สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวต้านทานต่อสภาพแล้งโดยใช้แหล่งพันธุกรรมจากข้าวป่า ร่วมกับการเพาะเลี้ยงคัพภะอ่อน
ประภา ศรีพิจิตต์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงพันธุ์ข้าวต้านทานต่อสภาพแล้งโดยใช้แหล่งพันธุกรรมจากข้าวป่า ร่วมกับการเพาะเลี้ยงคัพภะอ่อน
ชื่อเรื่อง (EN): Breeding Rice for Drought Resistance using Gene Pool from Wild Rice in Combination with Immature Embryo Culture
บทคัดย่อ: ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีความต้านทานต่อสภาพแล้งโดยการถ่ายทอดลักษณะความต้านทานต่อสภาพแล้งจากข้าวป่า (O. nivara Sharma et Shastry) ไปยังข้าวปลูก (O. sativa L.) พันธุ์ กข 23 และชัยนาท 1โดยวิธีการผสมกลับร่วมกับการเพาะเลี้ยงคัพภะอ่อน ขั้นตอนแรกได้ผสมข้ามระหว่างข้าวปลูกกับข้าวป่า เพื่อผลิตลูกผสมระหว่างชนิดจำนวน 2 คู่ผสม พบว่า อัตราการผสมข้ามติดเมล็ดของคู่ผสม กข 23/O. nivara และ ชัยนาท 1/O. nivara เป็น 50.00 และ 48.00 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หรือเฉลี่ย 49.00 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นช่วยชีวิตคัพภะ (เมล็ด) ลูกผสมชั่วที่ 1 (F1) ที่ได้จากการผสมข้ามโดยการเพาะเลี้ยงคัพภะบนอาหารสังเคราะห์สูตร ? MS พบว่า อัตราการงอกเป็นต้นอ่อนของลูกผสมชั่วที่ 1 ของคู่ผสม กข 23/O. nivara และ ชัยนาท 1/O. nivara เป็น 61.5 และ 61.4 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หรือเฉลี่ย 61.45 เปอร์เซ็นต์ ปลูกต้นลูกผสมชั่วที่ 1 ของทั้ง 2 คู่ผสมจนกระทั่งออกดอกแล้วผสมกลับไปยังข้าวปลูก จำนวน 3 ครั้งเพื่อผลิตลูกผสมกลับชั่วที่ 1 (BC1F1) 2 (BC2F1) และ 3 (BC3F1) พบว่า เมื่อจำนวนครั้งของการผสมกลับเพิ่มขึ้น อัตราการผสมติดเมล็ดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตราการงอกเป็นต้นอ่อนของเมล็ด (คัพภะ) ลูกผสมกลับเมื่อเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์สูตร ? MS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและลักษณะทางเกษตรของลูกผสมชั่วที่ 1 และลูกผสมกลับในชั่วต่างๆ พบว่า ลูกผสมชั่ว 1 มีลักษณะส่วนใหญ่อยู่กึ่งกลางระหว่างพ่อแม่ ยกเว้น ลักษณะการมีหางของเมล็ดและการร่วงหล่นของเมล็ดจากรวงได้ง่ายนั้นใกล้เคียงกับพันธุ์ป่า ส่วนลูกผสมกลับในชั่วต่าง ๆ มีความแปรปรวนในลักษณะทางสัณฐานวิทยาและลักษณะทางเกษตร เนื่องจากการกระจายตัวของจีโนไทป์ แต่ลูกผสมกลับชั่ว 2 และ 3 สามารถนำลักษณะที่ดีของพันธุ์ปลูกกลับคืนมาได้ เช่น ลักษณะเมล็ดไม่มีหาง จากการทดสอบความต้านทานต่อสภาพแล้งของลูกชั่วที่ 3 (F3) และลูกผสมกลับ BC1F3, BC2F3 และ BC3F3 ในระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นโดยการให้คะแนนอาการม้วนใบ ใบแห้ง และการฟื้นตัวจากแล้งด้วยสายตา พบการกระจายตัวของต้นที่ไม่ต้านทานแล้งจนถึงต้นที่ต้านทานแล้ง แต่ต้นส่วนใหญ่ไม่ต้านทานแล้ง และการผสมกลับไปยังข้าวปลูกที่ไม่ต้านทานแล้งมีแนวโน้มทำให้ลูกผสมกลับมีความต้านทานแล้งลดลง อย่างไรก็ตามสามารถคัดเลือกต้นที่มีความต้านทานแล้งสูง จำนวน 13, 5, 4 และ 12 ต้นจากลูกชั่วที่ 3 และลูกผสมกลับ BC1F3, BC2F3 และ BC3F3 ในคู่ผสมทั้งสองตามลำดับ ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีความต้านทานต่อสภาพแล้งโดยการถ่ายทอดลักษณะความต้านทานต่อสภาพแล้งจากข้าวป่า (O. nivara Sharma et Shastry) ไปยังข้าวปลูก (O. sativa L.) พันธุ์ กข 23 และชัยนาท 1โดยวิธีการผสมกลับร่วมกับการเพาะเลี้ยงคัพภะอ่อน ขั้นตอนแรกได้ผสมข้ามระหว่างข้าวปลูกกับข้าวป่า เพื่อผลิตลูกผสมระหว่างชนิดจำนวน 2 คู่ผสม พบว่า อัตราการผสมข้ามติดเมล็ดของคู่ผสม กข 23/O. nivara และ ชัยนาท 1/O. nivara เป็น 50.00 และ 48.00 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หรือเฉลี่ย 49.00 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นช่วยชีวิตคัพภะ (เมล็ด) ลูกผสมชั่วที่ 1 (F1) ที่ได้จากการผสมข้ามโดยการเพาะเลี้ยงคัพภะบนอาหารสังเคราะห์สูตร ? MS พบว่า อัตราการงอกเป็นต้นอ่อนของลูกผสมชั่วที่ 1 ของคู่ผสม กข 23/O. nivara และ ชัยนาท 1/O. nivara เป็น 61.5 และ 61.4 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หรือเฉลี่ย 61.45 เปอร์เซ็นต์ ปลูกต้นลูกผสมชั่วที่ 1 ของทั้ง 2 คู่ผสมจนกระทั่งออกดอกแล้วผสมกลับไปยังข้าวปลูก จำนวน 3 ครั้งเพื่อผลิตลูกผสมกลับชั่วที่ 1 (BC1F1) 2 (BC2F1) และ 3 (BC3F1) พบว่า เมื่อจำนวนครั้งของการผสมกลับเพิ่มขึ้น อัตราการผสมติดเมล็ดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตราการงอกเป็นต้นอ่อนของเมล็ด (คัพภะ) ลูกผสมกลับเมื่อเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์สูตร ? MS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและลักษณะทางเกษตรของลูกผสมชั่วที่ 1 และลูกผสมกลับในชั่วต่างๆ พบว่า ลูกผสมชั่ว 1 มีลักษณะส่วนใหญ่อยู่กึ่งกลางระหว่างพ่อแม่ ยกเว้น ลักษณะการมีหางของเมล็ดและการร่วงหล่นของเมล็ดจากรวงได้ง่ายนั้นใกล้เคียงกับพันธุ์ป่า ส่วนลูกผสมกลับในชั่วต่าง ๆ มีความแปรปรวนในลักษณะทางสัณฐานวิทยาและลักษณะทางเกษตร เนื่องจากการกระจายตัวของจีโนไทป์ แต่ลูกผสมกลับชั่ว 2 และ 3 สามารถนำลักษณะที่ดีของพันธุ์ปลูกกลับคืนมาได้ เช่น ลักษณะเมล็ดไม่มีหาง จากการทดสอบความต้านทานต่อสภาพแล้งของลูกชั่วที่ 3 (F3) และลูกผสมกลับ BC1F3, BC2F3 และ BC3F3 ในระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นโดยการให้คะแนนอาการม้วนใบ ใบแห้ง และการฟื้นตัวจากแล้งด้วยสายตา พบการกระจายตัวของต้นที่ไม่ต้านทานแล้งจนถึงต้นที่ต้านทานแล้ง แต่ต้นส่วนใหญ่ไม่ต้านทานแล้ง และการผสมกลับไปยังข้าวปลูกที่ไม่ต้านทานแล้งมีแนวโน้มทำให้ลูกผสมกลับมีความต้านทานแล้งลดลง อย่างไรก็ตามสามารถคัดเลือกต้นที่มีความต้านทานแล้งสูง จำนวน 13, 5, 4 และ 12 ต้นจากลูกชั่วที่ 3 และลูกผสมกลับ BC1F3, BC2F3 และ BC3F3 ในคู่ผสมทั้งสองตามลำดับ
บทคัดย่อ (EN): The objective of this study was to improve rice resistant to drought stress by transferring drought resistant character from wild rice (O. nivara Sharma et Shastry) to cultivated rice (O. sativa L.) varieties RD23 and CN1 using backcross method and immature embryo culture. Firstly, hybridization between cultivated rice and wild species was made to produce 2 interspecific hybrids. It was shown that seed setting of the crosses RD23/O. nivara and CN 1/O. nivara were 50.00 and 48.00 %, respectively with the average of 49 %. The F1 hybrid seeds (embryos) obtained were rescued by culturing on ? MS medium. Germination rate of the F1 hybrid embryos of the crosses RD23/O. nivara and CN 1/O. nivara were 61.50 and 61.40 %, respectively with the average of 61.45 %. The F1 hybrid seedlings of both crosses were grown until flowering and backcrossed to cultivated rice for 3 times to produce backcross progenies BC1F1, BC2F1 and BC3F1.When the number of backcrossing increased, seed setting and germination rate of the seeds of backcross progenies cultured on ? MS medium tended to increase. Morpho-agronomic characters of the F1 hybrids and backcross progenies (BC1F1, BC2F1 and BC3F1) were investigated. It was found that most of the morpho-agronomic characters of the F1 hybrids were intermediate between their parent except the awn of seed and easy threshability of panicles were closer to wild parent. Whereas the backcross progenies manifested variation in morpho-agronomic characters due to the segregation of the genotypes. However, the BC2F1 and BC3F1 could restore the good morpho-agronomic characters of the cultivated rice parent such as the awnless of seed. The F3, BC1F3, BC2F3 and BC3F3 progenies were screened for drought resistance at vegetative growth stage by visual scoring of leaf rolling, leaf drying and plant recovery. Segregation for susceptible and resistant plants were observed among the progenies, however, most of them were not resistant to drought. Drought resistance of the backcross progenies tended to decrease after backcrossing to the cultivated rice parent which were drought susceptible. However, selection was made for 13, 5, 4 and 12 plants with highly resistant to drought from F3, BC1F3, BC2F3 and BC3F3 progenies of both crosses, respectively. The objective of this study was to improve rice resistant to drought stress by transferring drought resistant character from wild rice (O. nivara Sharma et Shastry) to cultivated rice (O. sativa L.) varieties RD23 and CN1 using backcross method and immature embryo culture. Firstly, hybridization between cultivated rice and wild species was made to produce 2 interspecific hybrids. It was shown that seed setting of the crosses RD23/O. nivara and CN 1/O. nivara were 50.00 and 48.00 %, respectively with the average of 49 %. The F1 hybrid seeds (embryos) obtained were rescued by culturing on ? MS medium. Germination rate of the F1 hybrid embryos of the crosses RD23/O. nivara and CN 1/O. nivara were 61.50 and 61.40 %, respectively with the average of 61.45 %. The F1 hybrid seedlings of both crosses were grown until flowering and backcrossed to cultivated rice for 3 times to produce backcross progenies BC1F1, BC2F1 and BC3F1.When the number of backcrossing increased, seed setting and germination rate of the seeds of backcross progenies cultured on ? MS medium tended to increase. Morpho-agronomic characters of the F1 hybrids and backcross progenies (BC1F1, BC2F1 and BC3F1) were investigated. It was found that most of the morpho-agronomic characters of the F1 hybrids were intermediate between their parent except the awn of seed and easy threshability of panicles were closer to wild parent. Whereas the backcross progenies manifested variation in morpho-agronomic characters due to the segregation of the genotypes. However, the BC2F1 and BC3F1 could restore the good morpho-agronomic characters of the cultivated rice parent such as the awnless of seed. The F3, BC1F3, BC2F3 and BC3F3 progenies were screened for drought resistance at vegetative growth stage by visual scoring of leaf rolling, leaf drying and plant recovery. Segregation for susceptible and resistant plants were observed among the progenies, however, most of them were not resistant to drought. Drought resistance of the backcross progenies tended to decrease after backcrossing to the cultivated rice parent which were drought susceptible. However, selection was made for 13, 5, 4 and 12 plants with highly resistant to drought from F3, BC1F3, BC2F3 and BC3F3 progenies of both crosses, respectively.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ความต้านทานต่อสภาพแล้ง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวต้านทานต่อสภาพแล้งโดยใช้แหล่งพันธุกรรมจากข้าวป่า ร่วมกับการเพาะเลี้ยงคัพภะอ่อน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
การสืบค้นหาแหล่งพันธุกรรมความต้านทานโรคใบหงิกและโรคเขียวเตี้ยของข้าวป่าและข้าวปลูก เพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ ความหลากหลายทางพันธุกรรมของข้าวป่าและข้าววัชพืช การศึกษาจีโนมิกของข้าวป่าชนิด Oryza rufipogon โดยใช้เครื่องหมายทางพันธุกรรมไมโครแซทเทลไลท์ การใช้เศษวัสดุเหลือใช้ของข้าวโพดฝักอ่อนและข้าวโพดหวานเป็นอาหารสัตว์ การใช้เปลือกผักข้าวโพดอ่อนเป็นอาหารสุกรขุน สถานภาพปัจจุบันของการพัฒนาพันธุ์ข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยใช้เครื่องหมายโมเลกุลในประเทศไทย การหมักต้นและเศษเหลือของข้าวโพดฝักอ่อนเสริมด้วยใบกระถิน โดยใช้ถุงหมักเพื่อใช้เป็นอาหารโคนม การใช้ Bacillus subtilis เพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดฝักอ่อน การพัฒนาวัสดุเพาะและการใช้ประโยชน์จากกากต้นอ่อนข้าวสาลี ผลของการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพต่อการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนอินทรีย์ในดินชุด กำแพงแสน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก