สืบค้นงานวิจัย
กระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2550
รัฐพล บุตรโพธิ์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ชื่อเรื่อง: กระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2550
ชื่อเรื่อง (EN): Rice Production Process of Rice Farmers of Tambon Pa-ao in Muang District of Ubon Ratchathani Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัฐพล บุตรโพธิ์
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการและปัญหาการผลิตข้าวของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีและศึกษาต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ให้ข้อมูลได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลประอาว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลโดยพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัย พบว่า 1. กระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกรด้านพันธุ์ข้าว พบว่า เกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวไวแสง ส่วนใหญ่ใช้พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 มีบางส่วนใช้พันธุ์ กข.6 และพันธุ์ กข.15 ส่วนใหญ่เก็บเมล็ดพันธุ์เองและปลูกข้าวด้วยวิธีปักดำ โดยใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา ไร่ละ 5-10 กิโลกรัม ด้านการเตรียมดิน พบว่า เกษตรกรทั้งหมดไม่เผาตอซังข้าว ส่วนใหญ่เตรียมดินเองโดยใช้รถไถนา เดินตามไถดะไถแปรแล้วคราดปรับเทือกนา ด้านการใช้ปุ๋ย พบว่า ส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีโดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก่อนการเตรียมดินในอัตราไร่ละ 500 กิโลกรัม แล้วใส่ปุ๋ยเคมี 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยครั้งแรกเมื่อข้าวอายุ 45 วัน โดยใส่ในอัตราไร่ละ 20 กิโลกรัมใช้ปุ๋ยสูตร16-16-8 เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 และมีบางส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อข้าวอายุ 75 วัน โดยใส่ในอัตราไร่ละ 10 กิโลกรัม ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาใช้ปุ๋ยสูตร 16-16-8 และมีบางส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ด้านการใช้สารเคมี พบว่า เกษตรกรทั้งหมดใช้สารเคมี โรคข้าวที่พบมี 2 โรค ได้แก่ โรคไหม้ โรคใบจุดสีน้ำตาล แมลงศัตรูข้าวที่พบ คือ หนอนกอ วัชพืชที่พบ ได้แก่ หญ้าดอกขาว กกขนาก ผักแว่น เทียนนา หญ้าแพรก ผักปราบนา ส่วนใหญ่สำรวจตรวจนับโรคและแมลงศัตรูข้าวก่อนการตัดสินใจใช้สารเคมี และใช้ตอนโรคและแมลงศัตรูข้าวระบาดโดยสำรวจระดับเศรษฐกิจก่อนเป็นส่วนใหญ่ อัตราการใช้สารเคมี พบว่า ส่วนใหญ่ใช้อัตราตามนักวิชาการแนะนำ การใช้สารเคมีกำจัดโรคข้าว พบว่า ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกลุ่มโพรพิโคนาโซล + ไดฟีโนโคนาโซล บางส่วนใช้สารคาร์เบ็นดาซิมและแมนโคเซฟ สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูข้าว พบว่า ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกลุ่มคาร์โบฟูราน 3 G และไดเมทโธเอท สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช พบว่า บางส่วนใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช โดยใช้สารโพรพานิลผสมกับบิวตาคลอร์ ส่วนใหญ่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช แต่ใช้วิธีถอนวัชพืชแทน และเกษตรกรส่วนใหญ่รู้จักการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย ด้านการควบคุมระดับน้ำ พบว่า เกษตรกรทั้งหมดสามารถควบคุมระดับน้ำได้ในระยะกล้า โดยขังน้ำในนาระดับ 5 เซนติเมตร แต่ในระยะถัดมาส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ มีบางส่วนที่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ โดยขังน้ำในนาระดับ 15-20 เซนติเมตร เกษตรกรส่วนใหญ่ระบายน้ำออกก่อนการเก็บเกี่ยวข้าว 10 วัน ด้านการเก็บเกี่ยว พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้วิธีเก็บเกี่ยวเองโดยใช้แรงงานภายในครอบครัวและจ้างเพิ่มบางส่วน รองลงมาจ้างเหมารถเกี่ยวข้าวและจ้างเหมาแรงงานเกี่ยวข้าว และมีบางส่วนที่เก็บเกี่ยวข้าวเองโดยใช้แรงงานภายในครอบครัวอย่างเดียว ปัญหาการผลิตข้าวของเกษตรกรด้านเมล็ดพันธุ์ พบว่า เกษตรกรมีปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ปน ขาดความรู้ความเข้าใจในการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวและการตัดพันธุ์ปน ด้านการเตรียมดิน พบว่า สภาพดินแน่นทำให้ไถยาก และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาแพง ด้านการใช้ปุ๋ยเคมี พบว่า ปัญหาปุ๋ยเคมีมีราคาแพง และปัญหาโครงสร้างของดินเสื่อมทำให้การใส่ปุ๋ยไม่มีคุณภาพ ด้านการใช้สารเคมี พบว่า เกษตรกรขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศัตรูข้าวไม่รู้จักศัตรูธรรมชาติที่ช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชในนาข้าว ด้านการควบคุมระดับน้ำ พบว่า ปัญหานาน้ำฝนและ สภาพพื้นที่นาไม่เสมอทำให้ควบคุมระดับน้ำได้ยาก ด้านการเก็บเกี่ยว พบว่า ปัญหาค่าแรงงานเก็บเกี่ยวแพงและปัญหาข้าวล้มเนื่องจากลมและฝนทำให้เก็บเกี่ยวยาก2. ต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว พบว่า มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 2,456 บาท ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวสูง คือ ค่าปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี มีต้นทุนสูงถึง 980 บาท รองลงมาคือค่าจ้างแรงงานเก็บเกี่ยวและค่าจ้างแรงงานปักดำ มีต้นทุนสูงถึง 800 บาทและค่าเตรียมดิน มีต้นทุน 420 บาท The research aimed to study the process, the problems and the cost of producing rice of rice farmers of Tambon Pa-ao in Muang District of Ubon Ratchathani. The informants in study were the rice farmers in Tambon Pa-ao. The research instrument was a structured interview and data analysis was conducted by descriptive method. The research findings were as follows : 1. As regards the production process, the rice farmers mainly used the rice strain sensitive to sunlight. The rice strain was selected by the rice farmers. Five to ten kilograms of rice strain was required per one rai. In the process of soil preparation, the rice farmers did not burn the rice stumps and the way to prepare the soil was by plowing. The rice farmers used both the chemical fertilizer and organic compost. The organic compost was used before the soil preparation process. The chemical fertilizer was used twice : first it was used when the rice plant was 45 days old and second it was used when the rice plant was 75 days old. Concerning the chemical use,two types of rice disease were found: blast disease and leaf spot. Rice bug found was a straw worm. Besides a variety of weeds was found. The majority of the rice farmers had to survey the prevalence of diseases and bugs before making a decision to use the chemicals. The chemicals were used as per the advice of experts. The rice farmers knew how to use the chemicals correctly and safely. They also knew to control the water level. At the stage of saplings, they kept water in the rice field at a five centimeters high level. The normal water level was 15-29 centimeter high. Water was drained off prior to rice harvesting. In the reaping or harvesting process, the majority of rice farmers harvested rice by themselves or hired some casual laborers. Some rice farmers depended on the machine in harvesting rice. The problems in a production process was the mixed rice strain. The rice farmers did not have knowledge in selecting the proper rice strain. The problem relating to the chemicals was a depleted soil. The chemical, thus, fertilizers used on the soil could not be effective. The rice farmers did not know rice bugs or pests. 2. The average cost in the rice production of the rice farmers in study was 2,456 baht per rai. The factor leading to a higher rising cost was the price of organic compost and chemical fertilizers. The secondary factor was the wage paid to the workers in the rice producing process and last was the cost for the soil preparation.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://www.lib.ubru.ac.th/thesis/Ratthapon_2555/title.pdf
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
คำสำคัญ: เกษตรกรข้าว
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รายละเอียด: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการและปัญหาการผลิตข้าวของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีและศึกษาต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ให้ข้อมูลได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลประอาว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลโดยพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัย พบว่า 1. กระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกรด้านพันธุ์ข้าว พบว่า เกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวไวแสง ส่วนใหญ่ใช้พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 มีบางส่วนใช้พันธุ์ กข.6 และพันธุ์ กข.15 ส่วนใหญ่เก็บเมล็ดพันธุ์เองและปลูกข้าวด้วยวิธีปักดำ โดยใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา ไร่ละ 5-10 กิโลกรัม ด้านการเตรียมดิน พบว่า เกษตรกรทั้งหมดไม่เผาตอซังข้าว ส่วนใหญ่เตรียมดินเองโดยใช้รถไถนา เดินตามไถดะไถแปรแล้วคราดปรับเทือกนา ด้านการใช้ปุ๋ย พบว่า ส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีโดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก่อนการเตรียมดินในอัตราไร่ละ 500 กิโลกรัม แล้วใส่ปุ๋ยเคมี 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยครั้งแรกเมื่อข้าวอายุ 45 วัน โดยใส่ในอัตราไร่ละ 20 กิโลกรัมใช้ปุ๋ยสูตร16-16-8 เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 และมีบางส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อข้าวอายุ 75 วัน โดยใส่ในอัตราไร่ละ 10 กิโลกรัม ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาใช้ปุ๋ยสูตร 16-16-8 และมีบางส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ด้านการใช้สารเคมี พบว่า เกษตรกรทั้งหมดใช้สารเคมี โรคข้าวที่พบมี 2 โรค ได้แก่ โรคไหม้ โรคใบจุดสีน้ำตาล แมลงศัตรูข้าวที่พบ คือ หนอนกอ วัชพืชที่พบ ได้แก่ หญ้าดอกขาว กกขนาก ผักแว่น เทียนนา หญ้าแพรก ผักปราบนา ส่วนใหญ่สำรวจตรวจนับโรคและแมลงศัตรูข้าวก่อนการตัดสินใจใช้สารเคมี และใช้ตอนโรคและแมลงศัตรูข้าวระบาดโดยสำรวจระดับเศรษฐกิจก่อนเป็นส่วนใหญ่ อัตราการใช้สารเคมี พบว่า ส่วนใหญ่ใช้อัตราตามนักวิชาการแนะนำ การใช้สารเคมีกำจัดโรคข้าว พบว่า ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกลุ่มโพรพิโคนาโซล + ไดฟีโนโคนาโซล บางส่วนใช้สารคาร์เบ็นดาซิมและแมนโคเซฟ สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูข้าว พบว่า ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกลุ่มคาร์โบฟูราน 3 G และไดเมทโธเอท สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช พบว่า บางส่วนใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช โดยใช้สารโพรพานิลผสมกับบิวตาคลอร์ ส่วนใหญ่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช แต่ใช้วิธีถอนวัชพืชแทน และเกษตรกรส่วนใหญ่รู้จักการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย ด้านการควบคุมระดับน้ำ พบว่า เกษตรกรทั้งหมดสามารถควบคุมระดับน้ำได้ในระยะกล้า โดยขังน้ำในนาระดับ 5 เซนติเมตร แต่ในระยะถัดมาส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ มีบางส่วนที่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ โดยขังน้ำในนาระดับ 15-20 เซนติเมตร เกษตรกรส่วนใหญ่ระบายน้ำออกก่อนการเก็บเกี่ยวข้าว 10 วัน ด้านการเก็บเกี่ยว พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้วิธีเก็บเกี่ยวเองโดยใช้แรงงานภายในครอบครัวและจ้างเพิ่มบางส่วน รองลงมาจ้างเหมารถเกี่ยวข้าวและจ้างเหมาแรงงานเกี่ยวข้าว และมีบางส่วนที่เก็บเกี่ยวข้าวเองโดยใช้แรงงานภายในครอบครัวอย่างเดียว ปัญหาการผลิตข้าวของเกษตรกรด้านเมล็ดพันธุ์ พบว่า เกษตรกรมีปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ปน ขาดความรู้ความเข้าใจในการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวและการตัดพันธุ์ปน ด้านการเตรียมดิน พบว่า สภาพดินแน่นทำให้ไถยาก และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาแพง ด้านการใช้ปุ๋ยเคมี พบว่า ปัญหาปุ๋ยเคมีมีราคาแพง และปัญหาโครงสร้างของดินเสื่อมทำให้การใส่ปุ๋ยไม่มีคุณภาพ ด้านการใช้สารเคมี พบว่า เกษตรกรขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศัตรูข้าวไม่รู้จักศัตรูธรรมชาติที่ช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชในนาข้าว ด้านการควบคุมระดับน้ำ พบว่า ปัญหานาน้ำฝนและ สภาพพื้นที่นาไม่เสมอทำให้ควบคุมระดับน้ำได้ยาก ด้านการเก็บเกี่ยว พบว่า ปัญหาค่าแรงงานเก็บเกี่ยวแพงและปัญหาข้าวล้มเนื่องจากลมและฝนทำให้เก็บเกี่ยวยาก2. ต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลปะอาว พบว่า มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 2,456 บาท ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวสูง คือ ค่าปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี มีต้นทุนสูงถึง 980 บาท รองลงมาคือค่าจ้างแรงงานเก็บเกี่ยวและค่าจ้างแรงงานปักดำ มีต้นทุนสูงถึง 800 บาทและค่าเตรียมดิน มีต้นทุน 420 บาท The research aimed to study the process, the problems and the cost of producing rice of rice farmers of Tambon Pa-ao in Muang District of Ubon Ratchathani. The informants in study were the rice farmers in Tambon Pa-ao. The research instrument was a structured interview and data analysis was conducted by descriptive method. The research findings were as follows : 1. As regards the production process, the rice farmers mainly used the rice strain sensitive to sunlight. The rice strain was selected by the rice farmers. Five to ten kilograms of rice strain was required per one rai. In the process of soil preparation, the rice farmers did not burn the rice stumps and the way to prepare the soil was by plowing. The rice farmers used both the chemical fertilizer and organic compost. The organic compost was used before the soil preparation process. The chemical fertilizer was used twice : first it was used when the rice plant was 45 days old and second it was used when the rice plant was 75 days old. Concerning the chemical use,two types of rice disease were found: blast disease and leaf spot. Rice bug found was a straw worm. Besides a variety of weeds was found. The majority of the rice farmers had to survey the prevalence of diseases and bugs before making a decision to use the chemicals. The chemicals were used as per the advice of experts. The rice farmers knew how to use the chemicals correctly and safely. They also knew to control the water level. At the stage of saplings, they kept water in the rice field at a five centimeters high level. The normal water level was 15-29 centimeter high. Water was drained off prior to rice harvesting. In the reaping or harvesting process, the majority of rice farmers harvested rice by themselves or hired some casual laborers. Some rice farmers depended on the machine in harvesting rice. The problems in a production process was the mixed rice strain. The rice farmers did not have knowledge in selecting the proper rice strain. The problem relating to the chemicals was a depleted soil. The chemical, thus, fertilizers used on the soil could not be effective. The rice farmers did not know rice bugs or pests. 2. The average cost in the rice production of the rice farmers in study was 2,456 baht per rai. The factor leading to a higher rising cost was the price of organic compost and chemical fertilizers. The secondary factor was the wage paid to the workers in the rice producing process and last was the cost for the soil preparation.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
กระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2550
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
2555
การศึกษากระบวนการผลิตและประสิทธิภาพปุ๋ยน้ำหมักต่อ การผลิตข้าวของเกษตรกรในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา กระบวนการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพบ้านต้นผึ้ง ตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ผลกระทบจากนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียนต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2553 ปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตลำไยนอกฤดูของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตมังคุดเพื่อการส่งออกของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรี การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกข้าวของเกษตรกรในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ความคิดเห็นของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดต่อระดับความรุนแรงของปัญหาที่ส่งผลต่อการประกอบอาชีพปลูกสับปะรด ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง การหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในกระบวนการผลิตเอทานอลจากข้าวโดยใช้เทคนิคการออกแบบการทดลอง การพยากรณ์ค่าคลอโรฟิลล์ในใบข้าวโดยใช้วิธีวิเคราะห์ความถดถอยเชิงเส้นพหุ การศึกษาชนิดและปริมาณของน้ำตาลและกรดอินทรีย์บางชนิดในสารที่หลั่งจากราก (root exudate) ของข้าว 5 พันธุ์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก