สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลก
พีระศักดิ์ ฉายประสาท - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชื่อเรื่อง: การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลก
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development on Quality of Off-season Mango Fruits cv. Mahachanok for Export at Phitsanulok province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พีระศักดิ์ ฉายประสาท
บทคัดย่อ: จากการศึกษา การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของ เกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลก พบว่า การราดสารพาโคลบิวทราโซลอัตรา 120 กรัมต่อต้นแก่ต้นมะม่วง มหาชนก ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางทรงพุ่ม 4 เมตร ในระยะใบเพสลาด สามารถทําให้ปริมาณ TNC และ อัตราส่วนของคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C/N ratio) ในใบ ปลายยอด ดอก มีปริมาณมากกว่ากรรมวิธีอื่น และไม่ราดสาร และเมื่อทําการดึงดอกด้วยโพแทสเซียมไนเตรตอัตรา 12.5 กิโลกรัม และไทโอยูเรีย อัตรา 2.5 กิโลกรัม ต่อน้ํา 1,000 ลิตร พบว่ามีวันออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในช่วง 59 วันหลังราดสาร และวันดอกบาน 50 เปอร์เซนต์ อยู่ในช่วง 67 วันหลังราดสาร โดยเร็วกว่าไม่ราดสาร 18 วัน นอกจากนี้ ยังพบว่า ความยาวช่อดอก จํานวนดอกสมบูรณ์เพศและเปอร์เซ็นต์การออกดอกมากกว่ากรรมวิธีอื่น และไม่ราดสาร การศึกษาผลของการฉีดพ่นสารละลายแคลเซียม (Ca(NO) 4H,O) 40 % (w/v) ร่วมกับ โบรอน (HBO,0.3% (w/v) ที่ระดับความเข้มข้น 1 มิลลิลิตร/ลิตร แก่ต้นมะม่วงเมื่อติดผลอายุ 60 และ 90 วันหลังดอกบาน ร่วมกับการเก็บรักษาผลมะม่วงที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส มีความ เหมาะสมมากที่สุด โดยมีอายุการเก็บรักษาได้นาน 24 วัน ซึ่งมากกว่าชุดควบคุมที่มีอายุการเก็บรักษา เพียง 18 วัน นอกจากนี้ยังพบว่าการฉีดพ่นสารละลายแคลเซียม-โบรอน ไม่มีผลต่อการยืดอายุการเก็บ รักษาที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส โดยมีอายุการเก็บรักษาเพียง 9 วัน การห่อผลมะม่วงพันธุ์มหาชนกที่อายุ 50 วันหลังดอกบาน ด้วยถุงชนิดต่างๆ ได้แก่ ถุง กระดาษคาร์บอน ถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ ถุงกระดาษชนิดสีขาว และถุงกระดาษชนิดสีขาวที่มีสีใส หนึ่งด้าน เปรียบเทียบกับผลมะม่วงที่ไม่ห่อผล ทําการเก็บเกี่ยวเมื่อผลมะม่วงมีอายุ (ชุดควบคุม) 110 วันหลังดอกบาน และนํามาเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2 ระดับ คือ 15 และ 27 องศาเซลเซียส พบว่า การห่อ ผลมะม่วงที่มีอายุผล 50 วันหลังดอกบาน ช่วยให้ผิวของผลมะม่วงพัฒนาจากสีเขียวไปเป็นสีเหลือง และแดงได้ดีและทําให้ผิวผลมะม่วงสวยงามมากขึ้น โดยมีค่าความสว่าง(L*) ค่าสีแดง (a) และค่าสี เหลือง (b*) มากกว่ามะม่วงที่ไม่ห่อผล คุณสมบัติทางเคมี พบว่า ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้มากกว่าผล มะม่วงที่ไม่ห่อผล และการห่อผลสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพของผล อย่างไรก็ตามการห่อผลมะม่วง มหาชนกจะทําให้พื้นที่การเกิดสีแดงของมะม่วงน้อยลง แต่จะทําให้ผิวมะม่วงเมื่อผลสุกมีความ สม่ําเสมอมากขึ้น การฉีดพ่นเมทิลจัสโมเนท ที่ระดับความเข้มข้น 80 ppm ทําให้มีการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล และปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดในเปลือกสูงกว่ากรรมวิธีอื่นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ และยังทําให้มีความแน่นเนื้อของเปลือก การเปลี่ยนแปลงค่าความสว่าง (LY) ของสีเปลือกและสีเนื้อ และค่าสี แดงของเปลือก (at) มากกว่ากรรมวิธีอื่น นอกจากนี้การฉีดพ่นเมทิลจัสโมเนท มีผลทําให้ปริมาณ ของแข็งที่ละลายน้ําได้น้อยกว่าชุดควบคุม การฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนทร่วมกับอุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ทําให้สามารถเก็บรักษาผลมะม่วงได้ 18 วัน โดยทําให้ความแน่นเนื้อของเปลือก การ เปลี่ยนแปลงค่าสีเปลือก L*, a และ b* มากกว่าชุดควบคุม ส่วนผลมะม่วงที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสสามารถเก็บรักษาได้เพียง 9 วัน และพบว่าผลมะม่วงที่ได้รับสารละลายเมทิลจัสโมเนท มีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดมากกว่าชุดควบคุม การประเมินการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวของมะม่วงพันธุ์มหาชนกนอกฤดู พบว่าอาการของ โรคหลังการเก็บเกี่ยวจะพบเมื่อผลมะม่วงเริ่มเข้าสู่กระบวนการสุก โดยจะพบโรคขั้วเน่าโดยพบที่ ระยะเวลาการเก็บรักษาที่ 9 วันของการเก็บเกี่ยว โดยพบว่าคุณภาพของมะม่วงที่มีความเหมาะสม ที่สุด คือ ที่ 6 วันหลังจากทําการเก็บรักษา การเก็บเกี่ยวของมะม่วงมหาชนกโดยใช้การนับอายุและวัดความถ่วงจําเพาะ โดยพบว่า อายุ ผลที่ 110 วันหลังดอกบาน มีความเหมาะสมที่สุดในการเก็บเกี่ยว ซึ่งเมื่อนําไปทดสอบความ ถ่วงจําเพาะ โดยการน้ําไปลอยในน้ําเกลือ 1 2 3 % และน้ําธรรมดา พบว่า ผลมะม่วงที่อายุ 110 วัน หลังดอกบาน จมในน้ําเกลือทุกระดับความเข้มข้น และในน้ําธรรมดา ซึ่งเป็นช่วงที่ผลมะม่วงมหาชนก ที่คุณภาพเหมาะสมในการเก็บเกี่ยวที่สุด ผลของการใช้อุณหภูมิต่ําเพื่อยืดอายุการเก็บรักษามะม่วงมหาชนกนอกฤดูผลปรากฏว่า การ ใช้อุณหภูมิต่ําที่ 15 องศาเซลเซียสเป็นอุณหภูมิที่มีความเหมาะสมที่สุดในการเก็บรักษาผลมะม่วงมหา ชนก โดยพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงค่าสี L* a b* และ PH ของเปลือกผลมะม่วงมากกว่าการเก็บรักษา ผลมะม่วงที่ 13 องศาเซลเซียส นอกจากนั้นยังพบว่าปริมาณของแข็งที่ละลายน้ําได้ และปริมาณ วิตามินซีมีปริมาณมากกว่าการเก็บรักษาที่ 13 องศาเซลเซียส และการสูญเสียน้ําหนักสดน้อยกว่า เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาผลมะม่วงที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส เมื่อนํามาบ่ม พบว่า ผลมะม่วงมีการสุกเป็นปกติ โดยมีอายุการเก็บรักษาได้นาน 21 วัน ต่างจากการเก็บรักษาผลมะม่วงที่ อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียส พบว่าผลมะม่วงเกิดอาการสะท้านหนาว ในช่วงผลมีระยะเวลาการเก็บ รักษา 18 วันเป็นต้นไป การใช้สารเคลือบผิวไคโตแซนร่วมกับการใช้อุณหภูมิต่ําที่เหมาะสม (15 องศาเซลเซียส) เพื่อ ยืดอายุการเก็บรักษาของมะม่วงพันธุ์มหาชนกนอกฤดู พบว่า การใช้สารเคลือบผิวไคโตแซนที่ระดับ ความเข้มข้น 1 % ร่วมกับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส มีความเหมาะสมที่สุด โดย พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงค่าสี L* a b* ของเปลือกและเนื้อผลมะม่วงมีค่าน้อยกว่ากรรมวิธีอื่น และการเปลี่ยนแปลงค่าสี H มากกว่ากรรมวิธีอื่น นอกจากนี้ยังพบว่า มีปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ และ ปริมาณวิตามินซีมากกว่ากรรมวิธีอื่น แลยังมีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ําได้ ปริมาณของแข็งที่ละลาย น้ําได้ต่อปริมาณกรดที่ไทเทรต และ%การสูญเสียน้ําหนักสด ที่น้อยกว่ากรรมวิธีอื่นและชุดควบคุม โดย มีอายุการเก็บรักษาได้นาน 24 วัน โดยลักษณะของผลมะม่วงมีการสุกเป็นปกติ ผลของการลดความร้อนของมะม่วงมหาชนกหลังการเก็บเกี่ยวด้วยน้ําเย็นที่มีผลต่ออายุการ เก็บรักษาและคุณภาพของผลมะม่วงพันธุ์มหาชนก พบว่า การแช่ผลมะม่วงมหาชนกด้วยน้ําเย็นเป็น เวลา 15 นาที ร่วมกับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส มีความเหมาะสมที่สุด โดยมีอายุการ เก็บรักษาได้นาน 21 วัน โดยทําให้การเปลี่ยนแปลงค่าสี a และ b * ของเปลือกผลมีค่าน้อยว่า กรรมวิธีอื่น และมีค่า PH ของเปลือกและเนื้อผลมากกว่ากรรมวิธีอื่น และยังพบว่า มีปริมาณกรดที่ ไทเทรตได้ ค่าความแน่นเนื้อ (เปลือก) และความแน่นเนื้อ(เนื้อ) มีค่ามากกว่ากรรมวิธีอื่น นอกจากนี้ยัง พบว่า มีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ํา ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ําได้ต่อปริมาณกรดที่ไทเทรต และ % การสูญเสียน้ําหนักสุดน้อยกว่ากรรมวิธีอื่น การบ่มมะม่วงมหาชนกด้วยการใช้เอทีฟอนเพื่อทดแทนการใช้แคลเซียมคาร์ไบด์ พบว่า การใช้ สารเอทีฟอนที่ความเข้มข้น 1000 ppm เวลา 10 นาที มีความเหมาะสมในการบ่มมะม่วงมหาชนกมาก ที่สุด โดยผลมะม่วงจะสุกพร้อมบริโภค ที่ 4-6 วันหลังจากที่ทําการบ่ม โดยพบว่า ทําให้มีการ เปลี่ยนแปลงค่าสี L* และ a" มากกว่ากรรมวิธีอื่น และทําให้ค่า PH น้อยกว่ากรรมวิธีอื่น โดยทําให้ผิว ของผลมะม่วงมีความสม่ําเสมอมากที่สุดและพบว่ายังทําให้ความแน่นเนื้อเปลือก และเนื้อผลมีค่า มากกว่าการบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์ และมีเปอร์เซ็นต์การสูญสียน้ําหนักสดน้อยกว่าการใช้ แคลเซียมคาร์ไบด์ นอกจากนี้ยังพบว่า มีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ําได้ต่อปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ มากที่สุด การชะลอการสุกโดยการใช้สาร 1-Methylcyclopropene ที่มีผลต่อคุณภาพและอายุการเก็บ รักษาของผลมะม่วงพันธุ์มหาชนก และนํามาเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 27 และ 15 องศาเซลเซียส โดย พบว่า การรมสาร 1-Methylcyclopropene ที่ระดับความเข้มข้น 1000 ppm นาน 6 ชั่วโมงร่วมกับ การเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส มีความเหมาะสมที่สุด ซึ่งมีอายุการเก็บรักษาได้นาน 21 วัน โดยพบว่ามีค่า a" ของเปลือกผล และปริมาณของแข็งที่ละลายน้ําได้ต่อปริมาณกรดที่ไทเทรตน้อย กว่ากรรมวิธีอื่น นอกจากนี้ยังพบว่า ค่าความแน่นเนื้อ(เปลือก) ปริมาณกรดที่ไทเทรต และปริมาณของ วิตาซีมีค่ามากกว่ากรรมวิธีอื่น
บทคัดย่อ (EN): Study of the research and development quality of Mangifera indica L. cv. mahachanok for exported of export growers n Phitsanulok Province. The result found that, The drenching with PBZ at 120 grams per plant to mango cv. mahachanok with a 4 meters canopy diameter during the leaves pasalad stage resulted in the volume of TNC and the ratio of carbon to nitrogen (C/N ratio) in leaves, stems and flowers to be higher than other treatments, and those without drenching. Flower induction with 12.5 kg of potassium nitrate and 2.5 kg thiourea per 1000 liters of water, it was found that budding time was by 50 % in the 59 days after drenching and the 50 % flower blooming was 67 days after drenching which was faster than not drenching by 18 days. It also found that the inflorescence length, the number of hermaphrodite flowers and the percentage of flowering was higher than other treatments and control. Effect of the 1 time concentration calcium(Ca(NO3)2.4H20) 40 % )w/v (and boron (H BO3) 0.3% )w/v( sprayed mango fruits at 60 and 90 day after anthesis and kept at 15 ?C could be extended the shelf life for 24 days is most appropriate which higher than control (18 days). In addition, The result found that the spraying of concentration calcium-boron could not be extended the shelf life at 27 ?C had the shelf life of 9 days. Mango fruits(Mangifera indica cv. Mahachanok) were bagged at 50 days after anthesis with carbon paper bags (CB), newspaper bags (NP), white paper bags (WB1) and white paper with transparencies one side (WB2) were compared to non-bagged fruits. Harvesting 110 days after anthesis and then kept at 15 and 27 ?C. The bagged fruits could be developed the skin of fruit from green to yellow and red. The bagged fruits developed the skin more beautiful. All bagged fruits brightness (L *), red (a *) and yellowness (b *) than control. Chemical properties showed titratable acidity more than control. The Bagged fruits indicated that bagging can improve fruit quality. Moreover, the bagged fruits showed less red color development but the color of peel was uniform. The results showed that the mango fruits sprayed with 80 ppm methyl jasmonate had more red color and total anthocyanin content than the control fruit. This application resulted in higher peel of firmness, L* values of peel, L* and a* values of pulp. The application of 80 ppm methyl jasmonate also brought about less soluble solids content. The mango fruits sprayed with methyl jasmonate could be stored at 15 C? for 18 days. The treated fruits kept at 27 C?had a storage life of 9 days. Their peel of firmness as well as L*, a* and b* values of peel were higher than those of the control. Methyl jasmonate sprays at all concentrations caused the fruits to have higher total anthocyanin content. Assessment of post-harvest losses of Mango cv. mahachanok of off-season. Found that symptoms of the post-harvest disease will be found when getting into the fruit ripening process. The disease was found at fruit rot by keeping the 9th day of harvest. It was found that the quality of mangoes that are most appropriate to 6 days after storage. Harvesting of Mango using the old counting and measuring specific gravity of mango fruits. The results showed that the age of 110 days after anthesis. Are most suitable to harvest. In order to test the specific gravity the water to float in the salt water at concentration 1 2 3% and water(control). Found that fruit at the age of 110 days after anthesis submerged in salt water at all concentrations and control. Which the mango fruit quality are most appropriate for harvesting. Effects of low temperature to extend the shelf life of mango cv. mahachanok off season. The results showed that, Using low temperature at 15 degrees Celsius are most suitable for the storage of mango cv. mahachanok. It was found that changes the color of L* a* b* and oH of fruit more than fruit stored at 13 degrees Celsius. It was also found that the amount Soluble solids and vitamin C are more than storage at 13? C and the weight loss less than control. However, storage the fruit at 15 ? C when taken ripening. Found that fruit is normally to ripen and has shelf life of 21 days. Unlike the storage the fruit at 13?C showed that the fruit was chilling injury. During the storage period is 18 days. , The useing of chitosan coating with a suitable low temperature (15 ? C) to extend the shelf life of mango cv mahachanok. Found that the use of chitosan coating at a concentration of 1% with a storage temperature of 15 degrees Celsius is suitable. It was found that the change in L*a* b* color of skin and flesh fruit is less than other treatments and change the color oH more than other treatments. Also found that there is titratable acidity And vitamin C more than other treatments. Also found that There is titratable acidity And vitamin C more than other treatments and also the amount of soluble solids, soluble solids to titratable acidity and % weight loss less than other treatments and control by shelf life of 24 days. The appearance of the fruit normally is ripe. The effect of cooling of mango cv. mahachanok with cold water to affecting of storage life and quality of mango cv. mahachonok. Found that the infusion of Mango with cold water for 15 minutes with a storage temperature of 15 degrees Celsius is suitable by shelf life of 21 days. Making changes to the a* and b * skin of fruit is less that the other treatments and the value oH of the peel and pulp more than other treatments. It also found that there was titratable acidity, firmness of peel and firmness of pulp are higher than other treatments. Also found that Soluble solids (SS) Soluble solids to titratable acidity (SS/TA) and % weight loss is less than other treatments. The incubation mango cv. mahachanok using ethephon to replace the use of calcium carbide. Found that the use of ethephon concentration of 1000 ppm for 10 minutes 1. is appropriate in curing most mango fruits. Which fruit is ripe, ready to eat 4-6 days after incubation. It was found that made changes to the L*, a *, and more than other treatments and make the H is less than other treatments by the skin of the fruit is most uniform and found that the making of firmness peel and pulp has more than using calcium carbide. Also Found that the soluble solids to titratable acidity (SS/TA) was most. The delaying of ripening of mango fruit by using 1-Methylcyclopropene to affecting quality and shelf life of mango cv. mahachanok and stored at 27 and 15 ? C. which shelf life of 21 days. It was found that there was a* value of fruit and soluble solids to titratable acidity (SS/TA) less than other treatments. Also found that the firmness of peel, titratable acidity and the amount of vitamin C are higher than other treatments.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยนเรศวร
คำสำคัญ: สารเมททิลจัสโมเนส
คำสำคัญ (EN): methyl jasmonate
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

พีระศักดิ์ ฉายประสาท. "การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลกResearch and Development on Quality of Off-season Mango Fruits cv. Mahachanok for Export at Phitsanulok province". มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2556

พีระศักดิ์ ฉายประสาท. "การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลกResearch and Development on Quality of Off-season Mango Fruits cv. Mahachanok for Export at Phitsanulok province". มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2556. Print.



TARR Wordcloud:
การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมะม่วงมหาชนกนอกฤดูเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดพิษณุโลก
พีระศักดิ์ ฉายประสาท
มหาวิทยาลัยนเรศวร
30 กันยายน 2556
ผลของพารามิเตอร์บางประการต่อการคายน้ำของมะม่วงพันธุ์ แก้ว การพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและมหาชนกและคัดเลือกมะม่วงเพื่อบริโภคผลสด การชะลอการสูญเสียคุณภาพมะม่วงพันธุ์มหาชนกเพื่อเพิ่มมูลค่าภายหลังการเก็บเกี่ยว การใช้ยูนิโคนาโซลเพื่อกระตุ้นการออกดอกนอกฤดูในมะม่วง การวิจัยเพื่อพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพ โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการกระจายการผลิตมะม่วงคุณภาพเพื่อการส่งออก การใช้ปุ๋ยแคลเซียมและโบรอนในการปรับปรุงคุณภาพสะละ การพัฒนาคุณภาพผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองโดยการห่อผลต่างขนาดด้วยถุงกระดาษคาร์บอน ผลของการห่อผลต่อผลผลิตและคุณภาพของมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ การผลิตฟักทองญี่ปุ่นพร้อมปรุงในภาชนะบรรจุสำหรับการจำหน่ายปลีก : คุณภาพระหว่างการเก็บรักษา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair