สืบค้นงานวิจัย
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวนาอันเนื่องจากการขายที่ดิน กรณีศึกษา : ชาวนาในตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขรรค์ชัย วัลลิโภดม - มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเรื่อง: การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวนาอันเนื่องจากการขายที่ดิน กรณีศึกษา : ชาวนาในตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง (EN): The social and cultural impacts of changing pattern of landholding in case of the peasent of Banghhrakru, Phra Nakhon Si
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ขรรค์ชัย วัลลิโภดม
บทคัดย่อ: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีจุดประสงค์มุ่งหมายเพื่อต้องการศึกษาถึงปัจจัยและสาเหตุที่เกี่ยวข้อง อันเนื่องจากการขายที่ดิน ศึกษาเฉพาะกรณี ชาวนาในตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 2535-2538 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้วิจัยมุ่งเน้น และมีแรงจูงใจ ในการศึกษาถึงปัญหาและความต้องการของชาวนาที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากการขายที่ดิน เป็นเพราะว่าผู้วิจัยเคยพบสภาพของบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงที่เคยประสบกับปัญหาเหล่านี้ ดูเหมือนว่าแต่ก่อนชาวนาโดยทั่วไป โดยเฉพาะชาวนาบ้านบางพระครูต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ จากการทำนา อาทิเช่น ฝนตกไม่ตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลธรรมชาติ ปัญหาจากหนี้สิน ปัญหาจากการถือครองที่ดิน ปัญหาการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน การจำนองที่ดิน ปัญหาจากผลผลิตตกต่ำ ฯลฯ เป็นต้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้วิจัยสนใจ ศึกษาจากภาพรวมต่าง ๆ ของชาวบางพระครู ที่มีการดำรงชีวิตจากอดีตกระทั่งถึงปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดมาและพบว่ากระแสของการเปลี่ยนแปลงที่พบเห็น สรุปได้ว่า ตั้งแต่อดีตการดำเนินชีวิตของชาวนาเป็นรูปแบบของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในครัวเรือน และภายในชุมชนเอง การผลิตเพื่อการยังชีพในครอบครัวและมีการแลกเปลี่ยนกันเองภายในชุมชน ต่อมาเริ่มมีการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามนโยบายของภาครัฐบาล พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นการพัฒนาความเจริญสู่ชนบท จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและรูปแบบการประกอบอาชีพการทำนาในรูปแบบใหม่จากการผลิตเพื่อการยังชีพ เป็นการผลิตแบบการขาย มีการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตออกจำหน่ายมากขึ้นซึ่งผลการวิจัยอาจสรุปได้ว่า จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น พบว่าปัจจัยที่นำพาให้ชาวบ้านบางพระครู ต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ มากมายนั้นมีสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความต้องการในการขายที่ดินพบว่าปัจจุบันการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาความเจริญสู่ชนบทในรูปแบบต่าง ๆ ได้เข้าสู่ชุมชนหมู่บ้านบางพระครู ความต้องการในที่ดินมีจำนวนสูง ประกอบกับการขยายตัวในด้านอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย มีเพิ่มมากขึ้นตลอดระยะเวลา 5-6 ปี่ ที่ผ่านมา การซื้อขายที่ดินมีอัตราความต้องการสูงมาก พื้นที่ทำนาในอดีตเคยเป็นของชาวบ้าน ปัจจุบันได้ตกเป็นของนายทุนเป็นส่วนใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แรงงานหนุ่มสาวที่เคยเป็นแรงงานสำคัญของครอบครัว เมื่อไม่มีที่ทำนาจึงออกขายแรงงานตามโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ในตัวจังหวัด ในกรุงเทพฯ เหล่านี้เป็นต้น จึงเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ในครอบครัว ชุมชน ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงบทบาทและหน้าที่ การรับเอาวัฒนธรรมใหม่ ๆ จากภายนอกเข้าสู่ชนบท จึงทำให้วัฒนธรรมเดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงและยังรวมไปถึง ผลกระทบทางด้านประเพณี พิธีกรรม และความเชื่อในชุมชน ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ สามารถเห็นได้ชัดเจนในระบบครอบครัวและเครือญาติ จากที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันในครัวเรือน ความสัมพันธ์ของเครือญาติ ทำให้เกิดการห่างเหินไปประเพณี พิธีกรรม และความเชื่อที่เคยมีอยู่ในชุมชนลดบทบาทลงซึ่งปัจจัยดังกล่าวพบว่าเป็นเพราะแรงงานสำคัญของคนกลุ่มนี้ ได้นำเอาตัวอย่างวัฒนธรรมภายนอกเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมเดิมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผลกระทบทั้งหมดดังที่ได้กล่าว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของความต้องการในการขายที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงต่อไปจะเป็นอย่างไร อาจต้องทำการศึกษากันต่อไป.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=97&RecId=80&obj_id=781
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยศิลปากร
คำสำคัญ: ความเป็นอยู่และประเพณี
คำสำคัญ (EN): S760
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยศิลปากร
รายละเอียด: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีจุดประสงค์มุ่งหมายเพื่อต้องการศึกษาถึงปัจจัยและสาเหตุที่เกี่ยวข้อง อันเนื่องจากการขายที่ดิน ศึกษาเฉพาะกรณี ชาวนาในตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 2535-2538 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้วิจัยมุ่งเน้น และมีแรงจูงใจ ในการศึกษาถึงปัญหาและความต้องการของชาวนาที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากการขายที่ดิน เป็นเพราะว่าผู้วิจัยเคยพบสภาพของบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงที่เคยประสบกับปัญหาเหล่านี้ ดูเหมือนว่าแต่ก่อนชาวนาโดยทั่วไป โดยเฉพาะชาวนาบ้านบางพระครูต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ จากการทำนา อาทิเช่น ฝนตกไม่ตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลธรรมชาติ ปัญหาจากหนี้สิน ปัญหาจากการถือครองที่ดิน ปัญหาการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน การจำนองที่ดิน ปัญหาจากผลผลิตตกต่ำ ฯลฯ เป็นต้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้วิจัยสนใจ ศึกษาจากภาพรวมต่าง ๆ ของชาวบางพระครู ที่มีการดำรงชีวิตจากอดีตกระทั่งถึงปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดมาและพบว่ากระแสของการเปลี่ยนแปลงที่พบเห็น สรุปได้ว่า ตั้งแต่อดีตการดำเนินชีวิตของชาวนาเป็นรูปแบบของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในครัวเรือน และภายในชุมชนเอง การผลิตเพื่อการยังชีพในครอบครัวและมีการแลกเปลี่ยนกันเองภายในชุมชน ต่อมาเริ่มมีการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามนโยบายของภาครัฐบาล พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นการพัฒนาความเจริญสู่ชนบท จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและรูปแบบการประกอบอาชีพการทำนาในรูปแบบใหม่จากการผลิตเพื่อการยังชีพ เป็นการผลิตแบบการขาย มีการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตออกจำหน่ายมากขึ้นซึ่งผลการวิจัยอาจสรุปได้ว่า จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น พบว่าปัจจัยที่นำพาให้ชาวบ้านบางพระครู ต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ มากมายนั้นมีสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความต้องการในการขายที่ดินพบว่าปัจจุบันการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาความเจริญสู่ชนบทในรูปแบบต่าง ๆ ได้เข้าสู่ชุมชนหมู่บ้านบางพระครู ความต้องการในที่ดินมีจำนวนสูง ประกอบกับการขยายตัวในด้านอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย มีเพิ่มมากขึ้นตลอดระยะเวลา 5-6 ปี่ ที่ผ่านมา การซื้อขายที่ดินมีอัตราความต้องการสูงมาก พื้นที่ทำนาในอดีตเคยเป็นของชาวบ้าน ปัจจุบันได้ตกเป็นของนายทุนเป็นส่วนใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แรงงานหนุ่มสาวที่เคยเป็นแรงงานสำคัญของครอบครัว เมื่อไม่มีที่ทำนาจึงออกขายแรงงานตามโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ในตัวจังหวัด ในกรุงเทพฯ เหล่านี้เป็นต้น จึงเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ในครอบครัว ชุมชน ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงบทบาทและหน้าที่ การรับเอาวัฒนธรรมใหม่ ๆ จากภายนอกเข้าสู่ชนบท จึงทำให้วัฒนธรรมเดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงและยังรวมไปถึง ผลกระทบทางด้านประเพณี พิธีกรรม และความเชื่อในชุมชน ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ สามารถเห็นได้ชัดเจนในระบบครอบครัวและเครือญาติ จากที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันในครัวเรือน ความสัมพันธ์ของเครือญาติ ทำให้เกิดการห่างเหินไปประเพณี พิธีกรรม และความเชื่อที่เคยมีอยู่ในชุมชนลดบทบาทลงซึ่งปัจจัยดังกล่าวพบว่าเป็นเพราะแรงงานสำคัญของคนกลุ่มนี้ ได้นำเอาตัวอย่างวัฒนธรรมภายนอกเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมเดิมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผลกระทบทั้งหมดดังที่ได้กล่าว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของความต้องการในการขายที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงต่อไปจะเป็นอย่างไร อาจต้องทำการศึกษากันต่อไป.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวนาอันเนื่องจากการขายที่ดิน กรณีศึกษา : ชาวนาในตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
มหาวิทยาลัยศิลปากร
2538
ประเมินผลการดำเนินนโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม การศึกษาการใช้ประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจนที่เป็นลูกหนี้กองทุนหมุนเวียนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี : ศึกษากรณีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผลกระทบของนโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวต่อภาวะหนี้สินของชาวนาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ การเจ็บป่วยและบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องจากงานของเกษตรกรชาวนา ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ปี 2530-2540 : กรณีศึกษา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ การใช้ประโยชน์ที่ดินและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของภาคเกษตรกรรม ในพื้นที่ขยายตัวของกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา : จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัญหาในการออกเอกสารสิทธิที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 : กรณีศึกษานิคมสหกรณ์ชะแวะ ผล ของการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและรูปแบบการใช้ที่ดินต่อคุณภาพดิน กรณีศึกษา : หมู่บ้านละเบ้ายา ตำบลสะเนียน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ความยั่งยืนของฐานทรัพยากรดินและที่ดินของชุมชนตอนบนลุ่มน้ำแม่เตี๊ยะ การศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระของชาพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก