สืบค้นงานวิจัย
การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลาก ชนิดโดยชุมชนมีส่วนร่วม
ชุลีมาศ บุญไทย อิวาย - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลาก ชนิดโดยชุมชนมีส่วนร่วม
ชื่อเรื่อง (EN): Improvement and Utilization of Salt-Affected Lowland Area through (Various Species Trees Plantation) with Local Community Participation
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชุลีมาศ บุญไทย อิวาย
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): CHULEEMAS BOONTHAI IWAI
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ในการวิจัยปีที่ 3 (2553) มีต้นไม้ที่ปลูกในพื้นที่ลุ่มดินเก็มบริเวณอ่างเก็บน้ำเอกกษัตริย์สุนทร ต. หนองสิม อ. บรบือ จ. มหาสารคาม จำนวน 21 ชนิด รวม 2,396 ต้น โดยอัตราการรอดตายของต้นไม้ คิด เป็นร้อยละ 63.31 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2553) ในจำนวนต้นไม้ที่รอดตายชนิดที่มีอัตราการรอดตาย สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สนทะเล Casiarina equisetijolia (ร้อยละ 90.16) สะแกน1 Combretum quadrangulare (ร้อยละ 89.53) ปอทะเล Hibiscus tiliaceus (ร้อยละ 83.33) เตยทะเล Pandanus odoratissimus (ร้อยละ 83.33) และ กระดินเทพา Acacia mangiun (ร้อยละ 82.35) ตามลำดับ สำหรับอัตรา การเจริญเติบโต เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงความสูงเฉถี่ยของไม้ยืนต้นแต่ละชนิดเปรียบเทียบกับ ความสูงเฉลี่ยในรอบปีที่ผ่านมา พบว่าชนิคที่โตเร็วที่สุด ได้แก่ แคขาว Sesbania grandifora Desv (ความ สูงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 423) รองลงมา คือ มะขาม Tamarindus indica Lim. (ร้อยละ 323) จิกทะเล Barringtonia asiatica (L.) Kurz (ร้อยละ 268) ตื่นเป็ดทะเล Cerbera odollum Gaertn. (ร้อยละ 208) และ ขี้เพล็กบ้าน Cassia siamea Lam. (ร้อยละ 196) ตามลำดับ ในส่วนการมีส่วนร่วมของชุมชนงานวิจัขในปีที่ 3 ได้ทำการประเมินความคิดเห็นของชุมชนต่อ โครงการวิจัย สำรวจการใช้ประ โยชน์พื้นที่ดินเค็ม และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยใน ปีที่ 2 และให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางเบื้องต้นในการแก้ไขปัญหาดินเค็ม ผลการศึกษาจากการสัมภาษณ์ ตัวแทนครัวเรือนในทุกหมู่บ้านของตำบลหนองสิมจำนวน 171 คน พบว่าชาวบ้านรับรู้เกี่ยวกับ โครงการวิจัยและการดำเนินงานวิจัยไม่ถึงครึ่งของกลุ่มตัวอย่าง (ร้อยละ 49.7) และส่วนใหญ่ยังไม่ชัดเจน ในวัตถุประสงค์และลักษณะงานของโครงการวิจัยเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามร้อยละ 67.06 ของกลุ่มตัวอย่างที่ รับรู้โครงการวิจัขเห็นด้วยกับโครงกรวิจัชในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยคะแนน 2.66 จากคะแนนเต็ม 3) ปัญหา/ อุปสรรดสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านขังลังเลใจในการเข้าร่วมกิจกรรมปลูกไม้ยืนดันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดินเค็ม คือ พื้นที่ในการเพาะปลูกของชาวบ้านมีจำกัด และกอุ่มชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รับรู้เกี่ยวกับโครงการวิจัย ร้อยละ 94.7 ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่ามีการใช้ประโยชน์พื้นที่ทำกินที่ประสบปัญหาดินเค็ม (1 - 7) โดยเฉพาะเพื่อการปลูกข้าว ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกจำกัด ในทางตรงข้ามกันชาวบ้าน ที่ไม่ใช้ประ โชชน์พื้นที่เพราะพื้นที่ดินเต็มปลูกพืชหรือใช้ประ โยชน์ใดๆ ไม่ได้เลย และให้ผลผลิตต่ำไม่ คุ้มค่กับการลงทุน โดขมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ชาวบ้นได้รับจากการใช้ประ โยชน์พื้นที่ดินเค็มเฉพาะจาก การทำนาคิดเป็นมูลค่ 45,577.12 บาทครัวเรือน/ปี (เ = 66) หรือเฉลี่ย 4.245.22 บาท/ไร่ สุดท้ายจากการประ ชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาดินเค็มและการเผยแพร่ ผลงานวิจัยในปีที่ 2 เมื่อวันที่ 20 กันยาชน 2553 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสิม พบว่า ชาวบ้านเห็นด้วยกับกิจกรรมการประ ชุม ( = 83 ค่าเฉลี่ยคะแนน 2.67 จากคะแนนเต็ม 3.00) เนื่องจากช่วย กระตุ้นให้ชาวบ้านอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดินเค็ม และมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ ปัญหาดินเค็มและแนวทางการแก้ไขปัญหา อีกทั้งขังเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะวิจัย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นๆ
บทคัดย่อ (EN): In the third year (2010) of the project, 2,396 trees (21 species) were recorded on the list of trees planted in a discharge area of salt-affected soil adjacent to Akkasatrsuntorn Reservoir, Nong Sim Sub- districut, Borabue District, Mahasarakham Province. The survival rate of trees as to September 2010 is 63.31%. The top five species with highest survival rates include Casuarina equisetifolia (90.16%), Combretum quadrangulare (89.53%), Hibiscus tiliaceus (83.33%), Pandanus odoratissimus (83.33%) and Acacia mangiun (82.35%), respectively. For growth rate, consider change of an average tree height of a species at the studied year with the previous year. The top five species with highest growth rates are Sesbania grandiflora Desv (+423%), Tamarindus indica Linn. (+323%), Barringtonia asiatica (L.) Kurz (+268%), Cerbera odollum Gaertn. (+208%) and Cassia siamea Lam. (+196%), respectively. The study in 2010 regarding community participation included a survey on communitys opinions toward the project on multiple tree species planting for restoration of lowland salt-afiected soil, an investigation of community use of salt-affected soil and a workshop to disseminate research findings to the community. This aimed to help villagers better understand scope of the study that will lead to further participation in salt-affected soil restoration. Firstly, the majority of participants (49.7% of 171 household representatives from all villages) expressed that they did not know about the project, and even those who did so did not clearly understand the project purposes. However, the majority of them (67.06%) reported that they strongly agreed with research project activities (average score 2.66 out of 3.00). Villagers indicated factors hindering their participation in the tree planting activity, which include limited amount of farmlands and not knowing about the research project. Secondly, 94.7% of participants who reported having salt-affected soil in their farmland (n = 76) still use their land, especially rice growing regardless of salt-afiected soil problems due to limited amount of farmland. On the other hand, the main reason farmers did not use salt-affected soil areas because the land is infertitle, resulting in very low yields. Finally, the economic value gained from the use of salt-affected soil, particularly from rice growing is 45,577.12 Baht/household/year (n = 66) or 4,245.22 Baht/Rai (1 ha = 6.25 Rai, the value estimated in 2010). Finally, from the workshop on September 20, 2010 at Nong Sim Tambon, the community expressed positive attitudes toward the research project (average score of villagers agreed with the project is 2.67 out of 3.00, n = 83). The workshop encourages villagers to participate in salt-affected soil restoration. It also helps villagers to better understand about salt-afiected soil problems and basic techniques to reduce salt-affected soil impacts. Lastly, it provides an opportunity for knowledge and idea exchange among villagers, researchers and community/governmental agencies.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: ชุมชนมีส่วนร่วม
คำสำคัญ (EN): Local Community Participation
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลาก ชนิดโดยชุมชนมีส่วนร่วม
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2553
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิด การมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิด (ปีการศึกษาที่3) บทบาทของไม้ยืนต้นหลากชนิดต่อการฟื้นฟูดินเค็มเสื่อมโทรมบนพื้นที่ลาดเอียง II. ความอุดมสมบูรณ์ของดิน การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิดโดยชุมชนมีส่วนร่วม การฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ดินเค็มที่ลุ่มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิด การถ่ายทอดองค์ความรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขาซับแกงไก่สู่ชุมชน การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มดินเค็มโดยการปลูกไม้ยืนต้นหลาก ชนิดโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม บทบาทของไม้ยืนต้นหลากชนิดต่อการฟื้นฟูดินเสื่อมโทรมบนพื้นที่ลาดเอียง I. คุณสมบัติทางกายภาพและตะกอนดิน การใช้ประโยชน์จากเศษเหลือทิ้งของข้าวโพดฝักอ่อนจากโรงงานอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง ความหลากชนิดและการใช้ประโยชน์พื้นที่ของนก ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก