สืบค้นงานวิจัย
ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิด ในการป้องกันกำจัดด้วงหมัดผัก
อรุณ โสตถิกุล - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิด ในการป้องกันกำจัดด้วงหมัดผัก
ชื่อเรื่อง (EN): Efficiency of Some Plant Extracts to Control Flea Beetle (Phyllotreta spp.)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อรุณ โสตถิกุล
บทคัดย่อ: การทดลองนี้ได้ทำที่สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2541 ถึงเดือนกันยายน 2543 จากการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชพื้นเมือง 47 ชนิด โดยใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายในอัตราตัวอย่างพืชแห้ง 10 กรัมต่อแอลกอฮอล์ 100 มล. แช่นาน 24 ชั่วโมง ระเหยให้เหลือปริมาตร 10 มล. และนำมาผสมน้ำในอัตรา 1 มล./น้ำ 9 มล. จึงนำไปพ่นบนตัวด้วงหมัดผักด้วยเครื่องทดสอบประสิทธิภาพสารเคมี ผลปรากฏว่า สารสกัดจากรากหางไหลทำให้ด้วงหมัดผักตายทั้งหมดในเวลา 24 ชั่วโมง รองลงมาเป็นสารสกัดจากหนอนตายหยาก ลูกใต้ใบ ดีปลี หญ้าหนอนตาย พริกไทย สารพัดพิษ และผักชีลาว มีอัตราการตาย 94.4 59.3 59.0 48.7 48.4 47.2 และ 45.5 % ตามลำดับ ส่วนสารสกัดจากพืชที่เหลือ ทำให้ด้วงหมัดผักมีอัตราการตายน้อยมาก จากนั้นจึงนำผงรากหางไหลมาศึกษาวิธีการสกัดด้วยน้ำและแอลกอฮอล์เพื่อนำไปใช้ในสภาพแปลง ความเข้มข้นของสารสกัดจากผงหางไหลที่สกัดด้วยน้ำในอัตรา 0.1 0.15 0.25 0.5 0.75 และ 1 กรัม/100 มล. (D1) ทำให้ด้วงหมัดผักมีอัตราการตาย 26.8 50.2 91.8 99.3 100 และ 100 % ตามลำดับ สำหรับการทดสอบสารสกัดจากหางไหลกับด้วงหมัดผักทั้งในสภาพแปลงและห้องปฏิบัติการ ได้กำหนดกรรมวิธีต่างๆดังนี้ D1 D2 D3 คาร์บาริล (Carbaryl) และพ่นด้วยน้ำเปล่า (control) ซึ่ง D2 และ D3 ได้จากการใช้เอทิลแอลกอฮอล์สกัดผงหางไหลในอัตรา 20 กรัม/ 100 ซีซี แช่ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเจือจาง 1% (D2) และ 0.1% (D3) ผลการทดสอบพบว่า หลังจากพ่นกรรมวิธีต่างๆไปแล้ว 24 ชั่วโมง ในห้องปฏิบัติการมีด้วงหมัดผักตาย 100 100 26.8 100 และ 0.0 % ตามลำดับ ส่วนในแปลงผักกวางตุ้งพบว่า มีจำนวนด้วงหมัดผักเท่ากับ 24 15.3 51.3 38.8 และ 97.3 ตัว/12 ตารางเมตร ต่อสวิงโฉบ 12 ครั้ง ตามลำดับ จำนวนแผลบนใบที่เกิดจากการทำลายของด้วงหมัดผักมีจำนวนเท่ากับ 147.9 138.1 237.4 179.5 และ 300.1 แผล/ต้น ตามลำดับ สำหรับการศึกษาอายุการเก็บรักษาของสารสกัดพบว่าประสิทธิภาพของ D1 ที่อายุการเก็บหลังการสกัดเท่ากับ 10 20 30 40 และ 50 วัน มีผลทำให้ด้วงหมัดผักตาย 100 100 63.8 18.8 และ 0.0%ตามลำดับ ดังนั้นการใช้น้ำสกัดยังคงมีประสิทธิภาพในการกำจัดด้วงหมัดผักหลังจากเก็บไว้ได้ 20 วัน ส่วนประสิทธิภาพของ D2 ที่อายุการเก็บหลังการสกัดในระยะเวลา 1 ปี พบว่าสารสกัดนี้ยังคงมีประสิทธิภาพในการกำจัดด้วงหมัดผักได้ผลดี(ตาย 100%)ภายในเวลา 8 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านี้ประสิทธิภาพของสารสกัดจะลดลงโดยในเดือนที่ 9 ทำให้ด้วงหมัดผักตาย 92.5 % พอถึงเดือนที่ 10 ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมากโดยที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 ไม่ทำให้ด้วงหมัดผักตาย
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=44&RecId=514&obj_id=1635
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: สารสกัดจากพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
รายละเอียด: การทดลองนี้ได้ทำที่สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2541 ถึงเดือนกันยายน 2543 จากการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชพื้นเมือง 47 ชนิด โดยใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายในอัตราตัวอย่างพืชแห้ง 10 กรัมต่อแอลกอฮอล์ 100 มล. แช่นาน 24 ชั่วโมง ระเหยให้เหลือปริมาตร 10 มล. และนำมาผสมน้ำในอัตรา 1 มล./น้ำ 9 มล. จึงนำไปพ่นบนตัวด้วงหมัดผักด้วยเครื่องทดสอบประสิทธิภาพสารเคมี ผลปรากฏว่า สารสกัดจากรากหางไหลทำให้ด้วงหมัดผักตายทั้งหมดในเวลา 24 ชั่วโมง รองลงมาเป็นสารสกัดจากหนอนตายหยาก ลูกใต้ใบ ดีปลี หญ้าหนอนตาย พริกไทย สารพัดพิษ และผักชีลาว มีอัตราการตาย 94.4 59.3 59.0 48.7 48.4 47.2 และ 45.5 % ตามลำดับ ส่วนสารสกัดจากพืชที่เหลือ ทำให้ด้วงหมัดผักมีอัตราการตายน้อยมาก จากนั้นจึงนำผงรากหางไหลมาศึกษาวิธีการสกัดด้วยน้ำและแอลกอฮอล์เพื่อนำไปใช้ในสภาพแปลง ความเข้มข้นของสารสกัดจากผงหางไหลที่สกัดด้วยน้ำในอัตรา 0.1 0.15 0.25 0.5 0.75 และ 1 กรัม/100 มล. (D1) ทำให้ด้วงหมัดผักมีอัตราการตาย 26.8 50.2 91.8 99.3 100 และ 100 % ตามลำดับ สำหรับการทดสอบสารสกัดจากหางไหลกับด้วงหมัดผักทั้งในสภาพแปลงและห้องปฏิบัติการ ได้กำหนดกรรมวิธีต่างๆดังนี้ D1 D2 D3 คาร์บาริล (Carbaryl) และพ่นด้วยน้ำเปล่า (control) ซึ่ง D2 และ D3 ได้จากการใช้เอทิลแอลกอฮอล์สกัดผงหางไหลในอัตรา 20 กรัม/ 100 ซีซี แช่ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเจือจาง 1% (D2) และ 0.1% (D3) ผลการทดสอบพบว่า หลังจากพ่นกรรมวิธีต่างๆไปแล้ว 24 ชั่วโมง ในห้องปฏิบัติการมีด้วงหมัดผักตาย 100 100 26.8 100 และ 0.0 % ตามลำดับ ส่วนในแปลงผักกวางตุ้งพบว่า มีจำนวนด้วงหมัดผักเท่ากับ 24 15.3 51.3 38.8 และ 97.3 ตัว/12 ตารางเมตร ต่อสวิงโฉบ 12 ครั้ง ตามลำดับ จำนวนแผลบนใบที่เกิดจากการทำลายของด้วงหมัดผักมีจำนวนเท่ากับ 147.9 138.1 237.4 179.5 และ 300.1 แผล/ต้น ตามลำดับ สำหรับการศึกษาอายุการเก็บรักษาของสารสกัดพบว่าประสิทธิภาพของ D1 ที่อายุการเก็บหลังการสกัดเท่ากับ 10 20 30 40 และ 50 วัน มีผลทำให้ด้วงหมัดผักตาย 100 100 63.8 18.8 และ 0.0%ตามลำดับ ดังนั้นการใช้น้ำสกัดยังคงมีประสิทธิภาพในการกำจัดด้วงหมัดผักหลังจากเก็บไว้ได้ 20 วัน ส่วนประสิทธิภาพของ D2 ที่อายุการเก็บหลังการสกัดในระยะเวลา 1 ปี พบว่าสารสกัดนี้ยังคงมีประสิทธิภาพในการกำจัดด้วงหมัดผักได้ผลดี(ตาย 100%)ภายในเวลา 8 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านี้ประสิทธิภาพของสารสกัดจะลดลงโดยในเดือนที่ 9 ทำให้ด้วงหมัดผักตาย 92.5 % พอถึงเดือนที่ 10 ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมากโดยที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 ไม่ทำให้ด้วงหมัดผักตาย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิด ในการป้องกันกำจัดด้วงหมัดผัก
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิดในการป้องกันกำจัดไรขาวพริก การป้องกันกำจัดเพลี้ยจักจั่นมะม่วงโดยใช้สารสกัดจากพืชบางชนิด การศึกษาเบื้องต้นถึงผลของการใช้สารสกัดจากต้นสาบเสือที่มีต่อการงอก และการเจริญของต้นกล้าพืชปลูก และวัชพืชบางชนิด ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนืดในการป้องกำจัดด้วงหมัดผัก ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชต่อการควบคุมโรคพืชที่สำคัญบางชนิดในสภาพห้องปฏิบัติการและโรงเรือน ผลของการดูดซับสารหนูในดินปนเปื้อนโดยสารธรรมชาติที่มีต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด การศึกษาความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของพืชพื้นบ้านที่มีสีม่วง ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิดในการป้องกันกำจัดไรสองจุด (Tetranychus urticae Koch.) ของเบญจมาศ การสกัดเพคตินจากเศษผักและผลไม้หลากชนิด การทดสอบเบื้องต้นเพื่อหาประเภทของสารเคมีในพืช
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก