สืบค้นงานวิจัย
ผลขององศาการโน้มกิ่งและการตัดยอดต่อการเติบโตทางกิ่งใบ การออกดอก การติดผลและผลผลิตของฝรั่งพันธุ์เย็นสอง
เพ็ญระพี ทองอินทร์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: ผลขององศาการโน้มกิ่งและการตัดยอดต่อการเติบโตทางกิ่งใบ การออกดอก การติดผลและผลผลิตของฝรั่งพันธุ์เย็นสอง
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of the angle of shoot bending and shoot tip cutting on vegetative growth, flowering, fruit set and yield of guava (psidium guajava L.) cv. Yen S
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เพ็ญระพี ทองอินทร์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Penrapee Thong-in
บทคัดย่อ: การศึกษาผลขององศาการโน้มกิ่งและการตัดยอดต่อการเติบโตทางกิ่งใบ การออกดอก การติดผลและผลผลิตของฝรั่งพันธุ์เย็น ณ แปลงทดลอง 2 ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม 2543 พบว่า เมื่อมีการปลิดผลให้เหลือเพียง 2 ผล/กิ่ง การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศาโดยมีการตัดปลายยอดทิ้งหลังการโน้มกิ่งให้ผลดีที่สุด เพราะทำให้ผลฝรั่งมีปริมาณผลผลิต/กิ่ง น้ำหนักเฉลี่ย/ผล และปริมาตรเฉลี่ย/มากที่สุดคือ 1060, 516.87 กรัมและ 436.25 ซม.3 ตามลำดับ ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาโดยไม่มีการตัดปลายยอดทิ้งทกให้ผลฝรั่งมีปริมาณผลผลิต/กิ่ง น้ำหนักเฉลี่ย/ผล และปริมาตรเฉลี่ย/ผลน้อยที่สุดคือ 736.25, 370.62 กรัมและ 316.25 ซม.3 ตามลำดับ ส่วนการโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาจากแนวราบมีผลกระทลต่ออิทธิพลของการข่มตายอดน้อยที่สุด จึงทำให้มีความยาวเฉลี่ยของกิ่งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกิ่ง และความยาวเฉลี่ยของกิ่งย่อยมากที่สุด ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศามีผลกระทบต่ออิทธิพลของการข่มตายอดมากที่สุด จึงส่งผลให้การโน้มกิ่งที่ระดับ 90, 65 และ 45 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยบริเวณ 1/3 และ 2/3 ส่วนของกิ่งจากปลายยอด ส่วนการโน้มกิ่งที่ระดับ 0, 25, - 25, -45 และ -65 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยกระจายทั่วทั้งกิ่ง โดยการโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยและปริมาณดอกเฉลี่ยต่อกิ่งน้อยที่สุด การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศา โดยไม่ปลิดผลทิ้งทำให้ฝรั่งมีเปอร์เซ็นต์การติดผลและเปอร์เซ็นต์ผลแก่ที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุด คือ 72.3 และ 96% ตามลำดับ และทำให้ผลฝรั่งมีน้ำหนักเฉลี่ย/ผลน้อยที่สุด คือ 304.37 กรัม ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาโดยไม่ปลิดผลทิ้งทำให้ฝรั่งมีเปอร์เซ็นต์การติดผลและเปอร์เซ็นต์ผลแก่ที่เก็บเกี่ยวได้น้อยที่สุดคือ 67.3 และ 75.2% ตามลำดับ แต่ทำให้ผลฝรั่งมีน้ำหนักเฉลี่ย/ผลมากที่สุดคือ 454.37 กรัม ส่วนปริมาณ total nonstructural carbohydrates ในใบมีค่าต่ำสุดในระยะหลังโน้มกิ่ง 1 สัปดาห์ และสูงสุดในระยะห่อผลขณะที่ปริมาณ total nitrogen ในใบมีค่าสูงสุดในระยะหลังโน้มกิ่ง 1 สัปดาห์และต่ำสุดในระยะดอกบาน The effects of the angle of shoot bending and shoot tip cutting on vegetative growth flowering, fruit set and yield of guava (Psidium guajava L.) cv. Yen Song were investigated at Experimental Field 2, Department of Horticulture, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Kamphang Sean Campus, Nakhon Pathom province during May to December 2000. It was found that, when 2 fruits were left attached to the shoot, shoot bending at 0 in combination with shoot tip cutting resulted in the greatest yield (1060 g/shoot), fruit weight (516.87 g) and fruit volume (440 cc) whereas shoot bending at 90 without shoot tip cutting brought about the lowest yield (736.25 g/shoot), fruit weight (370.62 g) and fruit volume (316.25 cc.). Shoot bending at 90 from the horizontal affected to the influence of apical dominance the least, which produced the highest shoot length, shoot diameter and lateral shoot length. On contary, shoot bending at 0 affected to the influence of apical dominance the most. Shoot bending at 90, 65 and 45 brought about lateral shoots at 1/3 and 2/3 from the apex of the bent shoot whereas shoot bending at 0, 25, -25, -45 and -65 caused lateral shoots to scatter all over the bent shoot. Shoot bending at 90 resulted the lowest number of lateral shoots and flowers/shoot. Shoot bending at 0 without fruit tinning brought about the highest percentage of fruit set (72.3) and harvestable mature fruits (96.3), but the lightest of fruit (304.37 g). In contrast, shoot bending at 90 without fruit thinning resulted in the lowest percentage of fruit set (67.3) and harvestable mature fruits (75.2), but the heaviest fruit weight (454.37 g). The amount of total nonstructural carbohydrates in the leaf decreased to a minimum 1 week after shoot bending and increased to a maximum at fruit bagging while the total nitrogen content of the leaf reached a maximum 1 week after shoot bending and a minimum at full bloom.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/PenrapeeTho/index.html
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: การเจริญเติบโต
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รายละเอียด: การศึกษาผลขององศาการโน้มกิ่งและการตัดยอดต่อการเติบโตทางกิ่งใบ การออกดอก การติดผลและผลผลิตของฝรั่งพันธุ์เย็น ณ แปลงทดลอง 2 ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม 2543 พบว่า เมื่อมีการปลิดผลให้เหลือเพียง 2 ผล/กิ่ง การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศาโดยมีการตัดปลายยอดทิ้งหลังการโน้มกิ่งให้ผลดีที่สุด เพราะทำให้ผลฝรั่งมีปริมาณผลผลิต/กิ่ง น้ำหนักเฉลี่ย/ผล และปริมาตรเฉลี่ย/มากที่สุดคือ 1060, 516.87 กรัมและ 436.25 ซม.3 ตามลำดับ ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาโดยไม่มีการตัดปลายยอดทิ้งทกให้ผลฝรั่งมีปริมาณผลผลิต/กิ่ง น้ำหนักเฉลี่ย/ผล และปริมาตรเฉลี่ย/ผลน้อยที่สุดคือ 736.25, 370.62 กรัมและ 316.25 ซม.3 ตามลำดับ ส่วนการโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาจากแนวราบมีผลกระทลต่ออิทธิพลของการข่มตายอดน้อยที่สุด จึงทำให้มีความยาวเฉลี่ยของกิ่งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกิ่ง และความยาวเฉลี่ยของกิ่งย่อยมากที่สุด ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศามีผลกระทบต่ออิทธิพลของการข่มตายอดมากที่สุด จึงส่งผลให้การโน้มกิ่งที่ระดับ 90, 65 และ 45 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยบริเวณ 1/3 และ 2/3 ส่วนของกิ่งจากปลายยอด ส่วนการโน้มกิ่งที่ระดับ 0, 25, - 25, -45 และ -65 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยกระจายทั่วทั้งกิ่ง โดยการโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศา ทำให้เกิดกิ่งย่อยและปริมาณดอกเฉลี่ยต่อกิ่งน้อยที่สุด การโน้มกิ่งที่ระดับ 0 องศา โดยไม่ปลิดผลทิ้งทำให้ฝรั่งมีเปอร์เซ็นต์การติดผลและเปอร์เซ็นต์ผลแก่ที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุด คือ 72.3 และ 96% ตามลำดับ และทำให้ผลฝรั่งมีน้ำหนักเฉลี่ย/ผลน้อยที่สุด คือ 304.37 กรัม ขณะที่การโน้มกิ่งที่ระดับ 90 องศาโดยไม่ปลิดผลทิ้งทำให้ฝรั่งมีเปอร์เซ็นต์การติดผลและเปอร์เซ็นต์ผลแก่ที่เก็บเกี่ยวได้น้อยที่สุดคือ 67.3 และ 75.2% ตามลำดับ แต่ทำให้ผลฝรั่งมีน้ำหนักเฉลี่ย/ผลมากที่สุดคือ 454.37 กรัม ส่วนปริมาณ total nonstructural carbohydrates ในใบมีค่าต่ำสุดในระยะหลังโน้มกิ่ง 1 สัปดาห์ และสูงสุดในระยะห่อผลขณะที่ปริมาณ total nitrogen ในใบมีค่าสูงสุดในระยะหลังโน้มกิ่ง 1 สัปดาห์และต่ำสุดในระยะดอกบาน The effects of the angle of shoot bending and shoot tip cutting on vegetative growth flowering, fruit set and yield of guava (Psidium guajava L.) cv. Yen Song were investigated at Experimental Field 2, Department of Horticulture, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Kamphang Sean Campus, Nakhon Pathom province during May to December 2000. It was found that, when 2 fruits were left attached to the shoot, shoot bending at 0 in combination with shoot tip cutting resulted in the greatest yield (1060 g/shoot), fruit weight (516.87 g) and fruit volume (440 cc) whereas shoot bending at 90 without shoot tip cutting brought about the lowest yield (736.25 g/shoot), fruit weight (370.62 g) and fruit volume (316.25 cc.). Shoot bending at 90 from the horizontal affected to the influence of apical dominance the least, which produced the highest shoot length, shoot diameter and lateral shoot length. On contary, shoot bending at 0 affected to the influence of apical dominance the most. Shoot bending at 90, 65 and 45 brought about lateral shoots at 1/3 and 2/3 from the apex of the bent shoot whereas shoot bending at 0, 25, -25, -45 and -65 caused lateral shoots to scatter all over the bent shoot. Shoot bending at 90 resulted the lowest number of lateral shoots and flowers/shoot. Shoot bending at 0 without fruit tinning brought about the highest percentage of fruit set (72.3) and harvestable mature fruits (96.3), but the lightest of fruit (304.37 g). In contrast, shoot bending at 90 without fruit thinning resulted in the lowest percentage of fruit set (67.3) and harvestable mature fruits (75.2), but the heaviest fruit weight (454.37 g). The amount of total nonstructural carbohydrates in the leaf decreased to a minimum 1 week after shoot bending and increased to a maximum at fruit bagging while the total nitrogen content of the leaf reached a maximum 1 week after shoot bending and a minimum at full bloom.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลขององศาการโน้มกิ่งและการตัดยอดต่อการเติบโตทางกิ่งใบ การออกดอก การติดผลและผลผลิตของฝรั่งพันธุ์เย็นสอง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2544
อิทธิพลของพาโคลบิวทราโซลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของถั่วลิสงบางพันธุ์ ผลของไคโตซานต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของช่อดอกปทุมมาพันธุ์ลัดดาวัลย์ ผลของปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆและแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 ผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชต่อการออกดอกนอกฤดูและคุณภาพผลของส้มพันธุ์สายน้าผึ้ง การวิเคราะห์การเจริญเติบโตและปริมาณโปรตีนในผักโขมเมล็ด 5 สายพันธุ์ การศึกษารูปแบบการเจริญเติบโตของผลและอิทธิพลของอุณหภูมิต่อคุณภาพระหว่างการเก็บรักษาเงาะพันธุ์ทองเมืองตราด อิทธิพลของออกซินและไซโตไคนินที่มีต่อการเกิดและการเจริญเติบโตของหัวย่อยลิลี่พันธุ์ (Red Night (Lilium elegans "Red Night") ผลของระดับไนโตรเจนต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของปทุมมา การศึกษาการเจริญเติบโตและการผลิตเมล็ดพันธุ์พุ่งเหลืองฝักสดในฤดูปลายฝน ปี 2552 และ 2553 อิทธิพลของปุ๋ยเคมี ปุ๋ยชีวภาพ และปุ๋ยผสมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของผลผลิตสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก