สืบค้นงานวิจัย
การจัดการระบบการผลิตแตนเบียนเพื่อการควบคุมหนอนเจาะลำต้นอ้อยอย่างยั่งยืน
นุชรีย์ ศิริ - สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
ชื่อเรื่อง: การจัดการระบบการผลิตแตนเบียนเพื่อการควบคุมหนอนเจาะลำต้นอ้อยอย่างยั่งยืน
ชื่อเรื่อง (EN): Management on Parasitoid Production System for Sustainable Controlling of Sugarcane Borers
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นุชรีย์ ศิริ
บทคัดย่อ: การจัดการระบบการผลิตแตนเบียนไข่ Trichogramma sp. และแตนเบียนหนอน Cotesia favipes โดยการพัฒนาระบบกรเพาะเลี้ยงผีเสื้อข้าวสาร Corcyra cephalonica และหนอนกอสีชมพู Sesamia inferens ตามลำดับ ในส่วนการผลิตไข่ผีเสื้อข้าวสาร การทตสอบถุงวางไข่ 3 ขนาด พบว่าขนาดถุง 35x40 ชม. เป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับผีเสื้อข้าวสาร 500 ตัว โดยมีระยะเวลาการเก็บไข่ดีที่สุด ช่วง 1-3 วัน แรกหลังการฟักของผีเสื้อ การทดสอบภาชนะ 3 ขนาด สำหรับการเพาะเลี้ยงระยะหนอนผีเสื้อข้าวสารใน อุณหภูมิ (25+2 C, 28+2C พบว่า กล่องพลาสติกขนาด 20x30x10 ชม. (6,000 ชม) เป็นขนาดที่เหมาะสม สำหรับการเพาะเลี้ยงที่ใช้ไข่ผีเสื้อข้าวสาร 0.1 ก./รำข้าว 1 กก. โตยมีต้นทุนการผลิตแตนเบียนไข่ 12.14 บาท/แผ่น วิธีการเพาะเลี้ยงผีเสื้อข้าวสารของโครงการได้ถ่ายทอดให้กับหน่วยงานร่วม 2 หน่วยงานคือศูนย์ ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จ.ขอนแก่น และ บมจ. เกษตรไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์คอร์ ปอเรชั่น (จ.นครสวรรค์ , จ.ชัยนาท) โดยมีการทตสอบเปรียบเทียบวิธีการของโครงการกับหน่วยงานร่วม หลังจากการทดสอบหน่วยงานร่วมได้ยอมรับวิธีการของโครงการ นอกจากนี้หน่วยงานร่วมยังได้รับคำแนะนำ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเพาะเลี้ยงในพื้นที่ด้วย การเลี้ยงหนอนกอสีชมพู Sesomia inferens ด้วยพืชอาหาร 3 ชนิด ได้แก่ หน่ออ้อย ข้าวโพดฝักอ่อน ลำต้นข้าวโพด และลำต้นข้าว อาหารเทียม 4 สูตร โดยใช้สูตรของ Songa et al (2001) และที่ตัดแปลงใหม่อีก 3 สูตร ได้แก่ สูตร 1 ใช้ถั่วแดง สูตร 2 ใช้ถั่วแดง ผสมใบข้าวโพด และสูตร 3 ใช้กากถั่วเหลือง ในห้องควบคุมอุณหภูมิ 25+20C ความชื้นสัมพัทธ์ 45-70 9 ช่วง แสง 12: 12 ชั่วโมงพบว่า ข้าวโพดฝักอ่อนเป็นพืชอาหารที่เหมาะสมมากที่สุด มีการรอดชีวิต (จากไข่-ตักแต้) 79.60% ระยะหนอน 17.29 +8.33 วัน และเพศเมียวางไข่จำนวน 263-523 ฟอง/ตัว เฉลี่ย 363.67 t91.38 ฟอง/ตัว วงจรชีวิตของหนอนกอสีชมพู (จากไข่-ตัวเต็มวัย) 22-36 วัน เฉลี่ย 29.64-4.27 วัน อาหารเทียมสูตร 1, 2 และ 3 มีการรอตชีวิต 63.60 9 68.00% และ 87.20 % ตามลำดับการทดสอบ การเบียน ของแตนเบียน หนอน Cotesia flavipes ในห้องปฏิบัติการ กับหนอนกอสีชมพูที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดฝักอ่อนและ ที่เลี้ยงด้วย อาหารเทียมสูตร 3 พบจำนวนดักแด้ของแตนเบียน 63.20 และ 67 ตักแด้/ตัว ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ การใช้ข้าวโพดฝักอ่อนมีต้นทุนการผลิตพ่อ-แม่พันธุ์ 23.59 บาท/ตัวเต็มวัย 1 คู่ (เพศผู้ : เพศเมีย) การผลิต หนอนกอสีชมพูที่ใช้เบียน (อายุ 9 วัน ) มีต้นทุน 1.45 บาท /ตัว การผลิตแตนเบียนมีต้นทุน 0.54 บาท/ตัว สำหรับ พ่อ-แม่พันธุ์ที่ผลิตได้จากอาหารเทียมสูตร 3 มีต้นทุน 35.5 บา/ตัวเต็มวัย 1 คู่ หนอนกอสีชมพูที่ พร้อมเบียน (อายุ 19 วัน) มีต้นทุน 2.26 บาท/ตัว และ การผลิตแตนเบียนมีต้นทุน 1.89 บาท/ตัว
บทคัดย่อ (EN): Managernent of egs parasitoid, Trichogramma sp. and the larval parasitoid, Cotesio flavipes production was con nducted on the basis of rearing system development of rice moth, Corcyra cephalonica and pink stem borer, Sesamia inferens, respectively. Three different size of screen bag was tested for the optimnurn number of rice moth adults. The 35x40 cm. size was the suitable bag with 500 rice moth adults, of which the best collection eggs periad was 1-3 days after emergence.Three different size of plastic box for rearing rice moth larva was tested under 25t2 C and 28:2C conditions. The optimum reared box and temperature was 20x30x10 cm. (6,000 ml.) and 25t2 C. The box was for rearing of 0.1 g. eggs/ 1 kg. polish rice. The Trichogramma sp- production cost was 12.14 Baht/card. The mass rearing rice moth program of the project was transferred to two mass rearing units, Khon Kaen Provincial Pest Administration Center and Kaset Thai International Sugar Corporation (KTIS), Nakornswan and Chainat provin inces. The projects mass rearing method was tested by compared to the two institutes methods. After the exper eriments, the two institutes accepted the projects mass rearing system. In addition, there w were different problers presented in the mass rearing program of the two institutes, which had been solved by the project syster. The mass rearing of pink borer, Sesaria inferens was conducted under the laboratory condition maintained at 25t2 *C and 45-70 96RH, with a 12:12 light: dark photoperiod. Three kinds of plant (sugarcane shoot, baby corn, maize stem and rice stem), four artificial diets using Songa et al. (2001) and modified 3 diets (diet 1 using kidney bean, diet 2 using kidney bean and dried comn leaf and diet 3 using soybean meal) were used. The baby corn was the most suitable host plant for pink borer larvae. The survival from egg to pupa was 79.60 %, and larval period lasted 17.29t8.33 days. The number of eggs laid per female ranged from 263 to 523 with an a average of 363.67+91.38. The total life cycle of the pink borer (egg to adult emergence) ranged from 22 to 36 days with an average of 29.64t4.27 days. Among artificial diets, the survival of larvae reared on diet 1, 2 and 3 was 63.60%, 68% and 87.20%, respectively. The parasitism efficacy of larval parasitoid, Cotesia flavipes was performed on larva of pink borer reared on baby corn and diets 3. The result showed that lava reared on baby comn yielded 63.20 pupae of C. flavipes more than larva reared on diet 3 (67 pupae). Production cost of parent breeding stock of pink stem borer reared on baby corn was 2359 Baht. One pink borer larva, 9 day-old cost 1.45 Baht. Production cost of C. flavipes was 0.54 Baht per individuaL Production cost of parent breeding stock of pink stem borer reared on diet 3 was 35.15 Baht. One pink borer larva, 19 day-old cost 2.26 Baht. Production cost of C. flavipes was 1.89 Baht per individual.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
คำสำคัญ: ระบบการจัดการศัตรูอ้อย
คำสำคัญ (EN): rearing system
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการระบบการผลิตแตนเบียนเพื่อการควบคุมหนอนเจาะลำต้นอ้อยอย่างยั่งยืน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
2559
การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์เปรี้ยวแดง (Begonia alicida C. B. Clarke) อย่างยั่งยืน เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การประเมินความเสียหายที่เกิดจากหนอนเจาะผลลิ้นจี่ Conopomropha sinensis (Lepidoptera: Gracillariidae) และบทบาทของแตนเบียนหนอนเจาะผล ความสูญเสียของอ้อยเนื่องจากหนอนด้วงหนวดยาวอ้อย ปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการยอมรับการใช้แตนเบียนไข่ทวิโคแกรมม่าควบคุมหนอนกออ้อยของเกษตรกรในเขตจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ การศึกษานิเวศวิทยาของหนอนเจาะต้นกาแฟ XYLOTRECHUS QUADRIPES CHEVROLAT (COLEOPTERA : CERAMBYCIDAE) ในภาคเหนือของประเทศไทย III. การสำรวจรอยเจาะออกของตัวเต็มวัย โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อย ความสูญเสียของอ้อยเนื่องจากหนอนกอและแมลงกัดกินใบอ้อย ความต้านทานและกลไกความต้านทานของอ้อยต่อการทำลายของหนอนกออ้อยลายเล็ก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก