิ่งอำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น การทดสอบเทคโนโลยีการผลิตหญ้ารูซี่หมักในถุงพลาสติกสำหรับเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น การผลิต การตลาด และความต้องการใช้ดาหลาในพื้นที่ภาคใต้ การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกสตรอว์เบอร์รี ในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ การผลิตและการเก็บรักษาหมูย่าง การผลิตและการตลาดไข่ไก่ในประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก