สืบค้นงานวิจัย
การสำรวจ รวบรวมและการอนุรักษ์พันธุกรรม มันมู้ มันไข่นก และสาคูขาว ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
ชณทัติ สิงห์บ้านหาด - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: การสำรวจ รวบรวมและการอนุรักษ์พันธุกรรม มันมู้ มันไข่นก และสาคูขาว ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Survey, collection and genetic conservation of Dioscorea pentaphylla L., D. inopinata Prain & Burkill and Maranta arundinaces L. in the upper north of Thailand.
บทคัดย่อ: สารวจและเก็บตัวอย่างมันมู้ มันไข่นก และสาคูขาว ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยได้แก่ เชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน พะเยา โดยสามารถเก็บรวบรวมต้นพันธุ์ได้จากบ้านเรือนของชาวบ้านในชนบท สวน และจากป่า เพื่อนามาวิเคราะห์ลักษณะต่าง ๆ และเพื่อการขยายพันธุ์ ลักษณะทางสัณฐานวิทยาและพฤกษศาสตร์ พบว่า มันมู้ เป็นไม้เถา ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 3-5 ใบ มีหัวใต้ดินและหัวงอกตามเถาที่เรียกว่า หัวอากาศ หัวอากาศมีสีน้าตาลหรือสีเทา รูปทรงกลม ผิวขุรขระ ขนาดหัวมีทั้งเล็กและใหญ่ ขณะที่มันไข่นกเป็นไม้เถา ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวรูปลิ่มแคบ ปลายใบแหลม มีเหง้า หรือหัวเหมือนกัน หัวมีสีขาวครีม ขนาดหัวมีทั้งเล็กและใหญ่ ส่วนสาคูขาว หรือหัวสาคูเป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม เหง้ามีลักษณะคล้ายทรงกระบอก มีเกล็ด สีขาวครีม สาหรับคุณค่าทางโภชนาการของมันมู้ (7 ตัวอย่าง) พบว่า หัวอากาศมันมู้ มีคาร์โบไฮเดรท 19.97-26.85 กรัม โปรตีน 1.57-2.80 กรัม แคลเซียม 22.5-35.6 มิลลิกรัม เหล็ก 0.58-0.86 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 66.7-69.6 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 59.19-456.7 มิลลิกรัม และวิตามินเอ 2.62-7.38 ไมโครกรัม ส่วนมันไข่นก มีคาร์โบไฮเดรท 19.82 กรัม โปรตีน 2.00 กรัม วิตามิน อี 0.28 มิลลิกรัม แคลเซียม 14.2 มิลลิกรัม เหล็ก 0.368 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 35.3 มิลลิกรัม สาหรับปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระพบว่า มันมู้จังหวัดลาพูนมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ 46.13 มิลลิกรัมแอสคอบิก ต่อ 100 กรัม ขณะที่ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระของมันไข่นก จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ 33.34 มิลลิกรัมแอสคอบิก ต่อ 100 กรัม ด้านการขยายพันธุ์พบว่า มันมู้ขยายพันธุ์ด้วยหัวใต้ดินและหัวอากาศโดยต้นใหม่สามารถงอกออกมาจากหัวอากาศ ส่วนมันไข่นกสามารถขยายพันธุ์โดยใช้การปลูกหัวใต้ดินและเมล็ด ขณะที่สาคูขยายพันธุ์ด้วยวิธีใช้เหง้าใต้ดินที่มีตาติดอยู่ การศึกษาจานวนโครโมโซมพบว่า การเตรียมเนื้อเยื่อปลายรากที่เหมาะสมของคือ เก็บตัวอย่างปลายรากเวลา 8.30 น. แล้วหยุดวงชีพเซลล์ในน้ายาพาราไดคลอโรเบนซีนนาน 3-4 ชั่วโมง จากนั้นย่อยสลายเชลล์ด้วยกรดไฮโดรคลอริคเข้มข้น 1 โมลาร์นาน 5 นาที แล้วย้อมสีด้วยแลคโตโปปิออนิคออชีน 20-30 นาที โดยจานวนโครโมโซมของมันมู้คือ 2n=78 ขณะที่มันนกมีจานวนโครโมโซม 2n=42 ส่วนสาคูขาวมีจานวนโครโมโซม 2n=52 ลักษณะกายวิภาคของมันมู้พบว่า เนื้อของหัวส่วนใหญ่เป็นท่อลาลียงอาหารและที่เก็บสะสมเม็ดแป้ง โดยเม็ดแป้งมันมู้มีหลายรูปทรง เช่น ไข่ ไข่กลับ และรี หัวมันมู้มีการสร้างตายอดที่ผิว โดยกลุ่มเซลล์จากแคมเบียมมีการแบ่งเซลล์จานวนมากและมีการพัฒนาเป็นตายอดเกิดขึ้นหลายตาแหน่ง แต่มีเพียงตาแหน่งเดียวที่พัฒนาและเจริญปลายยอดเมื่อตายอดนี้ได้รับปัจจัยที่เหมาะสมจะเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ การหาความหลากหลายทางพันธุกรรมโดยใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอด้วยเทคนิคไอเอสเอสอาร์พบว่า มันมู้จานวน 25 ต้นพันธุ์ วิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ 5 ชนิดพบว่า มีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 70.00 มีค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.60-0.98 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.92788 แสดงถึงมีความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรมันมู้อยู่ในระดับต่า ขณะที่สาคูขาวจานวน 7 ต้นพันธุ์ วิเคราะห์ด้วยไพร์เมอร์ 6 ชนิดพบว่า มีเปอร์เซ็นต์โพลิมอฟิซึมเท่ากับ 82.07 มีค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงกันอยู่ระหว่าง 0.23-0.99 และค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.99921 แสดงถึงมีความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรสาคูอยู่ในระดับค่อนข้างต่า
บทคัดย่อ (EN): Survey and collections of Dioscorea pentaphylla L., Dioscorea inopinata Prain & Burkill and Maranta arundinaceae L. were done in 7 provinces of the upper North of Thailand, i.e. Chiang Mai, Lamphun, Lampang, Mae Hong Son, Phrae, Nan and Phayao. Seventy two accessions were collected from local villages, gardens and forests for the characteristic analysis and propagation. Dioscorea pentaphylla L., Dioscorea inopinata Prain & Burkill and Maranta arundinaceae L. were studies about morphological and botanical characters. The study revealed that Dioscorea pentaphylla L. was a vine plant. The vine grew from a tuber and produced bulbils. The alternate leaves were palmate compound, divided into 3 to 5 leaflets. Bulbils had brown or gray colors, globular shape with rough skin, size vary from small to large. Dioscorea inopinata Prain & Burkill was a vine plant. Leaves simple, green color, awl-shaped, Leaf apex acute. Creamy white rhizome with vary shape and size. While, Maranta arundinaceae L. was a perennial plant with a rhizome. Leaves simple, green color, leaf shape oblong and leaf apex acuminate. The rhizome was cylindrical, scaly and creamy white color. Evaluation of nutritional value from bulbils of Dioscorea pentaphylla L. (7 samples) (100 g. fresh weight) were as follows; 19.97-26.85 g carbohydrate., 1.57-2.80 g protein, 22.5-35.6 mg calcium, 66.7-69.6 mg phosphorus, 59.19-456.7 mg potassium and 2.62-7.38 ?g vitamin A. While, nutritional value of Dioscorea inopinata Prain & Burkill tubers was composted of 19.82 g carbohydrate, 2.00 g protein, 14.2 mg calcium and 35.3 mg phosphorus. For total antioxidant analysis, the result found that Dioscorea pentaphylla L. and Dioscorea inopinata Prain & Burkill collected from Lamphun has 46.13 and 33.34 mg eq ascorbic per 100 g., respectively. Propagation of Dioscorea pentaphylla L. used tubers and bulbils. New plants could sprout from the bulbils. Dioscorea inopinata Prain & Burkill using tubers and seed. While, Maranta arundinaceae L. was propagated by planting part of rhizome with a bud. Somatic chromosome numbers of Dioscorea pentaphylla L., Dioscorea inopinata Prain & Burkill and Maranta arundinaceae L. was studied. The chromosome preparation method was found that the best collecting time of shoot tips was 8.30 a.m. and pretreated in para-dichlorobenzine for 3-4 hours. The root tips were macerated with 1 N HCl for 5 min and stained in lacto-propanic orcein for 20-30 min. The chromosome number of Dioscorea pentaphylla L., Dioscorea inopinata Prain & Burkill and Maranta arundinaceae L. was 2n = 78, 2n = 42 and 2n = 52, respectively. Anatomical characters of Dioscorea pentaphylla L. bulbils were found that most composition of tuber was full of phloem and various shapes of starch granules e.g. ovate, obovate and elliptic. There were many shoot buds initiated from cambium, but only one could developed to a new plant when received the suitable condition. For DNA fingerprinting analysis, ISSR technique was used to identify the Dioscorea pentaphylla L. and Maranta arundinaceae L. samples. The result of Dioscorea pentaphylla L. revealed that 25 samples were analyzed by 5 primers, 70.00 % were polymorphic bands. The similarity coefficient ranged from 0.60-0.98 and the cophenetic correlation was 0.92788. The level of genetic diversity in the populations was Low. While, 7 samples of Maranta arundinaceae L. were analyzed by 6 primers, 82.07 % were polymorphic bands. The similarity coefficient ranged from 0.23-0.99 and the cophenetic correlation was 0.99921. The level of genetic diversity in the population (Maranta arundinaceae L.) appeared to be relatively Low.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: การอนุรักษ์พันธุกรรม
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การสำรวจ รวบรวมและการอนุรักษ์พันธุกรรม มันมู้ มันไข่นก และสาคูขาว ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
30 กันยายน 2559
โครงการสำรวจและเฝ้าระวังโรค African Swine Fever ทางห้องปฏิบัติการในประเทศไทย ระหว่างปี 2553-2558 รวบรวมและศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชสกุลมะเขือ (Solanum L.) ในภาคเหนือ การศึกษาปริมาณสารไธโอไซยาเนตในน้ำนมดิบจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย โครงการวิจัยศึกษาระบบการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปัจจัยที่มีผลต่อความยั่งยืนของการเลี้ยงกระบือของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชสมุนไพรที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ การเพาะพันธ์ปูแสมเพื่อการอนุรักษ์ และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงคุณภาพดินในพื้นที่ป่าชายเลน จังหวัดสมุทรสงคราม การสำรวจและอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ป่าในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชมหาวิทยาลัยพะเยา : ความหลากหลายทางพันธุกรรม โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชมหาวิทยาลัยพะเยา : ความหลากหลายทางพันธุกรรมและการสร้างจิตสำนึก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก