สืบค้นงานวิจัย
การผลิตกล้าพริกพิโรธปลอดโรคไวรัสโดยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เกวลิน คุณาศักดากุล - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: การผลิตกล้าพริกพิโรธปลอดโรคไวรัสโดยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ชื่อเรื่อง (EN): Virus-free Seedling Production of Bhut Jolokia Chilli Using Tissue Culture Techniques
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เกวลิน คุณาศักดากุล
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Anchalee Takham
บทคัดย่อ: จากการศึกษาอาการของโรคไวรัสในพริกพิโรธที่ปลูก ณ สถานีเกษตรหลวงปางดะ มูลนิธิโครงการหลวง พบอาการหลายแบบ เช่น ใบด่าง เตี้ยแคระแกรน ใบจุดวงแหวน ใบหดย่น และอาการตายของเนื้อเยื่อส่วนตา และเส้นใบ เมื่อเลือกอาการที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่อาการใบด่างมาทดสอบความสามารถในการถ่ายทอดโรคโดยวิธีเสียบยอด พบว่าสามารถถ่ายทอดลักษณะอาการใบด่างไปยังต้นพริกปกติได้ นอกจากนั้นเมื่อทำการลอกเซลล์เนื้อเยื่อผิวใบ และเซลล์เนื้อเยื่อท่อลำเลียงของใบพริกที่แสดงอาการด่าง ไปตรวจสอบความผิดปกติระดับเซลล์ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ หลังการย้อมด้วยสี Azure II, orange green, toluidine blue และ acridine orange พบ inclusion หลายแบบ คือ crystalline inclusion, cylindrical inclusion และ amorphous inclusion เมื่อทยอยตัดตาข้าง และตายอดของต้นพริกดังกล่าวมาฟอกฆ่าเชื้อที่ผิวและเพาะเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์สูตร MS จำนวนรวม 60 ตา พบว่า ต้นอ่อนพริกที่เจริญส่วนใหญ่ยังคงแสดงอาการใบด่างเช่นเดียวกับต้นแม่ แม้จะเพาะเลี้ยงในรุ่นที่ 2 ในระยะเวลา 3-6 เดือน และจากการนำต้นอ่อนพริกที่แสดงอาการใบด่างอายุ 2 เดือน ไปเพาะเลี้ยงในสภาพอุณหภูมิสูงที่ 35±1 องศาเซลเซียสต่อเนื่อง เป็นเวลา 4 และ 8 สัปดาห์ ช่วงเวลาละ 20 ต้น พบว่าต้นอ่อนพริกรอดตายจำนวน 13 และ 8 ต้น ตามลำดับ เมื่อนำต้นอ่อนพริกที่รอดตายมาตัดเนื้อเยื่อเจริญบริเวณยอด และเลี้ยงอาหารสังเคราะห์สูตร MS ที่เติม BAP ความเข้มข้น 0.04 ppm และ GA3 ความเข้มข้น 0.1 ppm พบการเจริญของชิ้นเนื้อเยื่อเจริญบริเวณยอดไปเป็นต้นอ่อน จำนวนรวม 3 ชิ้น เจริญเป็นแคลลัส รวมจำนวน 13 ชิ้น และแห้งตายรวม 5 ชิ้น จากการนำต้นอ่อนพริกที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเจริญบริเวณยอดจำนวน 3 ต้น ย้ายไปเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์สูตร  MS นาน 2 เดือน พบว่าต้นอ่อนพริกที่ได้ทั้งหมดไม่แสดงอาการใบด่าง แม้ว่าจะปล่อยให้เจริญเป็นเวลานานกว่า 6 เดือนก็ตาม จากนั้นทำการเพิ่มปริมาณต้นอ่อนพริกปลอดโรคไวรัสในสภาพปลอดเชื้อ พบว่าสามารถชักนำให้เกิดยอดได้มากที่สุด เฉลี่ย 4.5 ยอดต่อชิ้นพืช ในอาหารสังเคราะห์สูตร MS ที่เติม BAP ความเข้มข้น 10 ppm ร่วมกับ kinetin ความเข้มข้น 1 ppm สำหรับการทดลองชักนำให้เกิดราก พบว่าสูตรอาหาร MS ที่เติม IAA ความเข้มข้น 2 ppm สามารถชักนำให้เกิดรากในปริมาณที่เหมาะสม และเมื่อย้ายขวดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของต้นอ่อนพริกที่มีราก อายุ 1 เดือน ไปเก็บในสภาพโรงเรือนเป็นเวลา 7 และ 14 วันก่อนย้ายปลูก พบว่าต้นอ่อนพริกมีการรอดชีวิต 85 และ 90 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
บทคัดย่อ (EN): Mosaic, dwarfing, ring spot, leaf curling and necrosis were indicated as the symptoms of viral diseases found in Bhut jolokia chilli grown at Pangda Station, Royal Project Foundation. Various techniques were applied to diagnose the majority mosaic symptom. The positive results of virus transmission by shoot grafting of infected plants on healthy stock plants were observed. For microscopic symptom observation; the micrographs of crystalline inclusion, cylindrical inclusion and amorphous inclusion in the infected plant were detected after the epidermis and vascular leaf cells were stained with Azure II, orange green, toluidine blue and acridine orange. A total of 60 lateral and shoot buds of the virus infected Bhut jolokia chilli plant were surface sterilized and cultured in vitro on MS medium. After 3 - 6 months, the mosaic symptom plantlets even in the second generative propagations were randomly diagnosed for a particular virus infection. However, thermotherapy and meristem tip culture for virus eradication procedures were conducted under two treatments of 35 ±1 oC and       38 ±1 oC using 40 infected plantlets per treatment. Total of 13 and 8 survived plantlets were obtained from         35 ±1 oC continuously treated conditions for 4 and 8 weeks respectively. The meristems of these survived plantlets were excised in 0.5 mm in size, then cultured in MS medium supplemented with 0.04 ppm of BAP and 0.1 ppm of GA3. Three pieces of the meristem were successfully regenerated to complete plantlets while 13 pieces were generated to be calli and 5 pieces were necrosis deaths. The survived plantlets were grown and subcultured on MS medium. Viral symptoms on the plantlets grown in vitro were not found during the long term period of cultures. Diseased free plantlets were propagated on MS medium containing 10 ppm of BAP and 1 ppm of kinetin which produced 4.5 shoots per axillary bud in one month. The separated shoots were rooted successfully on MS medium containing 2 ppm of IAA. Acclimatization was carried out by transferring the bottle of in vitro plantlets to normal condition in greenhouse for 7 and 14 days with survival percentages at 85 and 90 of transferred plantlets in sterilized compost were observed.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: พริกพิโรธ(Bhut jolokia chilli) โรคไวรัส(viral disease) การขยายพันธุ์พืชในสภาพปลอดเชื้อ(micropropagation) การเก็บพืชในสภาพอุณหภูมิสูง(thermotherapy) การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเจริญบริเวณยอด(meristem-tip culture)
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตกล้าพริกพิโรธปลอดโรคไวรัสโดยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2555
วิสาสาเหตุของโรคพริกไทยในประเทศไทย การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออโกลนีมา (Aglaonema) โดยใช้เทคนิค Temporary Immersion การผลิตต้นกล้าพืชสกุลเร่วโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชพื้นเมือง การเพาะเลี้ยงพรรณพืชวงศ์ขิงบางชนิดที่พบที่เขื่อนสิริกิติ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหวายเพื่อปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยาง การปรับปรุงพันธุ์หญ้าแพงโกล่าโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงกบจาน การขยายพันธุ์ต้น Tea Tree โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การพัฒนาระบบขยายพันธุ์ว่านชักมดลูก โดยวิธีการเพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตพืชสมุนไพร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก