สืบค้นงานวิจัย
โครงการทดสอบประสิทธิภาพพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2554
รัชนีวรรณ ตาฬุมาศสวัสดิ์ - กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการทดสอบประสิทธิภาพพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2554
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัชนีวรรณ ตาฬุมาศสวัสดิ์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายชวลิต ชูขจร ได้อนุมัติหลักการที่ กษ.0213.01 ดำเนินการโดรงการความร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวงร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ พัฒนาสารฝนหลวงและอุปกรณ์ในการปฏิบัติการฝนหลวง โครงการทดสอบประสิทธิภาพพลุสารดูดค เสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2554 โดยได้ทำการทดสอบในพื้นที่ปฏิบัติการจริงในภาคอากาศ ณ ฐานปฏิบัติการ กองบิน 4 อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม - 12 มิถุนายน 2554 และวันที่ 11 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2554 โดยใช้เครื่องบินโจมตีธุรการแบบที่ 2 (AU-23A) ของกองทัพอากาศ ในการปฏิบัติการฝนหลวง ในการทดสอบครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันผลของพลุสารดูดความชื้นที่มีต่อการตกของฝนและเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการนำพลุสารดูด ความชื้นมาใช้ร่วมในการปฏิบัติการ ฝนหลวง และเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ได้ประชุมวางแผนปฏิบัติการร่วม ณ ห้องประชุมการบินฝูงบิน 403 กองบิน 4 โดยมี นายวราวุธ ขันติยานันท์ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นประธานที่ประชุม น.อ.นิมิตร ใคร่กระโทก รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติกิจพิเศษ กรมยุทธการทหารอากาศ และ น.อ. เสกสรร คันธา รองผู้บังคับการกองบิน 4 เป็นประธานที่ประชุมร่วม ได้กำหนดหน้าที่และแผนปฏิบัติการประจำวัน โดยบินทดสอบพลุฯ "แคลเชียม คลอไรด์" และ "โซเดียมคลอไรด์" จำนวน 100 นัด ที่ติดตั้งกับเครื่องบิน AU-23A โดยมีนางรัชนีวรรณ ตาฬุมาศสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าโครงการฯ นักวิชาการฝนหลวง นักบินกองทัพอากาศ นักบินฝนหลวง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการบินทดสอบพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวง ปี 2554 โดยมีเจ้าหน้าที่ดำเนินงานโครงการ รวม 112 คน สรุปได้ดังนี้ 1) การพัฒนาเทดนิดการใช้พลุสารดูดความชื้น (Hygroscopic Fare) เพื่อทำฝนจากสารฝนหลวง 3-4 ชนิด ประกอบด้วยเนื้อพลุน้ำหนัก 800 กรัมต่อนัด อนุภาคของสารที่เผาไหม้ (ควัน) ที่ได้จากการจุดพลุสารดูดความชื้น มีอนุภาค จำนวน 8.582 x1023 อนุภาค และควันมีน้ำหนัก คิดเป็นร้อยละ 20 จะให้สาร "แคลเซียมคลอไรด์" หรือ "โซเดียมคลอไรด์" ขนาดอนุภาคเฉลี่ย 0.7 ไมครอน จากการทบทวนเอกสารงานวิจัย เมื่อเปรียบเทียบโดยน้ำหนักพลุสาร ดูดความชื้น 1 นัดจะเทียบเท่ากับปริมาณการใช้สารแคลเซียมคลอไรด์หรือโซเดียมคลอไรค์ที่เป็นผง 160 กิโลกรัม การทดสอบครั้งนี้ใช้พลุสารดูดความชื้น "แคลเซียมคลอไรด์"แจะ "โซเดียมคลอไรด์" จำนวน 88 นัด ประสิทธิภาพการจุด ติดและระบบอุปกรณ์ในการจุดของพลุร้อยละ 92 และระยะเวลาในการเผาไหมัฉลี่ยนัดละ 6 นาที 2) การปฏิบัติการในแต่ละวัน นักวิชาการจะทำการตรวจอากาศชั้นบนโดยปล่อยบอลลูนตรวจอากาศวิทยุหยั่ง อากาศในตอนเช้าเพื่อประเมินสภาพอากาศ นักวิชาการฝนหลวง นักบินกองทัพอากาศ นักบินฝนหลวง และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันวางแผนการปฏิบัติงานประจำวันทุกวัน วิธีการทดสอบโดยเครื่องบิน AU-23A เครื่องหนึ่งบินทดสอบคู่กับเครื่องตรวจอากาศเรดาร์ และเครื่องบิน AU-23A อีกเครื่องหนึ่งบินทดสอบคู่กับเครื่องบิน SKA-350 นักวิชาการเมฆฟิสิกส์ และนักวิชาการเรดาร์จะประสานกับนักวิชาการที่ปฏิบัติการบนเครื่องบิน AU-23A เพื่อหาพิกัดของกลุ่มเมฆเป้าหมายที่จะขึ้น ปฏิบัติการฝนหลวง จากนั้นนักวิชาการบนเครื่องบิน SKA -350 จะดัดเลือกกลุ่มเมฆทดลองที่อยู่ในเกณฑ์การทำฝนและ กำหนดพิกัดการทำฝนร่วมกัน ช่างเครื่องบินจะทำการติดตั้งพลุสารดูดความชื้นที่บริเวณปีกทั้งสองข้างของเครื่องบิน AU- 23A ซึ่งเมื่อไปถึงกลุ่มเมฆเป้าหมาย เครื่องบิน SKA-350A จะต้องทำการตรวจวัดเมฆฟิสิกส์ของกลุ่มเมฆในรูปแบบ Cloud Base Spectza (ระดับเหนือฐานเมฆ 500 ฟุต) และบันทึกข้อมูลตรวจวัดเมฆฟิสิกส์ไว้รวมทั้งถ่ายภาพกลุ่มเมฆ ทดลองก่อนปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อจะได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับกลุ่มเมฆทดลองหลังจากที่ทำการจุดพลุแล้ว จากนั้นนักบินเครื่องบิน AU-23A จะเป็นผู้ทำการกดสวิทซ์เพื่อทำการจุดพลุทำฝนใต้ฐานเมฆ โดยระทว่างที่มีการจุดพลุ ออกไปแล้วนั้น เรดาร์ตรวจกลุ่มฝนของฝนหลวงจะทำการบันทึกการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเมฆเป้าหมาย ซึ่งทำให้นักวิชาการประเมินผลสามารถนำข้อมูลมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้พลุทำฝนได้อย่างแม่นยำ และในการ ปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เครื่องบิน AU-23A สามารถใช้งานได้ดี 3) ผลการปฏิบัติการกับกลุ่มเมฆทดลองที่อยู่ในเกณฑ์หน่วยทดลองทำฝนเมมอุ่นโดยการจุดพลุใต้ฐานเมฆที่ระดับ ความสูง 3,000-5,000 ฟุต เครื่องบิน AU-23A สามารถบินปฏิบัติการได้ร่วม 21 วัน 41 เที่ยวบิน 74 ชั่วโมง 54 นาที ปฏิบัติการทำฝนกับกลุ่มมฆทดลองรวม 28 กลุ่มเมม ในการคัดเลือกกลุ่มเมมทดลองโดยใช้เครื่องบิน SKA-350 ตรวจวัด เมฆฟิสิกส์ สามารถบินปฏิบัติการได้ รวม 16 วัน 20 เที่ยวบิน 28 ชั่วโมง 15 นาที นักวิชาการเมฆฟิสิกส์คัดเลือกกลุ่มเมฆทดลองที่ไม่ได้ทำฝนจุดพลุ (No-Seed) ได้ 2 กลุ่มเมฆ 4) การดำเนินงานโครงการและปฏิบัติภารกิจจริงในภาคอากาศ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ จึงทำให้ราบว่า การปฏิบัติการทำฝนโดยนำศักยภาพของแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นนี้สรุปได้ว่าการทดสอบปฏิบัติการฝนหลวงด้วยพลุสารดูดความชื้นในสภาวะเมฆอุ่น สามารถเพิ่มปริมาณน้ำฝน และเพิ่มพื้นที่ของการเกิดฝนได้ ในช่วงฤดูฝนซึ่งวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 เป็นการเริ่มต้นฤดูฝน (Monsoon Onset) จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ปี 2554 มีพื้นที่ฝนตกที่ได้จากการปฏิบัติการฝนหลวงเฉลี่ย 35,605 ไร่ (ระหว่าง 1,244 ไร่ ถึง 282,288 ไร่) ครอบคลุมพื้นที่บริเวณบึงบอระเพ็ด อ.เมือง อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ อ.เมือง อ.วัดสิงห์ อ.หันคา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท อ.เมือง อ.โดกสำโรง อ.ท่วุ้ง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี บริเวณอ่างเก็บน้ำกระเสียว อ.ด่านช้าง อหนองหญ้าไทร อ.ดอนจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และ อ.ทนองฉาง อ.บันไร่ อ.ลานสัก อ.สว่างอาร์มณ์ จ อุทัยธานี
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://164.115.23.116:8060/Frontend/download?DocumentID=44&fileIndex=0&originalFileName=24%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%86%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5%202554.pdf
เผยแพร่โดย: กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
คำสำคัญ: สารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวง
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมฝนหลวง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการทดสอบประสิทธิภาพพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2554
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
2555
โครงการปฏิบัติการวิจัยพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวง ปี 2555 โครงการปฏิบัติการวิจัยพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวง ปี 2556 โครงการปฏิบัติการวิจัยพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2557 โครงการศึกษาและทดสอบกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา : ลุ่มน้ำภาคกลาง โครงการการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออก การทดสอบประสิทธิภาพโรงอบยางพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการการใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม SMMS เพื่อการปฏิบัติการฝนหลวง ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง โครงการย่อยที่ 5 โครงการวิเคราะห์ปริมาณสาร THC ในเฮมพ์ ชุดโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตผักอินทรีย์โครงการหลวง โครงการย่อยที่ 1 การวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตผักอินทรีย์โครงการหลวง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก