สืบค้นงานวิจัย
การผลิตไอโซฟลาโวน (ไดซีนและเจนีสทีน) จากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 1
ศ.ดร. ไพโรจน์ วิริยจารี - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: การผลิตไอโซฟลาโวน (ไดซีนและเจนีสทีน) จากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 1
ชื่อเรื่อง (EN): Isoflavones (Daidzein and Genistein) Production from Biobean, 1st phase
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ศ.ดร. ไพโรจน์ วิริยจารี
บทคัดย่อ: การจำแนกเชื้อจากผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองหมักสามารถจำแนกได้เป็นเชื้อสายพันธุ์ Bacilles subtilis, Bacills coagulans, Bacilhs licheniformis, Bacills punils และ Bacilus megaterium เปืนจำนวนทั้งหมด 41 ไอไซเลท แบ่งเป็น 9 กลุ่ม คามแหล่งที่มาของตัวอย่างถั่วเหลืองหมัก ไดขแต่ละไอไซลทจะถูกใช้เป็นหัวชื้อบริสุทธิ์ในการหมักถั่วเหลืองและนำไปวิเคราะห์ปริมาณ ไอไซฟลา1วนเพื่อตัดเลือกสาขพัน ธุ์ที่มีความสามารถในการผลิตไอไซฟลาไวนชนิด Aglycones ได้ปริมาณมาก พบว่า Bacillus subilis CROl, Bacilhs subilis NATTOA02, Bacilhus coagulans PR03 และ Bacills megaterium PY03 สามารถผลิตไคซีอิน เจนิสทิอิ่น ไกลซิทีอิน และไอไซ ฟลาไวนรวม ได้ปริมาณสูงที่สุดในแต่ละกลุ่ม ในการหมักพบว่า ความเข้มข้นของเชื้อที่เหมาะสมในการทำเป็นหัวเชื้ออยู่ในช่วง 7-9 log cfuml การใช้ Bacillus subilis CROl, Bacilhs subilis NATTOA02, Bacillus coagulans PR03 และ Bacilus megaterium PY03นปริมาณร้อยละ 36 ของปริมาณถั่เหลืองที่ผ่านการต้มสุกแล้ว จะเป็นสัดส่วนเหมาะสมที่สุดในการหมัก ส่วนสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการหมัก คือ การหมัก ถั่เหลืองแบบแห้ง ไดยทำการบ่มในระบบที่มีการเดิมอากาศ ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเชียส เป็นเวลา 120 ชั่วไมง ในการศึกษาจลนพลศาสตร์ของการหมักแสดงให้เห็นว่า เมื่อเวลาการหมักเพิ่มขึ้น จะทำให้ ปริมาณไคซีอิน เจบิสทิอิน ไกลซิทิอิน และ ไอไซฟลาไวนรวมมีปริมาณสูงขึ้น อัตราการ เปลี่ยนแปลงของไดซิอิน เจนิสทิอิน ไกลซิทิอิน และไอไซฟลาไวนรวมมีค่าเท่ากับ คือ 0.050, 0.040, 0.006 และ 0.094 mg m! hr cfu/100 g น้ำหนักแห้ง คามลำดับ สำหรับการศึกษาผลของการหมักธัญพืช (ถั่วเขียว ถั่วขาว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง และ ถั่วแระญี่ปุ่น) แสดงให้เห็นว่า ปริมาณไอไซฟลาไวนชนิด Aglycones จะมีปริมาณเพิ่มขึ้บเมื่อทำการ หมักถั่วเขียว ถั่วขาว ถั่วลิสง และ ถั่วแระญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามการหมักถั่วแดงและถั่วดำไม่มีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงปริมาณของไอไซฟลาไวนในระหว่างการหมัก
บทคัดย่อ (EN): Forty-one isolates of Bacillus subilis, Bacilus coagulans, Bacillus lichenifornis, Bacillus pumilus and Bacillus megaterium were isolated from fermented soybean. Each isolatc was called the pure starter culture for soybean fermentation. All of the isolates were divided into nine groups from according to the sample sources. Isoflavones were determined from all kinds of fermented soybean sample in order to select the strain that could be able to produce the isoflavone aglycones-rich product. It was found that Bacillus subtilis CRO1, Bacillus subtilis NATTOA02, Bacilas coagulans PR03 and Bacillus mezaterium PY03 were the strains which could produce the highest amount of daidzein, gcnistein, glycitein and total isoflavones in cach group. The optimal condition for soybean fermentation using starter culture was studied. It was found that the suitable pure starter culture was prepared at a concentration of 7-9 log cfu/ml for the highest isoflavone production in fermented soybean. The optimal proportion of Bacilles subtilis CROl, Bacillus subilis NATTOA02, Bacilas coagulans PR03 and Bacillus megalerium PY03 were 36% of the weight of cooked soybcan. The suitable fermentation conditions were solid-statc and was incubated in air-flow system at 30"C for 120 hours. For the study on kinctic fermentation, longer time of fermentation, higher increasing of daidzcin, genistein, glycitein and total isoflavones contents. The rate of changes for those compounds during fcrmcntation were 0.050, 0.040, 0.006 and 0.094 mg-ml-hr cfu/100 g dry weight, respectively. The efiect of cereals fermentation (mung bean, navy bean, black bean, red bean, peanut and vegetable soybean) was investigated. It was found that the fermentation of mung bean, navy bean and vegctable soybcan could increase aglycones content. However, the fermentation of red bean and black bean did not afiect the amount of isoflavones content during fermentation time.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: ถั่วชีวภาพ
คำสำคัญ (EN): Biobean
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ศ.ดร. ไพโรจน์ วิริยจารี. "การผลิตไอโซฟลาโวน (ไดซีนและเจนีสทีน) จากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 1Isoflavones (Daidzein and Genistein) Production from Biobean, 1st phase". มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2553

ศ.ดร. ไพโรจน์ วิริยจารี. "การผลิตไอโซฟลาโวน (ไดซีนและเจนีสทีน) จากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 1Isoflavones (Daidzein and Genistein) Production from Biobean, 1st phase". มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2553. Print.



TARR Wordcloud:
การผลิตไอโซฟลาโวน (ไดซีนและเจนีสทีน) จากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 1
ศ.ดร. ไพโรจน์ วิริยจารี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
30 กันยายน 2553
การผลิตไอโซฟลาโวนชนิดอะไกลโคนจากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 4: การออกแบบระบบการสกัดและการทำไอโซฟลาโวนให้บริสุทธิ์ การผลิตไอโซฟลาโวนชนิดอะไกลโคนจากถั่วชีวภาพ ระยะที่ 3: การออกแบบระบบถังหมักชีวภาพเพื่อผลิตไอโซฟลาโวนโดยเทคโนโลยีเชื้อบริสุทธิ์เริ่มต้น ระดับไอโซฟลาโวนในน้ำนมโค ผลผลิต ส่วนประกอบทางเคมีและลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของถั่วอัลฟัลฟ่า 24 สายพันธุ์ปลูกในพื้นที่อำเภอปากข่อง จังหวัดนครราขสีมา ไอโซฟลาโวน: ไฟโตเอสโตรเจนจากถั่วเหลือง การใช้ถั่วท่าพระสไตโลเลี้ยงแพะเนื้อ ผลการทดสอบผลผลิตหญ้าและถั่ว สถานีพืชอาหารสัตว์ลำปาง การใช้หญ้าและถั่วร่วมกับอาหารข้นระดับต่ำในการขุนกระต่ายส่งตลาด การใช้ถั่วท่าพระสไตโลแห้งเลี้ยงโคเนื้อ การใช้เชื้อ วี-เอ ไมโคไรซ่า เพื่อผลผลิตพืชตระกูลถั่ว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair