สืบค้นงานวิจัย
การจัดการดินและปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ์ (กลุ่มชุดดินที่ 35)
สาธิต กาละพวก - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การจัดการดินและปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ์ (กลุ่มชุดดินที่ 35)
ชื่อเรื่อง (EN): Soil and Fertilizer Management to Increase Sugarcane Yield in Uttaradit Land Development Area Project. (soil group No. 35)
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการดินและปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตของอ้อย ศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดินและเปรียบเทียบผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของอ้อย การดำเนินงานได้ปลูกอ้อยพันธุ์อู่ทอง 84-12 ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ 2556 - พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ในพื้นที่เกษตรกร ตำบลผักขวง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ แผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ภายในบล็อก (RCBD) มี 4 ซ้ำ 5 วิธีการทดลอง คือ 1) ไม่ใส่ปุ๋ย (Control) 2) ใส่ปุ๋ยเคมีตามแบบเกษตรกร N-P2O5-K2O อัตรา 7.5-5.5-5.75 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ N-P2O5-K2O อัตรา 15-11-11.5 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ 3) ใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำทั่วไปของกรมวิชาการเกษตร N-P2O5-K2O อัตรา 15-15-15 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ N-P2O5-K2O อัตรา 22.5-22.5-22.5 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ หรือปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ 15-15-15 อัตรา 150 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ 4) ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินตามคำแนะนำของห้องปฏิบัติการของ สพข. โดยวิเคราะห์ดินวิธี Mehlich I คือ N-P2O5-K2O อัตรา 12-6-12 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ N-P2O5-K2O อัตรา 18-9-18 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ 5) ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตร คือ N-P2O5-K2O อัตรา 12-6-12 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ N-P2O5-K2O อัตรา 18-9-24 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ ผลการทดลองพบว่า ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ก่อนการทดลองทุกวิธีการมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างเป็นกรดจัดมากอยู่ในช่วง 3.90-4.10 หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีที่ 1 ค่าความเป็นกรดเป็นด่างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อยู่ในช่วง 4.35-4.58 หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตปีที่ 3 พบว่า ค่าความเป็นกรดเป็นด่างมีค่าลดลง อยู่ในช่วง 3.82-4.05 และใกล้เคียงกับค่าความเป็นกรดเป็นด่างก่อนการทดลอง และพบว่าหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตปีที่ 2 และ 3 ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของวิธีการที่ 2 3 4 และ 5 มีค่าต่ำกว่าวิธีการที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ปริมาณอินทรียวัตถุในดินพบว่า ก่อนการทดลองและหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้ง 3 ปี มีปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำถึงต่ำ และไม่มีความแตกต่างทางสถิติในแต่ละวิธีการทดลอง ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ในดินหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตปีที่ 2 และ 3 พบว่าวิธีการที่ 2 3 4 และ 5 มากกว่าวิธีการที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและมีปริมาณฟอสฟอรัสที่อยู่ในระดับสูงมาก ปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตปีที่ 3 พบว่า วิธีการที่ 2 3 4 และ 5 มากกว่าวิธีการที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และพบว่าปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากก่อนการทดลอง เนื่องมาจากจากการใส่ปุ๋ยลงไปในดินตามวิธีการทดลอง ผลผลิตของอ้อย พบว่า ผลผลิตของอ้อยในปีที่ 2 และ 3 ของวิธีการทดลองที่ 3 4 และ 5 มีผลผลิตสูงกว่าวิธีที่ 1 แปลงควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ย) และวิธีที่ 2 การใส่ปุ๋ยแบบเกษตรกร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า วิธีการที่ 3 4 และ 5 เป็นวิธีการที่ใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำและตามค่าวิเคราะห์ดิน เนื่องจากผลผลิตทั้ง 3 วิธีการสูงที่สุดและมีค่าใกล้เคียงกัน จากการพิจารณาผลผลิตและผลตอบแทนในแต่ละปี โดยภาพรวมแล้ววิธีการที่ 3 4 และ 5 ให้ผลผลิตและผลตอบแทนที่สูงใกล้เคียงกันทั้ง 3 วิธีการ แต่วิธีการที่ 3 ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเนื่องจากต้นทุนด้านปุ๋ยเคมีสูงกว่า ดังนั้นวิธีการที่ 4 และ 5 เป็นวิธีการที่ให้ผลผลิตและผลตอบแทนดีที่สุดทั้งสองวิธีการ แต่ถ้าพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม 3 ปี พบว่า วิธีการที่ 4 ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ตามคำแนะนำของห้องปฏิบัติการ สพข. โดยวิเคราะห์ดินวิธี Mehlich I เป็นวิธีการที่ให้ผลตอบแทนรวม 3 ปีมากที่สุด
บทคัดย่อ (EN): The three objectives of this research were conducted to study the response of soil and fertilizer management to increased sugarcane yield in Uttaradit Land Development Area Project. (Soil group No. 35), to examine the change of soil properties as affected by soil and fertilizer management and to study the economic returns of sugarcane yield. The U-Thong 84-12 variety was carried out at Pak-Khuang subdistrict, Thong Saen Khan district, Uttaradit province for three years since October 2013-May 2017, the experimental design employed in this study was randomized complete block design with four replications which the application of fertilizers consisted of 5 treatments as follows; T1: no fertilizer, T2: using chemical fertilizer follow as farmer tradition (N-P2O5-K2O at the rate of 7.5-5.5-5.75 and 15-11-11.5 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively), T3: using chemical fertilizer at the recommended rate of Department of Agriculture (N-P2O5-K2O at the rate of 15-15-15 and 22.5-22.5-22.5 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively or 15-15-15 chemical fertilizer at the rate of 100 and 150 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively), T4: using of site-specific chemical fertilizer at the rate of recommended rate of Land Development Office as Mehlich I (N-P2O5-K2O at the rate of 12-6-12 and 18-9-18 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively), T5: using of site-specific chemical fertilizer at the rate of recommended rate of Department of Agriculture (N-P2O5-K2O at the rate of 12-6-12 and 18-9-24 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively). The results revealed that soil pH before experiment were extreamely acid in all treatments (pH=3.90-4.10). After first year post harvest, soil pH tended to increase to 4.35-4.58 while after third year post harvest, the pH tended to decrease to 3.82-4.05 which similarly to the pH before experiment. After second and third year post harvest, T2, T3, T4 and T5 significantly gave the higher soil pH than T1. In the case of OM before experiment and three years post harvest, there were moderately low to low OM which no significantly among treatments. For available P after second and third post harvest, there were very high available P which T2, T3, T4 and T5 significantly gave the higher available P than T1. Moreover, exchangeable K after third year post harvest, T2, T3, T4 and T5 significantly gave the higher exchangeable K than T1, also. Available P and exchangeable K after experiment were higher than the soil before experiment. In the case of sugarcane yield, in second and third year, T3, T4 and T5 significantly gave the higher yield than T1 and T2. T3, T4 and T5 gave the highest yield causing to applying chemical fertilizer at the recommended rate and site-specific fertilizer. In the case of yield and economic return, each year, T3, T4 and T5 gave the highest yield and economic return which no significantly among 3 treatments while T3 gave the lowest economic return because of the highest cost of chemical fertilizer. Therefore, T4 and T5 gave the highest yield and economic return. In three years, T4: using of site-specific chemical fertilizer at the rate of recommended rate of Land Development Office as Mehlich I (N-P2O5-K2O at the rate of 12-6-12 and 18-9-18 kg/rai for virgin cane and ratoon cane, respectively) gave the highest economic return.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: การมีส่วนร่วม
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการดินและปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ์ (กลุ่มชุดดินที่ 35)
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2559
การจัดการดินและปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ์ (กลุ่มชุดดินที่ 35) ผลของปุ๋ยมูลไก่และปุ๋ยเคมีต่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผลผลิต และคุณภาพของอ้อยในกลุ่มชุดดินที่ 36 จ.เพชรบูรณ์ การจัดการดินแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม เพื่อการผลิตพืชเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ (พด.3 และ พด.12) เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ในชุดดินเขาพลอง (กลุ่มชุดดินที่ 44) การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับวัสดุปรับปรุงดิน เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตข้าวโพดหวาน ในชุดดินเขาพลอง (กลุ่มชุดดินที่ 44) การจัดการที่เหมาะสมในการสับกลบใบอ้อยเพื่อปรับปรุงบำรุงดินและเพิ่มผลผลิตอ้อย ในกลุ่มชุดดินที่ 22 การเพิ่มผลผลิตข้าวนาหว่านน้ำตมภายใต้การจัดการปุ๋ยในชุดดินพัทลุง ทดสอบการจัดการดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าว โดยการไถกลบตอซังร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์น้ำและลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมี ในกลุ่มชุดดินที่ 3 ชุดดินบางกอก (Bk) ในเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำปากพนัง โครงการเฉลิมพระเกียรติตามรอ ศึกษาการใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงร่วมกับปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตข้าวพันธุ์สังข์หยด ในกลุ่มชุดดินที่ 6 ชุดดินสตูล จ.สตูล
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก