สืบค้นงานวิจัย
การถ่ายทอดผลงานวิจัยของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลองสู่ชุมชน
อตินุช แซ่จิว - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การถ่ายทอดผลงานวิจัยของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลองสู่ชุมชน
ชื่อเรื่อง (EN): Technology Transfer on Research Output of Central Laboratory and Greenhouse Complex to Rural Area
บทคัดย่อ: การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพืชผักอินทรีย์โดยชีววิธี จากผลงานวิจัยและองค์ความรู้ต่างๆในการผลิตพืชผักเกษตรอินทรีย์สู่เกษตรกรโดยตรงในชุมชนต่างๆให้มีความรู้ความเข้าใจตระหนักถึงคุณประโยชน์ของผลผลิตผักอินทรีย์ที่มีความปลอดภัยสูง มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้ผลิตและสิ่งแวดล้อม นำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังขยายผลให้กับชุมชนข้างเคียงต่อไป ในการผลิตพืชผักอินทรีย์ที่ถูกต้อง ยังเป็นการแก้ไขปัญหาสารพิษตกค้างในพืชผักและสุขอนามัยของผู้ผลิต สิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศและยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตของเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและลดต้นทุนการผลิต ทางโครงการได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมเทคโนโลยีการผลิตพืชผักอินทรีย์โดยชีววิธี ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้สนใจ ปีงบประมาณ 2552 – 2554 รวม 3 ปี จำนวน 7 รุ่น มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวนทั้งสิ้น 273 คน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก พืชที่ปลูกมี พริก ถั่วฝักยาว มะเขือ กวางตุ้ง คะน้า แตงกวา ผักบุ้งจีน ผักหวาน กวางตุ้ง ผักชีฝรั่ง ในเขตภาคตะวันตกได้แก่ จังหวัดนครปฐม จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม การผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องปุ๋ยอินทรีย์และกฎหมายเกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์ อาจทำให้ผู้ผลิตต้องใช้เวลาและลงทุนมากขึ้นเพื่อให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ตามมาตรฐานที่กรมวิชาการกำหนด ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร การจัดการอบรมเพื่อถ่ายทอดความเรื่องกระบวนผลิต คุณสมบัติ การเก็บรักษา ประโยชน์และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ถูกต้อง ตลอดจนกฎหมายเกี่ยวกับปุ๋ย ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ให้แก่ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และเกษตรกรเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมทำให้ผู้ผลิต ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งสามารถส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างถูกต้องให้แก่เกษตรกร โครงการจึงได้จัดการอบรมจำนวน 2 รุ่นๆ ละ 2 วัน คือวันที่ 25 -26 เมษายน และ 5 – 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ด้วยการบรรยายและศึกษาดูงานกระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 64 คน ซึ่งผู้อบรมมีความหลากหลายด้านอายุ วุฒิการศึกษาและอาชีพ โดยมากกว่าร้อยละ 58 มีอายุระหว่าง 41 – 60 ปี และมากกว่าร้อยละ 44 มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป ผู้อบรมส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการและเกษตรกร ร้อยละ 90.90 ของผู้อบรมไม่เคยเข้ารับการอบรมเรื่องปุ๋ยอินทรีย์มาก่อน หลังการอบรม ผู้อบรมมากกว่าร้อยละ 90 มีความรู้เรื่องปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มขึ้นระดับดีถึงดีมาก ผู้อบรมมีความพึงพอใจต่อการดำเนินการอบรมมากกว่าร้อยละ 80 และจากการศึกษาดูงานกระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของโรงงาน พบว่าปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้านั้น คือ ชนิดและแหล่งวัสดุอินทรีย์ตั้งต้น เงินทุน ตลาด ความรู้เรื่องมาตรฐานและกฎหมายเกี่ยวกับปุ๋ย การประเมินการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ของผู้รับการอบรม พบว่าผู้อบรมได้นำความรู้เรื่องดิน การผลิตและการเลือกใช้ปุ๋ย ที่ได้รับจาการอบรมไปถ่ายทอดให้คนในชุมชน ไปใช้ในโครง Corporate Social Responsibility (CSR) สำหรับชุมชน ในการสอนนักเรียนตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียน โครงการสมุนไพร นำไปเผยแพร่และตอบปัญหาด้านการเกษตรทางนิตยสาร ไปปรับใช้ในการนำวัสดุเหลือใช้จากโรงงาน ผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อจำหน่ายตามนโยบายของบริษัท และทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ปรับปรุงแปลงเพาะปลูก โครงการการส่งเสริมและผลิตไม้ประดับตัวใหม่: อโกลนีมาเพื่อการส่งออก ได้จัดฝึกอบรม เรื่อง การผลิตต้นกล้าไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการค้า ให้แก่กลุ่มเกษตรกร และผู้สนใจจำนวน 51 คน ณ สวนเติมทอง เลขที่ 65 หมู่ 5 หมู่บ้าน บ้านคลองเจ้า ต.นราภิรมย์ อ.บางเลน จ.นครปฐม ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ผู้อบรมได้รับความรู้ทั้งภาคบรรยายและภาคปฏิบัติการโดยสามารถฝึกปฏิบัติเทคนิคการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ เช่น อโกลนีมา ชวนชม ไทร โป๊ยเซียน โดยวิธี การตัดชำ การแยกหน่อ การตอน การติดตา รวมทั้งการย้ายปลูกต้นกล้าอโกลนีมาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการผสมวัสดุปลูกชนิดต่างๆ สำหรับต้นกล้าไม้ดอกไม้ประดับ จากแบบประเมินผลความพึงพอใจหลังจากเสร็จการฝึกอบรมพบว่าเกษตรกรมีความพึงพอใจ 89.60% และมีความเข้าใจในเนื้อหาที่สอน 90.17% และเมื่อประเมินและติดตามผลหลังการฝึกอบรมแล้วเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจและสามารถนำเทคโนโลยีที่ได้มาใช้ประโยชน์ในการผลิตและขยายพันธุ์ต้นกล้าไม้ดอกไม้ประดับและพืชอื่นๆ นอกจากนี้เกษตรกรสามารถรวมกลุ่มเพื่อผลิตไม้ดอกไม้ประดับจำนวนมากและพัฒนาเป็นอาชีพหลักหรือ อาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ หรือผลิตปริมาณมากสำหรับตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โครงการการถ่ายทอดการพัฒนาการใช้ชีวมวลจุลินทรีย์ควบคุมโรคพืชและเพิ่มผลผลิตพืชในรูปปุ๋ยชีวภาพ เป็นการนำผลงานวิจัยและองค์ความรู้เผยแพร่สู่เกษตรกร นักวิชาการเกษตรและผู้สนใจ โดยใช้ประสบการณ์จากงานวิจัยในการใช้จุลินทรีย์ควบคุมโรคพืชและกลุ่มจุลินทรีย์เพิ่มธาตุอาหารให้แก่พืช โดยการใช้เชื้อราTrichoderma sp.ในรูปหัวเชื้อสดควบ คุมเชื้อราในดินสาเหตุโรคพืช พร้อมทั้งสาธิตวิธีการเพาะเลี้ยง และการใช้ร่วมกับอินทรียวัตถุในแปลงปลูกพืช ได้เพิ่มหัวข้อสาธิตการเพาะเลี้ยงเชื้อรา Beauvaria bassiana ควบคุมแมลงศัตรูพืช พร้อมทั้งถ่ายทอดประสบการณ์ผลงานวิจัยการใช้จุลินทรีย์ Azotobacter sp. Azospirillum sp. กลุ่ม phosphate - solubilizing bacteria และ mycorrhizal fungi ช่วย เพิ่มปริมาณธาตุอาหารให้แก่พืช วิธีการเพาะเลี้ยง และการใช้ในรูปปุ๋ยชีวภาพทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีในแปลงปลูกพืช ได้จัดการถ่ายทอดเทคโนโลยีรวม 2 รุ่น ๆ ละ 2 วัน ให้แก่เกษตรกร ผู้ปลูกผัก ทำนา และไร่อ้อย รวมผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น 57 คน รุ่นที่ 1 จัดในวันที่ 29 - 30 กันยายน 2554 ณ ศูนย์ถ่ายทอดประจำตำบลทุ่งขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม รวม 29 คน มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ทางด้านจุลินทรีย์ รุ่นที่ 2 จัดในวันที่ 26 - 27 ธันวาคม 2554 ณ ศูนย์ถ่ายทอดประจำตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม รวม 28 คน เป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักกระเพราพันธุ์เกษตรส่งออก ทางโครงการถ่ายทอดได้ทดลองใช้ชีวมวลจุลินทรีย์รวม 4 ชนิด ได้แก่ เชื้อราTrichoderma sp.,แบคทีเรีย Azotobacter sp., แบคทีเรีย Azospirillum sp. และเชื้อรา mycorrhiza เ พื่อเป็นแปลงต้นแบบให้เกษตรกรได้เห็นผลผลิตของพืชที่ได้โดยใช้จุลินทรีย์แทนการใส่ปุ๋ยเคมี โดยมีระยะการเก็บเกี่ยวนาน 6 เดือน กลุ่มผู้รับการฝึกอบรมมีความสนใจในการเรียนรู้ตลอดวิธีการปฏิบัติเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะพัฒนานำไปปรับใช้ในแปลงปลูกต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Technology for biological organic vegetable production was transferred from research findings and various bodies of knowledge directly to farmers in the community to understand and realize the benefits of organic products that are highly secure, useful to consumers, producers and the environment and to disseminate them among neighboring farmers. This is to cut toxic residues in their vegetable products for good health and environments of the farmers and to increase the community's production of organic vegetables. In sum, it is to help the farmers to produce quality products for consumer safety, to meet the needs of both domestic and foreign markets, to add value to the productivity of farmers and to increase revenue and reduce costs. The project has been implemented technology training for biological, organic vegetable production. To farmers who Fiscal year 2552 - 2554 a total of 3 years, 7 groups have been training a total of 273 farmers, including farmers who grow vegetable crops are peppers, lentils, eggplant, Cantonese, kale, cucumber, Chinese convolvulus Sauropus Cantonese celery in the west has. Nakhon Pathom province. Kanchanaburi. Phetchaburi Province. Province. The production of organic fertilizer without the right knowledge of organic fertilizers and a lack of the understanding of organic fertilizer laws may lead manufacturers to spend more time and more investment to achieve standard organic fertilizer. Ultimately, it will affect the production costs of farmers. So the organic fertilizer knowledge such as production process, storage, usefulness, usage and properties of organic fertilizers and also fertilizer acts, transfer to manufacturers, distributors and farmers by the training will allow manufacturers to produce high quality organic fertilizer at a reasonable cost. They will be also able to promote the appropriate usage of organic fertilizer to farmers. The training course was launched on the 25th-26th of April and 5th – 6th of July 2011 by lectures and a study trip to organic fertilizer factories. There were 64 participants who of various ages, educations and professions. More than 58% of participants are 41-60 years old and more than 44% have a bachelor degree and above. Most of them are employees, officials and farmers and 90.90% of them had never attended an organic fertilizer training course. After the training course, more than 90% of participants had a good to excellent increase of their knowledge. The participants have satisfied the training by more than 80%. During the study trip, we found that the important factors in organic fertilizer production at commercial scale are a type and source of organic raw materials, capital, markets and knowledge about standards and laws on organic fertilizer. The assessment of knowledge achievement showed that some participants transferred the knowledge of soil science, production and usage of fertilizers to people and applied to the Corporate Social Responsibility (CSR) project in the community. One of them applied this knowledge to teach students under the sufficiency project and herbal project and the others applied to agricultural magazine publishing, to produce organic fertilizer from waste for commercial purpose and to improve their farm. This project “Extension and production of new foliage plant : aglaonema for exportation” had arranged the training course concerning about production of ornamental plants for trade to 51 people at 65 Moo 5, Ban Klong Chao T. Narapirom, A. Banglean, Nakhon Pathom on February 25, 2011. The trainee got the knowledge, especially, in propagation technology: cutting of the shoots, separate offshoot, bud grafting in many species of plants such as aglaonema, adiantum, euphorbia etc and transplanted seedlings technology of aglaonema from tissue culture and different types plants material mixing method for growing plants by the lecture and laboratory practice. From the evaluation of satisfaction after the training showed that the farmers were satisfied, 89.60% and understanding of the teaching 90.17%, when evaluation and follow-up after training for a period of six months, the farmers could apply the attained technology to be useful for the production and propagation of ornamental plants and other crops. In addition to the farmers could gather the clusters for ornamental production and could be develop into a primary or secondary career to increase revenue or could produce plants in large scale for the domestic market and abroad. The research knowledge on the subject of technology transfer of development using microorganism biomass for plant disease control and increasing plant production as biofertilizer was modified by workshop training to the farmers, government servants from agriculture sector and other. The procedure of training program was arranged by using the research experiences such as fresh culture formula of Trichoderma sp., the fungi for biological control of soil fungi plant pathology. New attention tropic by using Beauvaria bassiana for insect pest control was described with the procedure of preparing in fungal mass culture. The research experience in using biofertilizer by using microorganism biomass of Azotobacter sp., phosphate solubilizing bacteria and mycorrhizal fungi substituted for chemical fertilizer were introduced. The training course for the total 57 growners for the cultivar plant such as vegetable crops, rice field and sugar cane, were divided into two groups and two days for each groups. The first group was held during 29 - 30 September, 2011, for 29 participants at center of transfer Thambon Tung - Kwang, Amphur Kamphangsaen, Nakhonpathom Province. They were interested in each knowledge of microorganism biomass and their useful for biofertilizer. The second group was arranged for 28 participants during 26 - 27 December 2011 at center of transfer Thambon Nong-Gku-Luem, Amphur Mueng, Nakhonpathom Province. Kra-prao, variety Ka-set, (basil, Ocimum sanctum) was the main cultivar plant in this area for organic cropping systems to sell oversea. Testing program by using four microorganism biomass such as Trichoderma sp. for biological control, Azotobacter sp., Azospirillum sp. and mycorrhizal fungi, for biofertilizer was investigated in Kra-prao crop for master field experiment in 6 months harvesting period. In conclusion, this workshop training were satisfied most of the participants. They were attentive to all knowledge from the instructions and were ready to utilize in their farms.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ไม้ประดับอโกลนีมา
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อตินุช แซ่จิว. "การถ่ายทอดผลงานวิจัยของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลองสู่ชุมชนTechnology Transfer on Research Output of Central Laboratory and Greenhouse Complex to Rural Area". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2554

อตินุช แซ่จิว. "การถ่ายทอดผลงานวิจัยของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลองสู่ชุมชนTechnology Transfer on Research Output of Central Laboratory and Greenhouse Complex to Rural Area". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2554. Print.



TARR Wordcloud:
การถ่ายทอดผลงานวิจัยของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลองสู่ชุมชน
อตินุช แซ่จิว
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยพืชปุ๋ยสดร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ และแหนแดงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตของผักคะน้า ข้าวโพดฝักอ่อนภายใต้การปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 7 การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจากระบบ GAP สู่ระบบเกษตรอินทรีย์ การปลูกพืชสมุนไพรแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพสมุนไพรสู่อุตสาหกรรมการแปรรูป ลักษณะของชุมชนนักปฏิบัติ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แบบวิถีชุมชน หมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว: จากงานวิจัยถ่ายทอดสู่ชุมชน การวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปกระชายสู่ชุมชน การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน กรณีปุ๋ยชีวภาพ ทดสอบการจัดการดินที่เหมาะสมร่วมกับเทคโนโลยีชีวภาพในระบบเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานเพื่อปลูกยางพารา การทดลองหาปริมาณการใช้น้ำที่เหมาะสมของข้าวโพดหวานที่ปลูกโดยระบบเกษตรอินทรีย์ (ปีที่ 2)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair