สืบค้นงานวิจัย
การใช้สารเวอร์มิคูไลท์เพื่อดูดซับสารอะฟลาทอกซินบี 1 ในอาหารเม็ดสำเร็จรูปกุ้งกุลาดำ
Luxsanawadee Soonngam - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การใช้สารเวอร์มิคูไลท์เพื่อดูดซับสารอะฟลาทอกซินบี 1 ในอาหารเม็ดสำเร็จรูปกุ้งกุลาดำ
ชื่อเรื่อง (EN): The use of vermiculite for Aflatoxin B1 absorption in giant tiger prawn diets
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Luxsanawadee Soonngam
บทคัดย่อ: การศึกษาผลการใช้สารดูดซับสารอะฟลาทอกซินบี 1 ในห้องปฏิบัติการ และในบ่อซีเมนต์ ทดลอง พบว่าการทดสอบในห้องปฏิบัติการในการใช้สารเวอร์มิคูไลท์และสาร HSCAS สามารถดูดซับ สารอะฟลาทอกซินได้ใกล้เคียงกันคือที่ระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ และการทดลองในบ่อซีเมนต์โดยเสริมสารดูด ซับทั้ง 2 ชนิดเข้มข้น 1 % ลงไปในอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ผสมสารอะฟลาทอกซินบี 1 ทำการทดลองเลี้ยง ในกุ้งขนาด 0.5 กรัม ด้วยอาหารทดลอง 4 สูตร 3 ซ้ำ ซึ่งมีระดับโปรตีน 38% เท่ากัน คือ อาหารชุดควบคุม ปราศจากอะฟลาทอกซินบี 1(สูตร1) อาหารชุดควบคุมที่เสริมสารเวอร์มิคูไลท์ 1 เปอร์เซนต์ที่ผสมอะฟลา ทอกซินบี 1(สูตร2) อาหารชุดควบคุมที่เสริมสาร HSCAS 1 เปอร์เซนต์ที่ผสมอะฟลาทอกซินบี 1(สูตร3) และอาหารชุดควบคุมที่ผสมอะฟลาทอกซินบี 1 (สูตร4) เลี้ยงกุ้ง 1 ตัว ต่อ 1 ตะกร้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เซนติเมตร ที่แขวนในบ่อซีเมนต์ขนาด 6 ตัน ในระบบปิดเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่ากุ้งที่ได้รับอาหารทดลองสูตรที่ 2 และ3 มีค่าอัตราการเจริญเติบโต อัตรารอด น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวัน ประสิทธิภาพโปรตีนดีกว่าอาหารสูตรที่ 4 แต่มีค่าด้อยกว่ากุ้งที่ได้รับอาหาร อาหารสูตรที่ 1 อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) กุ้งที่ได้รับอาหารทดลองสูตรที่ 2 และ 3 มีค่าอัตรา การเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ ดีกว่ากุ้งที่ได้รับอาหารสูตรที่ 4 แต่มีค่าด้อยกว่าอาหารสูตรที่ 1 อย่างไม่มี นัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) จากการศึกษาถึงปริมาณอะฟลาทอกซินบี 1 ที่ตกค้างในตัวกุ้งพบว่าปริมาณ อะฟลาทอกซินบี 1 ในส่วนหัวและเปลือกมีค่าสูงกว่าในส่วนของเนื้อ จากผลการศึกษา แสดงให้เห็นว่า สารเวอร์มิคูไลท์มีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอะฟลาทอก ซินบี 1 ได้เช่นเดียวกับสาร HSCAS
บทคัดย่อ (EN): The relative efficacy of vermiculite and HSCAS to bind aflatoxin B1 in the Giant Tiger prawn diet was tested using in-vivo and in-vitro procedures. Four treatments comprising nutritionally identical diets were as follows: 1) basal control diet free of the toxin and without a binder. 2) basal diet containing 1% vermiculite and 500 ppb aflatoxin B1. 3) basal diet containing 1% HSCAS and 500 ppb aflatoxin B1. 4) basal diet containing 500 ppb aflatoxin B1 but no binder. Shrimps (Penaeus monodon) weighing 0.5 g were raised on these diets for a period of eight weeks. The shrimps were stocked in a cement tank of six tonne water capacity in which baskets of 25 cm diameter were hung. In this closed system, thirty baskets per treatment were used with one shrimp placed per basket. Three replicates per dietary treatment were provided. The data from in-vivo experiments showed that growth rate, percentage of final survival, daily weight gain, final feed conversion ratio and final protein efficiency were significantly superior in shrimps fed diet 2 and diet 3 compared with diet 4. However, the value of these parameters obtained with diet 2 and diet 3 was numerically but not significantly (p > 0.05) lower than obtained with diet 1. Diet 1 had an overall best performance indicating that aflatoxin B1 can adversely affect the shrimp health and growth. It was additionally observed that the residual level of aflatoxin B1 in head plus shell was higher than in shrimp muscle. The test conducted in-vitro demonstrated that vermiculite and HSCAS were capable of binding some 90% of the aflatoxin B1 dose. This information leads to the conclusion that the use of mycotoxin-binding substances can be beneficial in shrimp culture and that the toxin-binding efficacy of the vermiculite is similar to that of the Hydrated Sodium Calcium Aluminosilicates (HSCAS).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2641&obj_id=1846
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Penaeus monodon
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษาผลการใช้สารดูดซับสารอะฟลาทอกซินบี 1 ในห้องปฏิบัติการ และในบ่อซีเมนต์ ทดลอง พบว่าการทดสอบในห้องปฏิบัติการในการใช้สารเวอร์มิคูไลท์และสาร HSCAS สามารถดูดซับ สารอะฟลาทอกซินได้ใกล้เคียงกันคือที่ระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ และการทดลองในบ่อซีเมนต์โดยเสริมสารดูด ซับทั้ง 2 ชนิดเข้มข้น 1 % ลงไปในอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ผสมสารอะฟลาทอกซินบี 1 ทำการทดลองเลี้ยง ในกุ้งขนาด 0.5 กรัม ด้วยอาหารทดลอง 4 สูตร 3 ซ้ำ ซึ่งมีระดับโปรตีน 38% เท่ากัน คือ อาหารชุดควบคุม ปราศจากอะฟลาทอกซินบี 1(สูตร1) อาหารชุดควบคุมที่เสริมสารเวอร์มิคูไลท์ 1 เปอร์เซนต์ที่ผสมอะฟลา ทอกซินบี 1(สูตร2) อาหารชุดควบคุมที่เสริมสาร HSCAS 1 เปอร์เซนต์ที่ผสมอะฟลาทอกซินบี 1(สูตร3) และอาหารชุดควบคุมที่ผสมอะฟลาทอกซินบี 1 (สูตร4) เลี้ยงกุ้ง 1 ตัว ต่อ 1 ตะกร้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เซนติเมตร ที่แขวนในบ่อซีเมนต์ขนาด 6 ตัน ในระบบปิดเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่ากุ้งที่ได้รับอาหารทดลองสูตรที่ 2 และ3 มีค่าอัตราการเจริญเติบโต อัตรารอด น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวัน ประสิทธิภาพโปรตีนดีกว่าอาหารสูตรที่ 4 แต่มีค่าด้อยกว่ากุ้งที่ได้รับอาหาร อาหารสูตรที่ 1 อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) กุ้งที่ได้รับอาหารทดลองสูตรที่ 2 และ 3 มีค่าอัตรา การเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ ดีกว่ากุ้งที่ได้รับอาหารสูตรที่ 4 แต่มีค่าด้อยกว่าอาหารสูตรที่ 1 อย่างไม่มี นัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) จากการศึกษาถึงปริมาณอะฟลาทอกซินบี 1 ที่ตกค้างในตัวกุ้งพบว่าปริมาณ อะฟลาทอกซินบี 1 ในส่วนหัวและเปลือกมีค่าสูงกว่าในส่วนของเนื้อ จากผลการศึกษา แสดงให้เห็นว่า สารเวอร์มิคูไลท์มีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอะฟลาทอก ซินบี 1 ได้เช่นเดียวกับสาร HSCAS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้สารเวอร์มิคูไลท์เพื่อดูดซับสารอะฟลาทอกซินบี 1 ในอาหารเม็ดสำเร็จรูปกุ้งกุลาดำ
Luxsanawadee Soonngam
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
การศึกษาอะฟลาทอกซินและสารก่อการกลายพันธุ์ในปัสสาวะ ผลของสารสกัดบัวบกต่อเมแทบอลิซึมของอะฟลาทอกซินบี 1 ในหนูขาววิสตาร์ ปริมาณอะฟลาทอกซินในน้ำพริกคลุกข้าว 3 ชนิดในเขตกรุงเทพมหานครและผลของกรดซอร์บิคต่อปริมาณอะฟลาทอกซิน การทดสอบประสิทธิภาพของเวอร์มิคูไลท์และซีโอไลท์เทียมในการดูดจับซีเซียมและไอโอดีนโดยการแลกเปลี่ยนไออน การใช้คลื่นอุลตราโซนิคช่วยกระบวนการคายสารดูดซับ สำหรับระบบดูดซับแบบของแข็งที่ใช้ถ่านกัมมันต์และเมทานอล การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการเลี้ยงกุ้งกุลาดำด้วยวิธีการใช้สารเคมีและไม่ใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (ระยะโพสลาวา-ตัวเต็มวัย) การลดปริมาณสารอาหารตกค้างและปรับปรุงคุณภาพของบ่อกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) ด้วยเชื้อบาซิลลัส การยับยั้งการเจริญและการสร้างสารพิษอะฟลาทอกซินของเชื้อรา Aspergillus Flavus โดยน้ำมันตะไคร้หอม. การประยุกต์ใช้โพรไบโอติกในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) การศึกษาแหลมสิงห์ไวรัสในเนื้อเยื่อประสาทของกุ้งกุลาดำ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก