สืบค้นงานวิจัย
การทำนายปริมาณและองค์ประกอบของไขมันกะทิอย่างรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่างด้วยเทคนิคสเปกโตรสโคปีย่านใกล้อินฟาเรด
ธงชัย สุวรรณสิชณน์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การทำนายปริมาณและองค์ประกอบของไขมันกะทิอย่างรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่างด้วยเทคนิคสเปกโตรสโคปีย่านใกล้อินฟาเรด
ชื่อเรื่อง (EN): Nondestructive and rapid method to determination and identification of fat content and fatty acid composition of coconut milk by Near Infrared spectroscopy method
บทคัดย่อ: กะทิเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย การตรวจสอบคุณภาพทางเคมีผลิตภัณฑ์กะทิโดยวิธีมาตรฐานเป็นวิธีที่สิ้นเปลืองเวลาและมีค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์สูง การพัฒนาวิธีการตรวจสอบคุณภาพที่ความถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็วจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและการส่งออก รวมทั้งสามารถยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้เทคนิคสเปกโตรสโคปีย่านใกล้อินฟาเรด (NIRS) มาใช้ตรวจสอบปริมาณไขมันทั้งหมด และปริมาณของกรดไขมันในผลิตภัณฑ์กะทิ ตัวอย่างกะทินำมาวัดค่าการดูดกลืนแสงด้วยเครื่อง NIRS ชนิดลำแสงเดี่ยว แบบสะท้อนแสง ช่วงความยาวคลื่น 1100 - 2300 nm โดยใช้หัววัดแบบ smart probe กว้าง 0.5 มม. และทำการวัดค่าหาปริมาณไขมันทั้งหมด ด้วยวิธี Rose-Gottlieb และปริมาณกรดไขมันได้แก่ ปริมาณกรดลอริก กรดปาล์มมิติกและกรดโอเลอิก ด้วยเทคนิค GC/FID เมื่อนำข้อมูลสเปคตรัม NIRS กับข้อมูลทางเคมีของกลุ่มตัวอย่างสร้างสมการมาวิเคราะห์หาสมการทำนายด้วยวิธีรีเกรสชั่นกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน (PLSR) ผลการวิเคราะห์พบว่าสมการ PLSR ที่ได้มีค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์กำลังสอง (R2) อยู่ในช่วง 0.92 -0.93 และเมื่อนำสมการPLSRที่ได้ไปทำนายปริมาณไขมันทั้งหมด กรดลอริก กรดปาล์มิติกและกรดโอเลอิกในกลุ่มตัวอย่างสำหรับตรวจสอบความถูกต้องพบว่ามีค่าความคลาดเคลื่อนในการทำนาย (SEP) ต่ำกว่า1.99 และ RPD สูงกว่า 6.29 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำ NIRS มาใช้ในการวัดค่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปกะทิเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย การตรวจสอบคุณภาพทางเคมีผลิตภัณฑ์กะทิโดยวิธีมาตรฐานเป็นวิธีที่สิ้นเปลืองเวลาและมีค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์สูง การพัฒนาวิธีการตรวจสอบคุณภาพที่ความถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็วจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและการส่งออก รวมทั้งสามารถยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้เทคนิคสเปกโตรสโคปีย่านใกล้อินฟาเรด (NIRS) มาใช้ตรวจสอบปริมาณไขมันทั้งหมด และปริมาณของกรดไขมันในผลิตภัณฑ์กะทิ ตัวอย่างกะทินำมาวัดค่าการดูดกลืนแสงด้วยเครื่อง NIRS ชนิดลำแสงเดี่ยว แบบสะท้อนแสง ช่วงความยาวคลื่น 1100 - 2300 nm โดยใช้หัววัดแบบ smart probe กว้าง 0.5 มม. และทำการวัดค่าหาปริมาณไขมันทั้งหมด ด้วยวิธี Rose-Gottlieb และปริมาณกรดไขมันได้แก่ ปริมาณกรดลอริก กรดปาล์มมิติกและกรดโอเลอิก ด้วยเทคนิค GC/FID เมื่อนำข้อมูลสเปคตรัม NIRS กับข้อมูลทางเคมีของกลุ่มตัวอย่างสร้างสมการมาวิเคราะห์หาสมการทำนายด้วยวิธีรีเกรสชั่นกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน (PLSR) ผลการวิเคราะห์พบว่าสมการ PLSR ที่ได้มีค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์กำลังสอง (R2) อยู่ในช่วง 0.92 -0.93 และเมื่อนำสมการPLSRที่ได้ไปทำนายปริมาณไขมันทั้งหมด กรดลอริก กรดปาล์มิติกและกรดโอเลอิกในกลุ่มตัวอย่างสำหรับตรวจสอบความถูกต้องพบว่ามีค่าความคลาดเคลื่อนในการทำนาย (SEP) ต่ำกว่า1.99 และ RPD สูงกว่า 6.29 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำ NIRS มาใช้ในการวัดค่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูป
บทคัดย่อ (EN): Coconut milk is an important exported product of Thailand. The conventional methods for determination chemical quality are time consuming and expensive. Development of rapid, accurate and precise determination for coconut milk could be useful for food industry and exporting. This research focused on an application of near infrared spectroscopy (NIRS) technique for the predicting the total fat content and fatty acids of coconut milk. Samples were measured by NIRS in the reflectance wavelength region of 1,100-2,300 nm, a single–beam scanning monochromator and smart probe (rapid content TM Analyzer XDS near–infrared, FOSS, USA.). The total fat content was determined by the Rose-Gottlieb method and three fatty acids which were predict lauric acid, palmitic acid and oleic acid were analyzed by GC/FID. The partial least square regressions (PLSR) were developed for predicting the total fat content, the lauric acid, palmitic acid and oleic acid. Results showed that the PLSR models provide R2 in the range of 0.92 to 0.93 standard error of prediction (SEP) lower than 1.99 and ratio standard deviation to standard error of validation (RPD) higher than 6.29. Therefore, application of NIRS to predict coconut milk chemical quality is feasible.Coconut milk is an important exported product of Thailand. The conventional methods for determination chemical quality are time consuming and expensive. Development of rapid, accurate and precise determination for coconut milk could be useful for food industry and exporting. This research focused on an application of near infrared spectroscopy (NIRS) technique for the predicting the total fat content and fatty acids of coconut milk. Samples were measured by NIRS in the reflectance wavelength region of 1,100-2,300 nm, a single–beam scanning monochromator and smart probe (rapid content TM Analyzer XDS near–infrared, FOSS, USA.). The total fat content was determined by the Rose-Gottlieb method and three fatty acids which were predict lauric acid, palmitic acid and oleic acid were analyzed by GC/FID. The partial least square regressions (PLSR) were developed for predicting the total fat content, the lauric acid, palmitic acid and oleic acid. Results showed that the PLSR models provide R2 in the range of 0.92 to 0.93 standard error of prediction (SEP) lower than 1.99 and ratio standard deviation to standard error of validation (RPD) higher than 6.29. Therefore, application of NIRS to predict coconut milk chemical quality is feasible.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ปริมาณไขมัน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การทำนายปริมาณและองค์ประกอบของไขมันกะทิอย่างรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่างด้วยเทคนิคสเปกโตรสโคปีย่านใกล้อินฟาเรด
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
ผลของปริมาณไขมันในน้ำยางต่อการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ อิทธิพลของธาตุซิลิกอนต่อการเจริญเติบโต ผลผลิตและปริมาณไขมันในข้าว การศึกษาการแสดงออกของยีน Butyrophillin ต่อปริมาณไขมันในน้ำนมโคนมลูกผสมไทย-โฮสไตน์ การประยุกต์ใช้เทคนิคจมูกอิเล็กโทรนิคในการประเมินคุณภาพผลิตภัณฑ์กะทิไทย เชื้อโรคในไอศกรีมกะทิ ศึกษากระบวนการผลิตกะทิน้ำนมข้าวร่วมกับธัญพืชพาสเจอร์ไรส์เพื่อทดแทนกะทิจากมะพร้าว การศึกษาการใช้กากกะทิทดแทนข้าวโพดบดในสูตรอาหารนกกระทาระยะการเจริญเติบโต ปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตวุ้นสวรรค์จากน้ำกะทิ ลอดช่องน้ำกะทิกับเชื้อก่อโรค การพัฒนาการผลิตปลาสวายเนื้อขาว (Pangasius hypophthalmus)โดยควบคุมการทำงานของ scavenger receptor class B, type 1 (SCARB1) ด้วยอาหารที่มีชนิดและปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน:ระยะที่ 1 การศึกษาองค์ประกอบและกา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก