สืบค้นงานวิจัย
โครงการย่อยที่ 3: การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ควบคุมโรคทางดินและโรคหลังการเก็บเกี่ยวของพริกกะเหรี่ยงบนพื้นที่สูง
อังสนา อัครพิศาล - สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: โครงการย่อยที่ 3: การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ควบคุมโรคทางดินและโรคหลังการเก็บเกี่ยวของพริกกะเหรี่ยงบนพื้นที่สูง
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Formulation Development for Control Soil-borne and Post harvest Diseases in Chili on the Highland
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อังสนา อัครพิศาล
บทคัดย่อ: การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก: การพัฒนาต่อยอดสูตรสำร็จชีวภัณฑ์ในรูปแบบ ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการละลายและปลดปล่อยเชื้อแบกที่เรียปฏิปักษ์ สามารถพัฒนาชีวภัณฑ์ได้ 2 ผลิตภัณฑ์ คือ ชีวกัณฑ์รูปแบบเม็ดฝั่งคืน และชีวภัณฑ์รูปแบบผงละลายน้ำ โดยชีวภัณฑ์รูปแบบเม็ดฝังดิน ประกอบด้วย sodium carboxymethyI cellulose (SCMC), microcrystalline cellulose (MCC), lactose, talcum และ magnesium stearate ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อทดสอบการสลาขตัวหลังจากฝังเม็ดชีวภัณฑ์ไ ว้ใน ภาชนะที่บรรจุดิน พบว่าดินที่มีความชื้นสูง เมื่ดชีวภัณฑ์มีการละลายที่ดี เปื่อย ย ภายใน 3 วัน และสามารถ ละลายปะปนกับเนื้อดินได้ รวมทั้งไม่เหลือสภาพความเป็นเม็ดเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน ส่วน เปอร์เซ็นต์การมีชีวิตรอดของเชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์ในชีวภัณฑ์แบบเม็ดภายใต้การเก็บรักษาที่ 4 องศา ซลเซียสและอุณหภูมิห้อง พบว่าเมื่อเก็บรักษาชีวภัณฑ์ไว้นาน 21 เดือน ชีวภัณฑ์ของแบคที่เรียปฏิปักษ์ไอ โซเลท 32 34 B5 36 และ B7 มีเปอร์เซ็นต์การมีชีวิตรอดมากกว่า 60* สำหรับชีวกัณฑ์รูปแบบผงละลายน้ำ ประกอบด้วย Sodium algenate, PVP และ Lactose ซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีขาว สามารถละลายในน้ำได้ดี และ หลังการเก็บรักษาชีวภัณฑ์ไ ว้นาน 7 วัน มีเปอร์เซ็นต์การมีชีวิตรอดของเชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์มากกว่า 85% หลังจากการผลิตเสร็จ และหลังจากฉีดพ่นไปที่ใบพืชแล้ว 7 วันยังคงมีปริมาณเชื้อแบกที่เรียปฏิปักษ์อยู่ ประมาณ 1.15 3.00 x10c1u ต่อใบ และเมื่อทคสอบประสิทธิภาพของชีวภัณฑ์รูปแบบผงละลายน้ำ สูตร B13(T2) และ B1S(TS) การเป็นปฏิปักษ์ต่อเชื้อรา Collectotrichum sp. Fusarium sp. และ Rhizopus sp. ใน สภาพห้องปฏิบัติการ พบว่ามีประสิทธิภาพในการขับขั้งได้ดี สำหรับการเก็บรักษาชีวภัณฑ์ไ ว้ในสภาวะที่ แตกต่างและแปรปรวน พบว่า เมื่อเก็บชีวภัณฑ์ไว้ในถุงพลาสดิก ภายได้อุณหภูมิห้อง สภาพมืด มีเปอร์เซ็นต์ การมีชีวิตรอดของแบคที่เรียปฏิปักข์สูงสุด แต่ถ้ำได้รับแสงแดดไดยตรงตลอดทั้งวัน การมีชีวิตรอดจะลคลง มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกรรมวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ไส้ทดสอบการอยู่รอดของแบคทีเรียปฏิปักษ์ไอโซเลท B3, B6, B1 1, B13 และ BI5 ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคทางดินและ โรคหลังการเก็บเกี่ยว หลังได้รับสารกำจัดเชื้อรา สารกำจัดแมลง และสารกำจัดวัชพืช พบว่ามีสารเคมีกำจัดเชื้อราโคไซด์เพียงชนิดเดียว (อัตราแนะนำ) ที่มีผลต่อการขับยั้งการเจริญของไอโซเลท B3. B6 และ B13 ส่วนริดโดมิลโกลด์ (อัตรา แนะนำ) มีผลต่อการขับยั้งการเจริญของไอโซเลท B1 1 แต่ไม่มีผลต่อการเจริญของไอโซเลทอื่นๆ ส่วนโค ไซค์และแมนโคเซบมีผลต่อการขับยั้งการเจริญของไอโซเลท BI ทั้งนี้สารกำจัดเชื้อราทุกชนิดที่อัตราความ เข้มข้น 1% 10% และ 50% ของอัตราแนะนำ ไม่มีผลต่อการเจริญของเชื้อแบกที่เรียปฏิปักษ์ทุกไอโซเลท ส่วนสารกำจัดแมลงและสารกำจัดวัชพืช พบว่าสารกำจัดวัชพืช คือ แลส โซ่เพียงชนิดเดียว ที่มีผลในการ ขับยั้งการเจริญของแบคที่เรียปฏิปักษ์ทุกไอไซเลท ขั้นตอนที่สอง: การสำรวจและรวบรวมข้อมูล พร้อมทั้งเก็บเชื้อตัวอย่างทั้งเชื้อสาหตุโรคหลังการ เก็บเกี่ยวและเชื้อแบคทีเรียปฏิปักษ์ พบเชื้อราสาเหตุโรคหลังการเก็บเกี่ยว ได้แก่ Aspergillus sp. Fusarium sp., Cladosporium sp. Pennicillium sp. Rhizopus sp., และ Colletotrichum sp. จากนั้นทดสอบ ประสิทธิภาพของเชื้อแบคที่เรีชปฏิปักข์ทั้งหมด 12 ไอโซเลทที่แยกได้จากส่วนต่างๆ ของพริกกะเหรี่ยงที่มี ผลในการขับยั้งการเจริญของเชื้อรา Colletotrichum, Aspergilus และ Rizopts พบว่าแบคที่เรียปฏิปักษ์ไอ โซเลท T2 ขับยั้งการเจริญของเชื้อ Coletotrichum sp. ดีที่สุด รองลงมาคือ ไอโซเลท T3 และ Tร ส่วนการ ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา 4spergilhs sp. พบว่าแบกทีเรียปฏิปักษ์ไอโซเลท 72 มีประสิทธิภาพดีที่สุด รองลงมาคือ ไอไซเลท Tร และ 14 สำหรับเชื้อรา Rhizopแs รp. พบว่าแบคทีเรียปฏิปักษ์ไอโซเลท 12 มี ประสิทธิภาพดีที่สุด รองลงมาคือ ไอโซลท T3และ Tร จากนั้นได้ตัดเลือกสารชีวกัณฑ์ BIS (T5) เพื่อ ทดสอบประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อ Colleiotrichum ในสภาพโรงเรือน พบว่าสารชีวภัณฑ์ BI5 เมื่อ นำไปใช้ก่อนและพร้อมกับการปลูกเชื้อสาเหตุ ช่วยลคความรุนแรงของโรคได้ดี ไดยมีความแดกต่างอย่างมื นัยสำคัญกับชุดควบคุมที่มีการปลูกเชื้อสาเหตุโรคอย่างเดียว ขั้นตอนที่สาม: ทดสอบวิธีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และเม็ดพริกกะเหรี่ยงแห้งที่เหมาะสมกับสภาพ อากาศและเกษตรกรบนพื้นที่สูง พบว่าเกษตรกรมีวิธีการจัดการลดความชื้นในผลพริกสดเพื่อให้ได้ผลแห้ง ไดยมีการจัดการที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะตากผลพริกไว้บนหลังคาบ้านดลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ปราศจากพลาสติกปูรอง แต่บางส่วนจะตากพริกไว้บริเวณพื้นที่ว่างภายในแปลงปลูก โดยใช้พลาสติกปูพื้น ก่อน แล้วจะเก็บพับพลาสติกไว้ในตอนเข็นและตอนเช้าก็กางออกเพื่อตากแดด สำหรับการขนส่งและการ บรรจุผลผลิต เกษตรกรไดยส่วนใหญ่บรรจุพริกแห้งไว้ในกระสอบปริมาณ 20 กิโลกรัมต่อถุง เก็บไว้เพื่อรอ การขายให้พ่อค้าที่มารับซื้อ และเก็บส่วนหนึ่งไว้ทำพันธุ์ในฤดูปลูกถัดไป 1-2 กระสอบ ซึ่งส่วนที่เก็บไว้ทำ พันธุ์นี้จะเก็บไว้บนชื่อบ้าน รมควันไว้ทุกวัน ระยะเวลาการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ เกษตรกรจะเก็บผลผลิตได้ ในช่วงเดือน ธันวาค - กุมภาพันธ์ เก็บไว้ โดยเฉถี่ย 39 เดือน เมื่อใกล้ถึงฤคูปลูก จะนำผลพริกที่เก็บไว้มา ตากแดคนาน 1-2 วัน แล้วตำผลพริกแห้งเพื่อเตรียมนำเมล็ดพริกกะเหรี่ยงไปใช้ในการเพาะปลูก สำหรับการทดสอบวิธีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และเม็ดพริกกะเหรี่ยงแห้งที่เหมาะสม โดยใช้ตัวอย่างเมล็ดพริกกะเหรี่ยง จากแหล่งผลิต และการจัดการที่แตกต่างกันจำนวน 6 ตัวอย่ง โดยสุ่มมาทดสอบการงอกหลังจากการเก็บ รักษาไว้ในถุงกระดาบ ถุงพลาสติก ถุงปุ้ย นาน 5 เดือน พบว่า เปอร์เซ็นต์ความงอกของเมล็ดพริกกระเหรี่ยง บนกระดาบขึ้นเริ่มลดลงและเปอร์เซ็นต์ความงอกยังมีผลมาจากวิธีการลดความชื้นในเมล็ดหลังการเก็บเกี่ยว และชนิดของภาชนะที่ใช้ในการบรรจุเพื่อเก็บรักษาไว้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ชีวภัณฑ์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการย่อยที่ 3: การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ควบคุมโรคทางดินและโรคหลังการเก็บเกี่ยวของพริกกะเหรี่ยงบนพื้นที่สูง
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
14 กันยายน 2554
โครงการย่อยที่ 10: การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ต้นแบบในการป้องกันโรคใบจุดสำหรับการปลูกพืช ตระกูลกะหล่ำบนพื้นที่สูง วิสาสาเหตุของโรคพริกไทยในประเทศไทย การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระยะที่ 2 สมุนไพรช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน: พริก โครงการ พัฒนาเยาวชนบนพื้นที่สูง โครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเพื่อลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 3 การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและสารเคลือบผลสำหรับควบคุมโรคผลเน่าของสตรอเบอรี่ โครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเพื่อลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 3 การศึกษาและพัฒนาต้นแบบชีวภัณฑ์ลดความเป็นกรดและความเป็นพิษโลหะหนักาซินิคในดินบนพื้นที่สูง โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาโรคใบขาวของอ้อย โครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเพื่อลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 2 การศึกษาและพัฒนาต้นแบบชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคขอบใบไหม้กะหล่ำปลีและใบจุดตากบผักกาดหอมห่อบน ชุดโครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตของพืชไร่บนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 1 โครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตของพืชไร่บนพื้นที่สูง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก