สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาวิธีการเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่
จิรากร โกศัยเสวี - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: ศึกษาวิธีการเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): Study on Method of Tappings for GT 1 Clone
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จิรากร โกศัยเสวี
บทคัดย่อ: ยางพันธุ์ GT 1 เป็นพันธุ์ยางที่แนะนำให้เกษตรกรทั่วไปปลูกในเขตปลูกยางใหม่และเขตปลูกยางเดิม โดยเฉพาะเขตปลูกยางเดิมภาคตะวันออก ยางพันธุ์ GT 1 มีความต้านทานต่อโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทราได้ดี เกษตรกรจึงนิยมปลูกกันมากในเขตจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด แต่พันธุ์ยาง GT 1 เป็นพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตต่ำในระยะแรกของการเปิดกรีดและตอบสนองต่อสารเคมีเร่งน้ำยางปานกลาง การทดลองเพื่อเพิ่มผลผลิตยาง GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่ที่สถานีทดลองยางโป่งแรด จังหวัดจันทบุรี เมื่อตุลาคม 2531 – กันยายน 2536 โดยเปิดกรีดที่ระดับความสูง 3 ระดับ คือ 150, 100 และ 50 ซม. จากพื้นดิน ร่วมกับการใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง 6 วีธีการ คือ อีเทรลความเข้มข้น 1.25 % ผสมน้ำหยดในรอยกรีดทุก 1 เดือน, อีเทรล 2.5 % ผสมน้ำทาในรอยกรีดทุก ๆ 3 เดือน, อีเทรล 2.5 % ผสมน้ำทาในรอยบากใต้รอยกรีดทุก 3 เดือน, อีเทรล 2.5 % ผสมน้ำมันปาล์มทาในรอยกรีดทุก 3 เดือน , อีเทรล 2.5 % ผสมน้ำมันปาล์มทาในรอยบากใต้รอยกรีดทุก 3 เดือน และการกรีดโดยไม่ใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง ระบบกรีดที่ใช้คือกรีดครึ่งลำต้นวันเว้นวัน (1 / 2 S.d / 2 ) จำนวนวันกรีดเฉลี่ย 5 ปี 99 – 104 วัน / ปี ผลการทดลอง พบว่าความสูงของการเปิดกรีดยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่และมีเส้นรอบลำต้นตามมาตรฐาน ไม่มีผลให้ผลผลิตแตกต่างกัน ผลผลิตเฉลี่ย 5 ปี เมื่อเปิดที่ระดับความสูง 150, 100 และ 50 ซม. เท่ากับ 36.10, 37.78 และ 38.21 กรัม / ต้น / ครั้งกรีด ตามลำดับ การใช้สารเคมีเร่งน้ำยางทุกวิธีสามารถเพิ่มผลผลิตเฉลี่ย 5 ปี ได้ 53 – 80 % คือการใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง 1.25 % ผสมน้ำหยดในรอยกรีดทุก 1 เดือน, อีเทรล 2.5% ผสมน้ำมันปาล์มทาในรอยกรีดทุก 3 เดือน, อีเทรล 2.5 % ผสมน้ำทาในรอบกรีดทุก 3 เดือน, อีเทรล 2.5% ผสมน้ำทาในรอยบากใต้รอยกรีดทุก 3 เดือน, อีเทรล 2.5% ผสมน้ำมันปาล์มทาในรอยบากใต้รอยกรีดทุก 3 เดือน และการกรีดโดยไม่ใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 44.44, 40.14, 39.24, 37.92, 37.79 และ 24.66 กรัม / ต้น / ครั้งกรีด ตามลำดับ ความสูงของการเปิดกรีดและวิธีการกรีด คือ การใช้สารเคมีเร่งน้ำยางและวิธีไม่ใช้สารเคมีเร่งน้ำยางไม่มีผลทำให้การเพิ่มขนาดเส้นรอบลำต้นแตกต่างกัน ความสิ้นเปลืองเปลือกในปีแรกของการกรีด เมื่อใช้วิธีการกรีดที่ไม่ใช้สารเคมีเร่งน้ำยางสิ้นเปลืองเปลือกมากว่าวิธีอื่น นอกจากนั้นการใช้สารเคมีเร่งน้ำยางไม่มีผลต่อการเกิดอาการเปลือกแห้ง คือ มีต้นเปลือกแห้งเฉลี่ย 1.9% จากผลการทดลองสรุปได้ คือ วิธีการกรีดที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่ในเขตปลูกยางภาคตะวันออก คือ เปิดกรีดที่ระดับความสูง 150 ซม. ร่วมกับการใช้สารเคมีเร่งน้ำยางอีเทรล 1.25% ผสมน้ำหยด3 – 5 หยดในรอยกรีดทุกเดือน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: การกรีดยาง
คำสำคัญ (EN): Clone
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาวิธีการเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดใหม่
การยางแห่งประเทศไทย
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
การใช้ระบบกรีดร่วมกับสารเคมีเร่งน้ำยาง เพื่อเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ในระยะเริ่มเปิดกรีด เปรียบเทียบผลผลิตของยางพาราในการกรีดยางหน้าสูงด้วยวิธีการกรีดขึ้นกับ วิธีการกรีดลงโดยใช้มีดเจบง อ้อยลูกผสมพันธุ์ใหม่ : อู่ทอง 12 อิทธิพลของปริมาณปุ๋ย N P K ต่อผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 ที่เปิดกรีดหน้าที่ 2 ที่ปลูกในดินร่วน อิทธิพลของปุ๋ยเคมีและสารเคมีเร่งน้ำยางที่มีต่อผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 หน้ากรีดแรกที่ปลูกในดินชุดลำภูรา การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับสารเคมีเร่งน้ำยาง เพื่อเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 หน้ากรีดแรกที่ปลูกในชุดดินสัตหีบ ศึกษาระบบกรีดที่เหมาะสมกับยางพันธุ์ GT 1 ศักยภาพการผลิตยางของสวนยางก่อนเปิดกรีดในภาคตะวันออก การพัฒนากระบวนการผลิตข้าวไร่พันธุ์พื้นเมือง ในเขตพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง จังหวัดนครราชสีมา การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับสารเคมีเร่งน้ำยางเพื่อเพิ่มผลผลิตยางพันธุ์ GT 1 หน้ากรีดแรกที่ปลูกในชุดดินลำภูรา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก