สืบค้นงานวิจัย
ผลของหญ้าแฝกต่อความคงทนของเม็ดดิน,ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน และ ปริมาณโพลีแซคคาไรด์ ที่ปลูกบนชุดดินท่ายาง
ณรงค์เดช ฮองกูล - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ผลของหญ้าแฝกต่อความคงทนของเม็ดดิน,ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน และ ปริมาณโพลีแซคคาไรด์ ที่ปลูกบนชุดดินท่ายาง
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of Vetiver Grasses and Grass feed on Soil Aggregate Stability, Total Organic Carbon and Polysacchairdes on Soil group number 6 and 22
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ณรงค์เดช ฮองกูล
บทคัดย่อ: การปลูกหญ้าแฝกมีผลต่อโครงสร้างของดินซึ่งดำเนินการในสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ซึ่งปลูกมากว่า 10 ปี ณ จ.ราชบุรี ปี พ.ศ. 2553 - 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของหญ้าแฝกต่อความคงทนของเม็ดดิน ปริมาณ อินทรีย์คาร์บอนและปริมาณพลีแชคคาไรด์ในเนื้อดิน วางแผนการทดลองแบบ CRD 11 ตำรับ 3 ซ้ำ ประกอบด้วย ตำรับที่ ไม่ปลูหญ้าแฝก (ตำรับควบคุม) ตำรับที่ 2 ถึงตำรับที่ 6 คือปลูกหญ้าแฝกลุ่มจำนวน 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สงขลา 1 สงขลา 2 สุราษฎร์ธานี แม่ฮ่องสอน และกำแพงเพชร 2 สำหรับ ตำรับที่ 7 ถึงต่ำรับที่ 11 คือปลูกหญ้าแฝก ดอนจำนวน 5 พันธุ์ ได้แก่ เลย ราชบุรี พิษณุโลก ประจวบคีรีขันธ์ และนครพนม 2 ปลูกบนซุดดินท่ายาง เป็นดินร่วน ปนทราย (Sandy loam) ค่า pH เท่กับ 7.3 มี ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน 1.38 เปอร์เซ็นต์ มีความหนาแน่นรวมของ ดินสูง มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำและอากาศและมีความคงทนของเม็ดดินต่ำ แน่นทึบ ผลการศึกษาในแปลงหญ้าแฝกของสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี พบว่าการปลูกหญ้าแฝกทั้ง 10 สายพันธุ์ ให้ผล ทางโครงสร้างดินในด้านความหนาแน่นรวมดีกว่าแปลงควบคุมอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยแปลงควบคุมให้ค่าความ หนาแน่นสูงเท่ากับ 1.74 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งเมื่อปลูกแฝกดอนให้ค่าเฉลี่ยความหนาแน่นดินลดลงเหลือ 1.49 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร และยิ่งปลูกกลุ่มแฝกลุ่มยิ่งมีค่ความหนาแน่นดินลดลงมากที่สุดเพียง 1.41 กรัมต่อ ลูกบาศก์เซนติเมตร เมื่อพิจารณาทีละสายพันธุ์พบว่าแฝกลุ่มพันธุ์แม่ฮ่องสอนให้ค่าสมบัติทางกายภาพดีที่สุดโดยให้ ค่าความหนาแน่นดินต่ำสุดเท่ากับ 1.32 กรัมต่อลูกบาศก็เซนติเมตร ค่ความคงทนของเม็ดติน 82.67 เปอร์เซ็นต์ อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นเป็น 1.27 เปอร์เซ็น อินทรีย์คาร์บอนเพิ่มขึ้นเป็น 2.18 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณโพลีแซคคา ไรด์เพิ่มขึ้นสูงมากเป็น 351.63 กรัมต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังพบว่าการปลูกแฝกดอนพันธุ์ประจวบคีรีขันธ์ ก็ให้ผลต่อ สมบัติทางกายภาพของดินดีขึ้นเช่นกันแต่รองจากแฝกลุ่มพันธุ์แม่ฮ่องสอน โดยมีค่าความหนาแน่นดินเท่ากับ 1.35 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร จากการศึกษาในปีที่สองผลมีความคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะมีการรบกวนระบบ โครงสร้างดินมากเกินไปในเรื่องการเข้าไปตัดหญ้าแฝกและเก็บตัวเลขดังนั้นผลการทตลองจึงเห็นได้อย่างเด่นชัต เฉพาะปีแรกเท่านั้น
บทคัดย่อ (EN): Vetiver grasses were grown at the local Land Development Department station in Ratchaburi province. That is the 10 year old of demonstration plot inside the LDD Ratchaburi station. The study was carried out in 2009 - 2010. The objective is monitoring physical soil properties from the Vetiver plot such as Bulk density, soil aggregation, organic matter, organic carbon and polysaccharides. The 11 treatment and 3 replication in CRD is the experimental design. Treatment 1 is control that is no Vetiver. Treatment 2 to 6 is grown lowland Vetiver (Vetiveria zizanioides)such as Songkhla 1 Songkhla 2 Suratthani Maehongson and Kamphaengphet 2. Moreover, treatment 7 to 11 is grown upland Vetiver (Vetiveria nemoralis) such as Loei Ratchaburi Phitsanulok Prachuapkhirikhan and Nakhonphanom 2. The demonstration plot is ThaYang soil series that is sandy loam soil. The basic parameter of ThaYang soil series is 7.3 pH, 1.38%OC. The ThaYang is high bulk density, poor drainage and lower soil aggregation. It is dense soil and high compaction. The result shows that soil bulk density in the Vetiver were grown treatment is better than the control treatment. The control treatment gets 1.74 g/cm of bulk density but the upland Vetiver treatment gets better 1.49 g/cm of bulk density. The best of lowland Vetiver were grown treatment gets 1.41 g/cmof bulk density. The best varieties of Vetiver is Maehongsorn lowland Vetiver because it is improving physical soil properties. Some parameter is improved such as 1.32 g/cm of bulk density, 82.67% soil aggregation, 1.27% OM, 2.18% OC, 351.63 g/kg of polysaccharides highly significant difference with the control respectively. However, upland Vetiver were grown treatment is the second varieties to improve the soil properties too. The Phrachubkerekhean variety as the upland variety gets 1.35 g/cm of soil bulk density. However, the second year experiment which is some error from disturb soil by means of some activities to cut and measure the Vetiyer growth inside the demonstration plot. That should be awareness.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: โพลีแซคคลาไลด์
คำสำคัญ (EN): Soil group number 6 and 22
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของหญ้าแฝกต่อความคงทนของเม็ดดิน,ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน และ ปริมาณโพลีแซคคาไรด์ ที่ปลูกบนชุดดินท่ายาง
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2554
ปริมาณฮอร์โมน17?-estradiol ที่เหมาะสม ต่อการแปลงเพศกบนาให้เป็นเพศเมีย ศึกษาการเปลี่ยนแปลงความชื้นและปริมาณอินทรีย์คาร์บอนของดินภายใต้การอนุรักษ์ดินและน้ำโดยการปลูกหญ้าแฝกในสวนไม้ผล การเลี้ยงปลาดุกลูกผสมในถังไฟเบอร์กลาสที่ใช้หญ้าแฝกบาบัดน้าเสียในปริมาณที่ต่างกัน ปริมาณและคุณภาพของน้ำเชื้อไก่คอล่อนที่เลี้ยงแบบขังกรง การใช้หญ้าแฝกและวัสดุปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังที่ปลูกในดินเนื้อหยาบ อิทธิพลของการใส่โบรอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมต่อผลผลิตและคุณภาพเมล็ดของถั่วลิสงที่ปลูกในดินที่ขาดโบรอน ชนิด ปริมาณ และการแพร่กระจายของสัตว์หน้าดินในแม่น้ำตาปี การศึกษาชนิด ปริมาณ และมูลค่าการนำเข้าส่งออกปลาน้ำจืดของประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ. 2557-2561 อิทธิพลของการเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปริมาณผลผลิตและสารต่อต้านอนุมูลอิสระของสตรอเบอรีในระบบปลูกเกษตรอินทรีย์ การเลี้ยงปลาดุกลูกผสมในบ่อดินที่ใช้หญ้าแฝกบำบัดน้ำเสีย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก