สืบค้นงานวิจัย
การหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเทคโนโลยีสะอาด
พิศมัย จันทุมา - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: การหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเทคโนโลยีสะอาด
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พิศมัย จันทุมา
บทคัดย่อ: การหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเทคโนโลยีสะอาด เพื่อศึกษาการหมุนเวียนเชิงปริมาณของคาร์บอนในระบบการผลิตยาง ใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกีดกันทางการค้า และเพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเทคโนโลยีสะอาด ระหว่างปี 2554-2558 ทดลองที่ ศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา จ. ฉะเชิงเทรา ผลการวัดปริมาณคาร์บอนวัดโดยวิธี Eddy Covariance พบว่า อัตราการแลกเปลี่ยนคาร์บอนสุทธิคำนวณค่าอัตราการผลิตปฐมภูมิรวม (GPP) อัตราการปลดปล่อยคาร์บอนจากการหายใจทั้งหมดของระบบนิเวศ (Re) และผลผลิตคาร์บอนสุทธิของระบบ (NEP) ค่าสะสมของ GPP มีค่าเท่ากับ 3.978 ตันคาร์บอน/ไร่/ปี Re 2.75 ตันคาร์บอน/ไร่/ปีและ NEP 1.22 ตันคาร์บอน/ไร่/ปีโดยมีค่า GPP สะสมต่ำสุด ในช่วงเดือนมกราคม และสูงสุดในช่วงมิถุนายน โดยมีค่าสะสม GPP เท่ากับ 142.53 และ 482.56 คาร์บอน/ไร่/เดือน ตามลำดับ ค่า Re สะสมต่ำสุด และสูงสุดในช่วงเดือนกันยายน และกุมภาพันธ์ โดยมีค่าสะสม Re เท่ากับ 91.04 และ 372.68 คาร์บอน/ไร่/เดือน ตามลำดับ และค่า NEP สะสมต่ำสุด และสูงสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และสิงหาคม โดยมีค่าสะสม NEP เท่ากับ -218.42 และ 267.38 คาร์บอน/ไร่/เดือน ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงของสมดุลคาร์บอนในรอบปีสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีพื้นที่ใบของยางพารา เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งมีการทิ้งใบของต้นยางพารา พื้นที่ปลูกยางพารามีค่า GPP ต่ำที่สุด แต่ปรากฏค่าสูงสุดในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ใบยางเจริญเติบโตเต็มที่และเป็นช่วงฤดูฝน ขณะที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้น ต้นยางเริ่มแตกใบใหม่และมีการเจริญเติบโตของใบยาง ทำให้พื้นที่ปลูกยางมีค่า RE สูงที่สุด และมีค่า NEP ต่ำที่สุด โดยค่า NEP ที่ปรากฏในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และธันวาคมนั้น มีค่าน้อยกว่า 0 แสดงว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ระบบนิเวศของยางพาราทำหน้าที่เป็น Carbon source ในขณะที่ช่วงเดือนอื่นๆ นั้น NEP มีค่ามากกว่าศูนย์ ระบบนิเวศของยางพาราจึงทำหน้าที่เป็น Carbon sinkในกระบวนการทำยางแผ่นรมควัน พบว่า ในห้องรมควันขนาด 40 ลูกบาศก์เมตร บรรจุรถตากยาง 3 คัน คันละ 150 แผ่น รวม 450 แผ่นต่อครั้ง (450 กก./ครั้ง) ใช้เวลาในการรมควัน 4 ½ วัน ในรอบปีกรีด รมควัน 8-9 เดือน โดยใช้ความร้อนจากไม้ฟืน พบว่า ในขั้นตอนการรมควัน มีการปลดปล่อยคาร์บอนจากไม้ฟืน 10.26-11.40 ตันคาร์บอน/ห้องรมควัน/ปี ปลดปล่อยคาร์บอนจากปล่องควันของโรงงาน 1.09-1.21 ตันคาร์บอน/ห้องรมควัน/ปี และคาร์บอนจากขี้เถ้า 0.59-0.65 ตันคาร์บอน/ห้องรมควัน/ปี รวมทั้งปีมีการปลดปล่อยคาร์บอน 11.93-13.26 ตันคาร์บอน/ห้องรมควัน/ปี หรืออีกนัยหนึ่งการรมควันยางแผ่นในแต่ละกิโลกรัมมีการปล่อยคาร์บอน 0.59 kgC/kg dry rubber
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://edoc.doa.go.th/FILEROOM/CABPDOC/DRAWERS/INTDOC/DATA0005/00005254.PDF
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: เทคโนโลยีสะอาด
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเทคโนโลยีสะอาด
การยางแห่งประเทศไทย
2558
การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตน้ำตาลด้วยเทคโนโลยีสะอาด ทดสอบเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพารา พื้นที่ภาคเหนือตอนบน การเพิ่มประสิทธิภาพของหินฟอสเฟตโดยเผาที่อุณหภูมิต่ำ การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพารา จังหวัดสกลนคร โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสับปะรด การจัดการโรงเรือนเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผัก การพื้นฟูดินสันป่าตองด้วยหญ้าแฝกเพื่อเพิ่มผลิตมันสำปะหลัง การจัดการสมดุลน้ำในสวนยางพาราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การใช้เทคโนโลยีสะอาดในกระบวนการผลิตน้ำยางข้น การปรับตัวของระบบการผลิตยางพาราต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเขตภาคใต้ตอนบน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก