สืบค้นงานวิจัย
การประเมินทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วม ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณจังหวัดกาญจนบุรี
วิชัย ก้องรัตนโกศล - กรมประมง
ชื่อเรื่อง: การประเมินทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วม ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณจังหวัดกาญจนบุรี
ชื่อเรื่อง (EN): Assessment of Fisheries Resources, Socio-economic and Community Participation for Fisheries Co-management in Vajiralongkorn Reservoir, Kanchanaburi Province
บทคัดย่อ: การประเมินสภาวะชนบทแบบมีส่วนร่วม และบทบาทของชุมชนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นการจัดการทรัพยากรประมงในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี สุ่มตัวอย่างจากชุมชนที่อาศัยโดยรอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ จำนวน 12 หมู่บ้าน โดยใช้แบบสอบถามและการร่วมสนทนากลุ่มย่อยกับชุมชนเพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน สภาพพื้นที่โดยทั่วไปมีทัศนียภาพสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี มีกลุ่มชาวประมงจากต่างจังหวัด และชุมชนชาวพม่าอพยพมาตั้งถิ่นฐานเข้ามาทำการประมง มีการดำเนินธุรกิจแพท่องเที่ยว การเลี้ยงปลาในกระชัง และรวบรวมสัตว์น้ำเพื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพนิเวศวิทยา และปัญหาปริมาณสัตว์น้ำลดลง และจากการที่ชุมชนดั้งเดิมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของคนจากประเทศพม่าที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นผลให้เกิดปัญหาด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และการประกอบอาชีพที่มั่นคง การเสนอแนวคิดด้านปัญหา และแนวทางแก้ไขร่วมกันของผู้นำชุมชน และชุมชน พบว่าปัญหาการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงปลาในกระชัง และการลดจำนวนของทรัพยากรสัตว์น้ำ เป็นปัญหาหลักที่ต้องการให้กรมประมงเข้ามาร่วมหาแนวทางแก้ไข ส่วนปัญหาด้านการศึกษา และการประกอบอาชีพของคนต่างด้าวต้องได้รับการหาแนวทางแก้ไขโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลจับสัตว์น้ำ การทำการประมงและสภาวะเศรษฐกิจสังคมของชาวประมง พบครัวเรือนที่ทำการประมง 207 ครัวเรือน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามเรือนแพบริเวณร่องน้ำและลำห้วยของพื้นที่ตอนกลางอ่างเก็บน้ำ ครัวเรือนประมงร้อยละ 83.82 ทำการประมงเป็นอาชีพหลัก เครื่องมือที่นิยมใช้ได้แก่ ข่าย เบ็ดราว ลอบ ยอขันช่อ ฉมวก และสวิง และพบมีการเลี้ยงปลาในกระชังรวม 200 ราย 553 กระชัง เครื่องมือข่ายใช้ทำการประมงตลอดทั้งปี มีผลจับสัตว์น้ำจากข่ายเฉลี่ย 11.34 กิโลกรัมต่อรายต่อคืน และมีรายได้เฉลี่ย 255 บาทต่อวัน โดยปริมาณผลจับสัตว์น้ำจากข่ายคิดเป็นร้อยละ 55.5 ของผลจับสัตว์น้ำจากทุกเครื่องมือ โดยครัวเรือนประมงมีรายได้เฉลี่ย 77,192 บาทต่อปี ท่าขึ้นปลาหลักที่ชาวประมงนำสัตว์น้ำไปจำหน่ายรวม 9 ท่า ปริมาฯผลจับสัตว์น้ำที่ประเมินได้มีค่า 793 ตันต่อปี โดยผลจับร้อยละ 6.09 ชาวประมงบริโภคในครัวเรือน ผลจับร้อยละ 10.12 ชาวประมงนำไปจำหน่ายที่ตลาดเทศบาลและแผงค้าริมทางหลวง ร้อยละ 47.93 ชาวประมงนำไปจำหน่ายสดให้กับผู้รวบรวมและท่าขึ้นปลา ผลจับร้อยละ 5.90 นำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และที่เหลือร้อยละ 29.95 ชาวประมงนำไปใช้เป็นอาหารเลี้ยงปลาในกระชัง ส่วนการใช้ประโยชน์ผลจับสัตว์น้ำพบร้อยละ 67.16 ถูกนำไปใช้เพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารของประชากรในพื้นที่บริเวณอ่าง - ๓ – เก็บน้ำ และสัตว์น้ำอีก 32.84 ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อเสริมสร้างโภชนาการแก่ประชาชนบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม ประสิทธิภาพของเครื่องมือแพสะดุ้ง มีผลจับเฉลี่ย 4.36 กิโลกรัมต่อรายต่อคืน โดยกลุ่มแพสะดุ้งบริเวณอ่างเก็บน้ำตอนล่างมีผลจับเฉลี่ยสูงสุด 5.12 กิโลกรัมต่อรายต่อคืน และเดือนกรกฎาคม 2553 มีผลจับเฉลี่ยสูงสุด 5.21 กิโลกรัมต่อรายต่อคืน โดยพื้นที่อ่างเก็บน้ำตอนบน ตอนกลางและตอนล่าง มีผลจับเฉลี่ยสูงในเดือนพฤษภาคม 2553 เดือนธันวาคม 2552 และเดือนกรกฎาคม 2553 ความหลากชนิดของพันธุ์ปลาที่จับได้ด้วยแพสะดุ้ง พบ 17 ชนิด โดยพบปลาแป้นแก้วเป็นองค์ประกอบหลักที่ร้อยละ 50.72 ของน้ำหนักทั้งหมด รองลงมาเป็นปลาซิวแก้วร้อยละ 40.86 โดยน้ำหนักทั้งหมด โดยปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจพบในสัดส่วนที่น้อยมาก เช่น ปลากระมัง ปลาสร้อยนกเขา และปลาซ่า โดยพบบริเวณตอนบนของอ่างเก็บน้ำ สภาวะการเลี้ยงปลาในกระชังพบเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง 232 ราย โดยชนิดปลาที่นิยมเลี้ยง ได้แก่ ปลากดคัง ปลานิล ปลาบู่ ปลาแรด และปลาชนิดอื่นๆ ที่สัดส่วนร้อยละ 64.22, 25.00, 3.45, 3.02 และ 4.31 ตามลำดับ ต้นทุนการเลี้ยงปลากดคัง เท่ากับ 35,276 บาทต่อกระชัง และมีกำไรสุทธิจากการเลี้ยงเท่ากับ 41,724 บาทต่อกระชัง โดยใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 18 เดือน การศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องมือข่าย ของชุดเครื่องมือข่าย 6 ขนาดช่องตา (2.0, 3.0, 4.0, 5.5, 7.0 และ 9.0 เซนติเมตร) จาก 4 จุดสำรวจ รวม 30 เที่ยวสำรวจ พบเครื่องมือข่ายสามารถจับพันธุ์ปลาได้ โดยมีปริมาณความหลากชนิดรวม 43 ชนิด 14 วงศ์ จำแนกเป็นพันธุ์ปลาในวงศ์ปลาตะเพียนมากที่สุด 24 ชนิด ส่วนระดับความหลากชนิดที่พบตามจุดสำรวจ พบมากที่สุดบริเวณบ้านสังขละบุรี รวม 34 ชนิด และระดับความหลากชนิดที่พบตามช่วงเวลามากที่สุดในช่วงน้ำน้อย รวม 41 ชนิด ในส่วนของผลการศึกษาภาพรวมระหว่างช่วงปี 2543 – 2553 พบเครื่องมือข่ายสามารถจับพันธุ์ปลา ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณได้โดยมีความหลากชนิดรวม 62 ชนิด 20 วงศ์ พันธุ์ปลากระมังเป็นชนิดปลาที่มีค่าดัชนีความสัมพันธ์สูงสุดร้อยละ 25.15 เมื่อจำแนกกลุ่มปลาจากชนิดปลาที่พบมากตามนิสัยการกินอาหารพบว่า กลุ่มปลาที่กินพืชเป็นอาหารหลักประกอบด้วย ปลากระมัง และปลาตะเพียน กลุ่มปลาที่กินแพลงก์ตอนพืชเป็นอาหารหลักประกอบด้วย ปลาซ่า และปลาสร้อย-นกเขา กลุ่มปลาที่กินตัวอ่อนแมลงน้ำเป็นอาหารหลักประกอบด้วย ปลาไส้ตันตาแดง และปลาสลาด และกลุ่มปลาที่กินหอยเป็นอาหารหลักประกอบด้วย ปลาหมอช้างเหยียบ และปลาไส้ตันตาขาว ประสิทธิภาพผลจับของเครื่องมือข่าย 30 เที่ยวสำรวจ พบมีค่าเฉลี่ย 504 กรัมต่อพื้นที่ข่าย 100 ตารางเมตรต่อคืน โดยจุดสำรวจบริเวณบ้านเรดาร์ มีผลจับสูงสุดเฉลี่ย 591 กรัมต่อพื้นที่ข่าย 100 ตารางเมตรต่อคืน และในช่วงเวลาน้ำน้อยมีค่าเฉลี่ยผลจับสูงสุด 625 กรัมต่อพื้นที่ข่าย 100 ตารางเมตรต่อคืนส่วนผลจับตามขนาดช่องตาข่าย พบข่ายขนาด 3.0 เซนติเมตร มีค่าผลจับเฉลี่ยสูงสุด 744 กรัมต่อพื้นที่ข่าย 100 ตารางเมตรต่อคืน สำหรับการศึกษาค่าพารามิเตอร์การเลือกจับของข่ายในชนิดพันธุ์ปลาที่พบมากแต่ละชนิด ได้แก่ ปลากระมัง ปลาซ่า ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาไส้ตันตาแดง ปลาสร้อยนกเขา ปลาตะเพียน และปลาสลาด พบมีค่าเท่ากับ 3.397, 4.689, 2.770, 3.681, 4.253, 2.723 และ 3.485 ตามลำดับ โดยค่าพารามิเตอร์การเลือกจับร่วมของข่ายทั้ง 7 ชนิดพันธุ์ปลาพบมีค่าเท่ากับ 3.278 จากผลการศึกษาดังกล่าวเมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับขนาดปลาที่อยู่ในวัยเริ่มเจริญพันธุ์ร้อยละ 50 จึงมีข้อเสนอแนะว่าเพื่อความยั่งยืนของการใช้ประโยชน์ทรัพยากรปลา ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิรากรณ จึงควรกำหนดให้มีการใช้เครื่องมือข่ายที่มีขนาดช่องตาตั้งแต่ 7.0 เซนติเมตร ขึ้นไป - ๔ – พลวัตรประชากรปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและนิเวศน์ ได้แก่ ปลากดเหลือง ปลาแขยงข้างลาย ปลาสลาด ปลาหมอช้างเหยียบ ปลากระมัง ปลากระสูบขีด ปลาซ่า ปลาไส้ตันตาขาว ปลาไส้ตันตาแดง และปลาสร้อยนกเขา มีค่าพารามิเตอร์การเจริญเติบโต ดังนี้ ค่าสัมประสิทธิ์การเจริญเติบโต (ต่อปี) เท่ากับ 0.62, 0.50, 0.52, 0.79, 0.69, 0.74, 0.55, 0.70, 0.58 และ 0.71 ตามลำดับ ค่าสัมประสิทธิ์ของอัตราตายจากการทำการประมง เท่ากับ 0.65, 0.68, 0.62, 0.62, 0.60, 0.42, 0.55, 0.52, 0.59 และ 0.44 ตามลำดับ ผลการประเมินจำนวนประชากรปลาที่เข้ามาแทนที่ ที่ความแรกเริ่มเข้าสู่การทำการประมง พบประชากรปลาซ่า และปลากระมัง มีปริมาณสูงสุด 2,136,477 และ 1,260,859 ตัวที่ความยาว 11.0 และ 7.0 เซนติเมตร ตามลำดับ ส่วนปลาไส้ตันตาแดง และปลากดเหลือง มีประชากรปลาเข้ามาทดแทนในปริมาณที่ต่ำสุด 167,026 และ 215,045 ตัว ที่ความยาวแรกเริ่มเข้าสู่การทำประมง 6.0 และ 12.0 เซนติเมตรตามลำดับ การประเมินค่าระดับผลผลิตสูงสุด (MSY) พบปลากระมัง และปลาซ่า มีค่ามากกว่า 30,000 กิโลกรัม ปลากดเหลือง ปลาหมอช้างเหยียบ และปลาสลาด มีค่าระหว่าง 10,000 – 20,000 กิโลกรัม ปลาแขยงข้างลาย ปลาไส้ตันตาขาว และปลาสร้อยนกเขา มีค่าระหว่าง 3,000 – 5,000 กิโลกรัม ส่วนปลาไส้ตันตาแดงมีค่าต่ำสุด 1,473 กิโลกรัม การปรับลดกำลังลงแรงประมงของปลากดเหลืองลงร้อยละ 60 และร้อยละ 70 ทำให้เกิดผลผลิตสูงสุด และมีมูลค่าสูงสุด ตามลำดับ และปลาหมอช้างเหยียบปรับลดกำลังลงแรงประมงลงร้อยละ 30 และร้อยละ 40 ทำให้เกิดผลผลิตสูงสุด และมีมูลค่าสูงสุด ตามลำดับ แนวทางการจัดการทรัพยากรประมงด้วยการจำลองลำดับชั้นอาหาร จากจำนวนชาวประมง 207 ราย เครื่องมือประมงที่ใช้ทำการประมงตลอดปี 5 ชนิด ได้แก่ เครื่องมือข่าย ยอขันช่อ เบ็ดราว ลอบ และฉมวก โดยมีผลจับสัตว์น้ำเฉลี่ยตามรายเครื่องมือเท่ากับ 11.12, 12.89, 6.68, 12.84 และ 13.16 กิโลกรัมต่อชาวประมงต่อวัน มีจำนวนชาวประมงที่ใช้เครื่องมือแต่ละชนิด เท่ากับ 131, 87, 48, 32 และ 26 ราย ตามลำดับ จากผลวิเคราะห์โครงสร้างประชาคมปลามีลำดับชั้นของการบริโภคระหว่าง 1.00 – 3.20 ผลการวิเคราะห์จากภาพปิรามิดการไหลเวียนของพลังงานและมวลชีวภาพ พบฐานปิรามิดมีความกว้างมากเมื่อเทียบกับจุดยออด แสดงว่าการใช้ประโยชน์ของระดับชั้นอาหารยังไม่สมดุล และประสิทธิภาพการไหลเวียนของมวลชีวภาพระหว่างชั้นอาหารมีค่าค่อนข้างต่ำ เนื่องจากทรัพยากรของลำดับชั้นบนๆ ถูกใช้ประโยชน์เต็มที่จากการถูกกินโดยปลาผู้ล่า หรือถูกจับในการทำการประมง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมประมง
คำสำคัญ: อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วม ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณจังหวัดกาญจนบุรี
กรมประมง
30 กันยายน 2555
กรมประมง
โครงการศึกษาภาวะเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ปัญหา และความต้องการของชาวนา การศึกษาปัจจัยในการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อโครงการจัดการทรัพยากรประมง บริเวณอ่างเก็บน้ำทับทิมสยาม 01 จังหวัดตราด การประเมินสถานภาพทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วมในทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง การประเมินทรัพยากรประมงน้ำจืด เศรษฐกิจสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วมในกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา การประเมินทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วมในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี การประเมินสถานภาพทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการบริหารจัดการประมงแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงและลุ่มน้ำปราจีนบุรี การประเมินสภาวะชนบทแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในแม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำปราจีนบุรี การทำการประมงและเศรษฐกิจสังคมของชาวประมงในทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรประมงของชุมชนท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี การทำการประมงและเศรษฐกิจสังคมของชาวประมงในแม่น้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก