สืบค้นงานวิจัย
ผลของอัตราปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ขยายเชื้อร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมบนพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดอำนาจเจริญ
กัญญาพร สังข์แก้ว - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ผลของอัตราปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ขยายเชื้อร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมบนพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดอำนาจเจริญ
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of bio-fertilizer rate and manure on yield of water melon on Saline soil, Amnat Charoen province.
บทคัดย่อ: ผลของอัตราปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ขยายเชื้อร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมบนพื้นที่ที่มีศักยภาพการแพร่กระจายดินเค็ม จังหวัดอำนาจเจริญ ดำเนินการ ณ บ้านหนองนกหอ ตำบลดงมะยาง อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ ระยะเวลาดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ถึงเดือนพฤษภาคม 2557 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดินที่ปลูกแตงโมจากการใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับปุ๋ยคอกบนพื้นที่ที่มีศักยภาพการแพร่กระจายดินเค็ม ตลอดจนอัตราที่เหมาะสมของการใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) จากกลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถตรึงไนโตรเจน รวมทั้งละลายฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมที่ปลูกบนพื้นที่ที่มีศักยภาพการแพร่กระจายดินเค็ม และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจภายหลังการจัดการตามตำรับการทดลองต่างๆ วางแผนการทดลองแบบ Randomize Complete Block Design จำนวน 5 ตำรับ 4 ซ้ำ รวม 20 แปลงย่อย ประกอบด้วย ตำรับที่มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) และปุ๋ยคอก (มูลโค) ในอัตราต่างๆ กัน โดยมีการเก็บข้อมูล คือ การเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมี การเจริญเติบโต ผลผลิตของแตงโม และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจภายหลังการจัดการตามตำรับการทดลองต่างๆ จากผลการทดลองพบว่า ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณเปอร์เซ็นต์อินทรียวัตถุ และปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินทั้งก่อนและหลังการทดลองมีค่าไม่แตกต่างกัน ส่วนปริมาณโพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ของดินหลังการทดลองมีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ การเจริญเติบโตของแตงโม (ความยาวของเถา) มีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยตำรับที่ใส่ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) อัตรา 2.4 ตันต่อไร่ ส่งผลให้ต้นแตงโมมีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดเท่ากับ 65.95 125.96 และ 129.24 เซนติเมตร เมื่อมีอายุ 30 40 และ 45 วัน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับแปลงควบคุม ซึ่งมีค่าเท่ากับ 23.60 52.11 และ 86.30 เซนติเมตร องค์ประกอบผลผลิตและผลผลิตรวมแตงโม พบว่า การใช้ปุ๋ยคอก (มูลโค) อัตรา 1.2 ตันต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) อัตรา 1.2 ตันต่อไร่ ทำให้น้ำหนักผลแตงโม มีค่าสูงสุด เท่ากับ 1.78 กิโลกรัมต่อผล สำหรับจำนวนผล มีค่าแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อใส่ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) อัตรา 2.4 ตันต่อไร่ ทำให้แตงโมมีจำนวนผลและผลผลิตรวมมากที่สุด เท่ากับ 1,997 ผลต่อไร่ และ 3,348.70 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังแล้วยังพบว่า การใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) อัตรา 2.4 ตันต่อไร่ ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุด เท่ากับ 50,230.50 บาทต่อไร่ ส่วนแปลงควบคุมให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจต่ำสุด เท่ากับ 5,400 บาทต่อไร่ ดังนั้น อัตราการใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ที่เหมาะสมที่สุดคือ 2.4 ตันต่อไร่
บทคัดย่อ (EN): The research titled “Effect of Bio-Fertilizer rate and manure on yield of watermelon on potential salt affected land, Amnat Charoen province” was conducted during the period of October 2013 to May 2014. The aims were to firstly study the optimal rate of bio-fertilizer (LDD.12) which contented microorganisms that be able to fix nitrogen, dissolved phosphorus and potassium with manure and secondly the effect on the yield of watermelon grown on potential salt affected land. The chemical properties of soils and income were also determined. Randomized complete block design with 5 treatments and 4 replications of 20 plots were applied. The treatments contained various rates of bio-fertilizer (LDD.12) and manure. The changes of soil chemical properties, the growth rate, yield and the income of watermelon data were collected. The results showed that the soil reaction was not statistically significant, and neither were soil organic matter content and the soil phosphorus before and after experiment. On the other hand, the soil potassium, calcium and magnesium content was decreased statistically The growth rate of watermelon was statistically different. The bio-fertilizer (LDD.12) at the rates of 2.4 tons/rai could produce watermelon growth rate as high as 65.95, 125.96 and 129.24 centimeters at the age of 30, 40 and 45 days, respectively while the control plot could produce only the 23.60, 52.11 and 125.96 centimeters, respectively. The application of manure with bio-fertilizer (LDD.12) at the rate of 1.2 ton/rai could produce the highest weight of watermelon which was 1.78 kilogram. In the other hand, the application rate at 2.4 ton/rai of bio-fertilizer (LDD.12) could produce the highest number of watermelons and the gross yield which were 1,997 and 3,348.7 kilogram/rai, respectively. And so could the income at 50,230 baht/rai. The control plot gave the lowest income which was only 5,400 baht/rai. Therefore, the recommended optimal rate of bio-fertilizer was 2.4 tons/rai.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ดินเค็ม
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของอัตราปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ขยายเชื้อร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมบนพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดอำนาจเจริญ
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2557
การเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายคราบเกลือบนผิวดินหลังจากการพัฒนา ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ ตำบลด่านช้าง ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ผลของอัตราปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ขยายเชื้อร่วมกับปุ๋ยคอกต่อผลผลิตแตงโมบนพื้นที่ที่มีศักยภาพการแพร่กระจายดินเค็ม จังหวัดอำนาจเจริญ การใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง ผลของวัสดุอินทรีย์ชนิดต่างๆ ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ในการปรับปรุงดินเค็มเพื่อปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 ผลของปุ๋ยชีวภาพร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ดินเค็ม ผลของการใช้วัสดุอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ พด. 12 ในการปรับปรุงดินเค็มเพื่อปลูกหญ้าเนเปียร์ ผลของการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ แกลบ และพืชปุ๋ยสดบางชนิดร่วมกับยิปซั่มต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวในพื้นที่ดินเค็ม การสำรวจและศึกษารูปแบบและพันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดการดินเพื่อเพิ่มผลผลิตสบู่ดำในพื้นที่ดินเค็ม ชุดดินอุดร การจัดการดินด้วยวัสดุปรับปรุงดินบางชนิดเพื่อปลูกผักหวานป่าบนคันดินบริเวณสระน้ำประจำไร่นาในพื้นที่ดินเค็มจังหวัดร้อยเอ็ด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก