สืบค้นงานวิจัย
การย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์โดยวิธีการทางชีวภาพ : ผลของการกระตุ้นด้วยเชื้อจุลินทรีย์
Sirindhorn Khamniyom - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์โดยวิธีการทางชีวภาพ : ผลของการกระตุ้นด้วยเชื้อจุลินทรีย์
ชื่อเรื่อง (EN): Biodegradation of petroleum contaminated-sludge from the olefins plant : effects of spiked microbial culture
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Sirindhorn Khamniyom
บทคัดย่อ: ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ในตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์ ซึ่งในการคัดแยกครั้งที่สอง สามารถคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอินธิพลได้ทั้งหมด 6 ชนิด ประกอบด้วยแบคทีเรียสามชนิด ซึ่งได้แก่ Staphylococcus capitis, Bacillus sp., และ Shewanella putrefaciens และยีสต์อีกสามชนิด ได้แก่ Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, และ Rhodotorula sp. ในการทดลองยังได้ศึกษาปัจจัยทางด้านเคมี-กายภาพ ซึ่งพบว่าตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมมีส่วนประกอบของเนื้อดินทราบ มีสีคล้ำ และมีสัดส่วนของสารอินทรีย์อยู่ในอัตราส่วนที่สูง จากนั้นจึงได้ทำการทดลองศึกษาปัจจัยของสารอาหารระหว่างสัดส่วนของไนโตรเจนกับฟอสฟอรัส ต่อด้วยการศึกษาปัจจัยของเชื้อจุลินทรีย์เพื่อย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมทั้งในรูปแบบเชื้อเดี่ยวและเชื้อกลุ่ม จากนั้นทำการทดลองกระตุ้นเชื้อในรูปแบบของเชื้อกลุ่ม โดยศึกษาปริมาณความเข้มข้นตั้งต้นและวันที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นเชื้อ ผลการทดลองพบว่า ปัจจัยของสารอาหารระหว่างไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสให้ผลการย่อยสลายที่ดีที่สุดที่อัตราส่วน 4:1 ซึ่งให้ผลการย่อยเท่นกับ 48.09% ส่วนผลของการทดลองของเชื้อเดี่ยวพับว่า S.putrefaciens ให้ผลการย่อยที่ดีที่สุดเท่ากับ 77.32% ส่วน S.cerevisiae ให้ผลการย่อยที่ต่ำที่สุดคือ 34.75% และยังพบอีกว่าเชื้อแบคทีเรียให้ผลการย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมดีกว่ายีสต์ ส่วนผลของการทดลองแบบเชื้อกลุ่มพบว่าปริมาณความเข้มข้นตั้งต้น 107 CFU/mL ให้ผลการย่อยสลายเท่ากับ (71.12%) ส่วนการกระตุ้นเชื้อในรูปแบบเชื้อกลุ่มให้ผลดีที่สุดควรจะกระตุ้นเชื้อในวันที่ 1 ของการทดลองซึ่งให้ผลการย่อยสลายเพิ่มขึ้นเป็น 82.71% ซึ่งเป็นผลที่ดีที่สุดสำหรับการทดลองนี้
บทคัดย่อ (EN): This study investigated the biodegradation of oily waste sludge from the olefins plant by means of indigenous hydrocarbon degrading isolates. Six different types of hydrocarbon degraders were obtained from the secondary screening of oily waste sludge in the olefins plant. Six types of hydrocarbon degraders were composed of three bacterial strains: Staphylococcus capitis, Bacillus sp., and Shewanella putrefaciens. The remaining three were yeast strains, Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, and Rhodotorula sp. The influences of physicochemical parameters on biodegradation were also evaluated. The sludge type used in this study had a high organic content. It was observed that the optimum nutrient ratios (N:P) at 4:1 yielded the highest biodegradation at 48.09%. The microbial growths of both individual and mixed isolates were constructed to evaluate their effectiveness in oily waste sludge bioremediation. S. putrefaciens was the predominant individual strain at 77.32% degradation efficiency. The results obtained, however, revealed that all bacterial strains exhibited a superior ability in degrading the oily waste sludge to yeast strains. S. cerevisiae showed the lowest degradation efficiency at only 34.75%. The mixed culture was also seen to be more effective in removing petroleum hydrocarbons at a starter inoculum size of 107 CFU/mL (71.12%). This starter inoculum size was selected for further study in the optimum incubation times. The results also revealed the potential ability to increase degradation capability by spiking after one-day incubation yielding 82.71% degradation efficiency, which was the best degradation efficiency in this study.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1669&obj_id=1110
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Sewage sludge
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ในตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์ ซึ่งในการคัดแยกครั้งที่สอง สามารถคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอินธิพลได้ทั้งหมด 6 ชนิด ประกอบด้วยแบคทีเรียสามชนิด ซึ่งได้แก่ Staphylococcus capitis, Bacillus sp., และ Shewanella putrefaciens และยีสต์อีกสามชนิด ได้แก่ Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, และ Rhodotorula sp. ในการทดลองยังได้ศึกษาปัจจัยทางด้านเคมี-กายภาพ ซึ่งพบว่าตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมมีส่วนประกอบของเนื้อดินทราบ มีสีคล้ำ และมีสัดส่วนของสารอินทรีย์อยู่ในอัตราส่วนที่สูง จากนั้นจึงได้ทำการทดลองศึกษาปัจจัยของสารอาหารระหว่างสัดส่วนของไนโตรเจนกับฟอสฟอรัส ต่อด้วยการศึกษาปัจจัยของเชื้อจุลินทรีย์เพื่อย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมทั้งในรูปแบบเชื้อเดี่ยวและเชื้อกลุ่ม จากนั้นทำการทดลองกระตุ้นเชื้อในรูปแบบของเชื้อกลุ่ม โดยศึกษาปริมาณความเข้มข้นตั้งต้นและวันที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นเชื้อ ผลการทดลองพบว่า ปัจจัยของสารอาหารระหว่างไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสให้ผลการย่อยสลายที่ดีที่สุดที่อัตราส่วน 4:1 ซึ่งให้ผลการย่อยเท่นกับ 48.09% ส่วนผลของการทดลองของเชื้อเดี่ยวพับว่า S.putrefaciens ให้ผลการย่อยที่ดีที่สุดเท่ากับ 77.32% ส่วน S.cerevisiae ให้ผลการย่อยที่ต่ำที่สุดคือ 34.75% และยังพบอีกว่าเชื้อแบคทีเรียให้ผลการย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมดีกว่ายีสต์ ส่วนผลของการทดลองแบบเชื้อกลุ่มพบว่าปริมาณความเข้มข้นตั้งต้น 107 CFU/mL ให้ผลการย่อยสลายเท่ากับ (71.12%) ส่วนการกระตุ้นเชื้อในรูปแบบเชื้อกลุ่มให้ผลดีที่สุดควรจะกระตุ้นเชื้อในวันที่ 1 ของการทดลองซึ่งให้ผลการย่อยสลายเพิ่มขึ้นเป็น 82.71% ซึ่งเป็นผลที่ดีที่สุดสำหรับการทดลองนี้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การย่อยสลายตะกอนน้ำมันปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์โดยวิธีการทางชีวภาพ : ผลของการกระตุ้นด้วยเชื้อจุลินทรีย์
Sirindhorn Khamniyom
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
ผลของชนิดถังปฏิกรณ์ต่อประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากตะกอนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผลของอุณหภูมิที่มีต่อการกำจัดไดเบนโซไธโอฟีนในน้ำมันเตาโดยวิธีทางชีวภาพ การผลิตถ่านกัมมันต์จากกะลาปาล์มน้ำมันโดยวิธีการกระตุ้นด้วยไอน้ำในปฎิกรณ์ไพโรไลซิสในระดับโรงงานต้นแบบ ผลของสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อการย่อยสลายตะกอนดินที่ปนเปื้อนสารปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์ การกำจัดสารกำมะถันโดยวิธีการทางชีวภาพด้วย rhodococcus gordoniae ออกแบบโรงงานผลิตเอสเทอร์จากน้ำมันมะพร้าว การผลิตน้ำมันชีวภาพจากสาหร่ายขนาดเล็กด้วยระบบน้ำเขียว การย่อยสลายทางชีวภาพของน้ำทิ้งน้ำมันหล่อเย็น ผลของชนิดตะกอนต่อการสร้างตะกอนเม็ดของระบบยูเอเอสบีที่บำบัดน้ำเสียจากโรงงานผลไม้อบแห้ง ผลของความชื้น ทรีฮาโลสและพอลีเมอร์ชีวภาพต่อการดูดกลืนน้ำมันในแบบจำลอง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก