สืบค้นงานวิจัย
การสำรวจทรัพยากรดิน และการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อฟื้นฟู และพัฒนาฟื้นที่ชายฝั่งทะเลลุ่มน้ำบางปะกง : รายงานผลการวิจัย
อภิศักดิ์ โพธิ์ปั้น - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ชื่อเรื่อง: การสำรวจทรัพยากรดิน และการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อฟื้นฟู และพัฒนาฟื้นที่ชายฝั่งทะเลลุ่มน้ำบางปะกง : รายงานผลการวิจัย
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อภิศักดิ์ โพธิ์ปั้น
บทคัดย่อ: พื้นที่ชายฝังทะเลลุ่มน้ำบางปะกง เป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่เคย หรือได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลท่วมถึง มีระบบนิเวศเฉพาะตัวที่มีความสำคัญ เดิมพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน เป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์นํ้าวัยอ่อน ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ต่อมามีการพัฒนาพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง พื้นที่นาเกลือ พื้นที่ชุมชน และพื้นที่อุตสาหกรรม การขยายตัวของชุมชน และพื้นที่อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไร้ทิศทาง ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทรัพยากรธรรมชาติเกิดความเสื่อมโทรมลง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าจากและป่าชายเลน การรุกตัวของนํ้าเค็ม กัดเซาะชายฝั่ง เกิดข้อขัดแย้งในการใช้ประโยชน์ที่ดินจึงได้ทำการศึกษาขึ้น โดยการสำรวจทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน จัดทำแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 และรวบรวมข้อคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน และเสนอแนะแนวทางในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล จากการประเมินลักษณะทรัพยากรดินในพื้นที่ระยะ 3 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเลเข้ามาในแผ่นดิน พบว่า ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินตะกอนขนาดดินเหนียวที่พัดพามากับนํ้าจืดของแม่นํ้าบางปะกงผสมกับดินเหนียวนํ้าทะเล ดินมีระดับความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาด้านความเค็มของดินสูง พืชเศรษฐกิจทั่วไปไม่สามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ ทรัพยากรดินส่วนใหญ่เป็นชุดดินบางปะกง 22,574 ไร่ หรือร้อยละ 31.36 รองลงมาเป็นหน่วยสัมพันธ์ของชุดดินท่าจีนและชุดดินบางปะกง 21,724 ไร่ หรือร้อยละ 30.44 ชุดดินสมุทรปราการ 11,722 ไร่ หรือร้อยละ 16.43 ชุดดินสัตหีบ 8,653 ไร่ หรือร้อยละ 12.13 ชุดดิน ท่าจีน 2,249 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 ชุดดินบ้านบึง 1,752 ไร่ หรือร้อยละ 2.46 ชุดดินชะอำ 1,643 ไร่ หรือร้อยละ 2.30 พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน 595ไร่ หรือร้อยละ 0.83 และหน่วยผสมของชุดดินสัตหีบและชุดดินบ้านบึง 450 ไร่ หรือร้อยละ 0.63 การศึกษาสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินใช้พื้นที่ศึกษาในระยะ 3 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเลเข้ามาในพื้นที่ดิน พบว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าป่าชายเลน โดยในปี พ.ศ. 2550 มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าผสม 24,796 ไร่ หรือร้อยละ 33.26 พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าร้าง 12,130 ไร่ หรือร้อยละ 16.27 พื้นที่ป่าชายเลน 2,345 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 พื้นที่ตัวเมืองและย่านการค้า 9,364 ไร่ หรือร้อยละ 12.56 พื้นที่หมู่บ้าน 3,020 ไร่ หรือร้อยละ 4.05 พื้นที่หมู่บ้าน/ไม้ผลผสม 4,375 ไร่ หรือร้อยละ 5.87 พื้นที่อุตสาหกรรม 4,215 ไร่ หรือร้อยละ 5.65 ส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่ทำนาข้าว พื้นที่ปลูกมะพร้าว พื้นที่นาข้าว พื้นที่ลุ่ม พื้นที่แหล่งนํ้ามีขนาดพื้นที่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2550 พบพื้นที่ชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะหายไป 2,370 ไร่ หรือร้อยละ 5.50 ในการศึกษานี้จีงได้เสนอแนะแนวทางในการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามศักยภาพของทรัพยากรในพื้นที่ โดยกำหนดเขตพื้นที่ป่าไม้ชายเลนที่ต้องสงวนไว้เพื่อการอนุรักษ์ 2,345 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 เขตปลูกป่าชายเลนเป็นแนวกว้างประมาณ 300 เมตร ตลอดแนวชายฝั่งยาว 27 กิโลเมตร 5,062 ไร่ หรือร้อยละ 6.79 เขตเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า 36,926 ไร่ หรือร้อยละ 49.53 เขตเกษตรกรรม 2,000 ไร่ หรือร้อยละ 2.67 พื้นที่สถานที่ราชการ 4,303 ไร่ หรือร้อยละ 5.77 พื้นที่ตัวเมืองและย่านการค้า 9,364 ไร่ หรือร้อยละ 12.56 พื้นที่หมู่บ้าน 3,020 ไร่ หรือร้อยละ 4.05 และพื้นที่หมู่บ้าน/ไม้ผลผสม 4,375 ไร่ หรือร้อยละ 5.87 เขตอุตสาหกรรม 4,215 ไร่ หรือร้อยละ 5.65 เขตพัฒนาแหล่งน้ำ 1,955 ไร่ หรือร้อยละ 2.62 และเสนอแนะแนวทางในการปลูกป่าชายเลนป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
คำสำคัญ: วิจัย
เจ้าของลิขสิทธิ์: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
รายละเอียด: พื้นที่ชายฝังทะเลลุ่มน้ำบางปะกง เป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่เคย หรือได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลท่วมถึง มีระบบนิเวศเฉพาะตัวที่มีความสำคัญ เดิมพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน เป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์นํ้าวัยอ่อน ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ต่อมามีการพัฒนาพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง พื้นที่นาเกลือ พื้นที่ชุมชน และพื้นที่อุตสาหกรรม การขยายตัวของชุมชน และพื้นที่อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไร้ทิศทาง ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทรัพยากรธรรมชาติเกิดความเสื่อมโทรมลง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าจากและป่าชายเลน การรุกตัวของนํ้าเค็ม กัดเซาะชายฝั่ง เกิดข้อขัดแย้งในการใช้ประโยชน์ที่ดินจึงได้ทำการศึกษาขึ้น โดยการสำรวจทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน จัดทำแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 และรวบรวมข้อคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน และเสนอแนะแนวทางในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล จากการประเมินลักษณะทรัพยากรดินในพื้นที่ระยะ 3 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเลเข้ามาในแผ่นดิน พบว่า ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินตะกอนขนาดดินเหนียวที่พัดพามากับนํ้าจืดของแม่นํ้าบางปะกงผสมกับดินเหนียวนํ้าทะเล ดินมีระดับความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาด้านความเค็มของดินสูง พืชเศรษฐกิจทั่วไปไม่สามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ ทรัพยากรดินส่วนใหญ่เป็นชุดดินบางปะกง 22,574 ไร่ หรือร้อยละ 31.36 รองลงมาเป็นหน่วยสัมพันธ์ของชุดดินท่าจีนและชุดดินบางปะกง 21,724 ไร่ หรือร้อยละ 30.44 ชุดดินสมุทรปราการ 11,722 ไร่ หรือร้อยละ 16.43 ชุดดินสัตหีบ 8,653 ไร่ หรือร้อยละ 12.13 ชุดดิน ท่าจีน 2,249 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 ชุดดินบ้านบึง 1,752 ไร่ หรือร้อยละ 2.46 ชุดดินชะอำ 1,643 ไร่ หรือร้อยละ 2.30 พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน 595ไร่ หรือร้อยละ 0.83 และหน่วยผสมของชุดดินสัตหีบและชุดดินบ้านบึง 450 ไร่ หรือร้อยละ 0.63 การศึกษาสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินใช้พื้นที่ศึกษาในระยะ 3 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเลเข้ามาในพื้นที่ดิน พบว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าป่าชายเลน โดยในปี พ.ศ. 2550 มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าผสม 24,796 ไร่ หรือร้อยละ 33.26 พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าร้าง 12,130 ไร่ หรือร้อยละ 16.27 พื้นที่ป่าชายเลน 2,345 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 พื้นที่ตัวเมืองและย่านการค้า 9,364 ไร่ หรือร้อยละ 12.56 พื้นที่หมู่บ้าน 3,020 ไร่ หรือร้อยละ 4.05 พื้นที่หมู่บ้าน/ไม้ผลผสม 4,375 ไร่ หรือร้อยละ 5.87 พื้นที่อุตสาหกรรม 4,215 ไร่ หรือร้อยละ 5.65 ส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่ทำนาข้าว พื้นที่ปลูกมะพร้าว พื้นที่นาข้าว พื้นที่ลุ่ม พื้นที่แหล่งนํ้ามีขนาดพื้นที่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2550 พบพื้นที่ชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะหายไป 2,370 ไร่ หรือร้อยละ 5.50 ในการศึกษานี้จีงได้เสนอแนะแนวทางในการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามศักยภาพของทรัพยากรในพื้นที่ โดยกำหนดเขตพื้นที่ป่าไม้ชายเลนที่ต้องสงวนไว้เพื่อการอนุรักษ์ 2,345 ไร่ หรือร้อยละ 3.15 เขตปลูกป่าชายเลนเป็นแนวกว้างประมาณ 300 เมตร ตลอดแนวชายฝั่งยาว 27 กิโลเมตร 5,062 ไร่ หรือร้อยละ 6.79 เขตเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า 36,926 ไร่ หรือร้อยละ 49.53 เขตเกษตรกรรม 2,000 ไร่ หรือร้อยละ 2.67 พื้นที่สถานที่ราชการ 4,303 ไร่ หรือร้อยละ 5.77 พื้นที่ตัวเมืองและย่านการค้า 9,364 ไร่ หรือร้อยละ 12.56 พื้นที่หมู่บ้าน 3,020 ไร่ หรือร้อยละ 4.05 และพื้นที่หมู่บ้าน/ไม้ผลผสม 4,375 ไร่ หรือร้อยละ 5.87 เขตอุตสาหกรรม 4,215 ไร่ หรือร้อยละ 5.65 เขตพัฒนาแหล่งน้ำ 1,955 ไร่ หรือร้อยละ 2.62 และเสนอแนะแนวทางในการปลูกป่าชายเลนป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การสำรวจทรัพยากรดิน และการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อฟื้นฟู และพัฒนาฟื้นที่ชายฝั่งทะเลลุ่มน้ำบางปะกง : รายงานผลการวิจัย
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
2552
รายงานการวิจัย เรื่อง การศึกษาและพัฒนาสมบัติของดินกระดาษเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา การทำนายปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินโดยใช้โปรแกรม SWAT การดัดแปรดินมอนต์มอริลโลไนต์เพื่อใช้เป็นสารหน่วงไฟในผ้าฝ้าย : รายงานผลการวิจัย รายงานการวิจัยเรื่อง การศึกษาและพัฒนาสมบัติของดินอำเภอบางบาล เพื่อทำผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาประเภทสโตนแวร์ รายงานการวิจัย การปรับปรุงคุณภาพดินผสมยางรถยนต์ใช้แล้วด้วยปูนซิเมนต์เพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้างถนน การประเมินความเสี่ยงและความเชื่อถือได้ของ เสถียรภาพของการขุดเจาะบนพื้นผิวดินและใต้ผิวดิน : รายงานผลการวิจัย รายงานผลการวิจัยเรื่องระบบโลจิสติกส์กับการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย (Royal Coast) ในจังหวัดชุมพรและพื้นที่เชื่อมโยง. รายงานวิจัย การศึกษาปริมาณธาตุอาหารหลัก (N,P,K) ในดิน : กรณีศึกษาความเหมาะสมในการปลูกยางพารา ในจังหวัดอุบลราชธานี การจัดการทรัพยากรท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนโดยใช้แผนที่สีเขียว เป็นเครื่องมือในการพัฒนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ : รายงานผลการวิจัย โครงการวิจัยและพัฒนาสมบัติเชิงกลของกระเบื้องปูพื้นดินเผาจากเถ้าลอยลิกไนต์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก