สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์
รองศาสตราจาย์ ด.สาธิ โกวิทวที - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Automatic Freshwater Pearl Mussel Cultured Juvenile Stage
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รองศาสตราจาย์ ด.สาธิ โกวิทวที
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: 1. โรงเพาะเลี้ยงและอนุบาลหอยมุกน้้าจืด โรงเพาะเลี้ยงและอนุบาลหอยมุกน้้าจืด ได้ออกแบบ ให้ครอบคลุมการเลี้ยงหอยมุกน้้าจืด ตั้งแต่ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียจนถึงหอยระยะจูวีไนล์ รวมทั้งการปฏิบัติงานของนักวิจัยให้ สามารถ ท้างานภายในโรงเพาะเลี้ยงหอยและอนุบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกอบด้วย ห้องส้านักงาน ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้้า ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงโกลคิเดีย ห้องปฏิบัติการเตรียมอาหาร สัตว์น้้า ห้องปฏิบัติการเตรียมตัวอย่างสัตว์น้้า ห้องเลี้ยงแพลงก์ตอนพืช ห้องเต รียมอุปกรณ์เลี้ยง แพลงก์ตอนพืช ห้องปฏิบัติการเลี้ยงจูวีไนล์อายุ 0-90 วัน ห้องปฏิบัติการจูวีไนล์อายุ 90-150 วัน โรง เลี้ยงแพลงก์ตอนพืช ห้องนอน จ้านวน 2 ห้องที่มีห้องน้้าภายใน และห้องน้้าส่วนกลาง 1 ห้อง 2. ระบบการเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดอัตโนมัติ การพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์ แบ่งระบบการเลี้ยงเป็น 2 ช่วงอายุ ช่วงแรก ตั้งแต่ระยะจูวีไนล์เริ่มแรก (0 วัน) จนถึง หอยอายุ 90 วัน และช่วงที่สอง ตั้งแต่หอยอายุ 90 จนถึง 150 วัน ส้าหรับช่วงแรกประกอบด้วย 4 ระบบหลักที่ส้าคัญคือ ระบบการให้อาหาร โดยมีการ ให้อาหารวันละ 4 ครั้ง (2) ระบบควบคุมคุณภาพน้้าส้าหรับเลี้ยงหอย ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยปรับคุณภาพ น้้าให้เหมาะสมส้าหรับหอย โดยน้้าจาก ภาชนะเลี้ยงหอยจะไหลออกจาก ภาชนะ แล้วมีการบ้าบัดน้้า โดยผ่านกระบวนการกรองตะกอนของเสียและเศษอาหารจากหอย กระบวนการก้าจัดแอมโมเนีย ไนโตรเจน ด้วยพืชน้้าและจุลินทรีย์ กระบวนการก้าจัดสารอินทรีย์ที่ละลายน้้า และกระบวนการฆ่า เชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (UV) (3) ระบบการท้าความสะอาดห อยและทรายซึ่งเป็น ที่อยู่ของหอย โดยท้าความสะอาดหอยและทรายอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง รวมทั้งการเปลี่ยนน้้าภายใน ภาชนะเลี้ยง หอย และ (4) ระบบการให้อากาศตลอด 24 ชั่วโมง ส้าหรับช่วงที่สอง เลี้ยงหอยอายุ 90-150 วัน ประกอบด้วย 4 ระบบหลักที่ส้าคัญคือ (1) ระบบการไหลเวียนของน้้า อุณหภูมิน้้า (2) ระบบควบคุม การให้อาหาร (3) ระบบควบคุมระดับน้้าเลี้ยงหอย และ (4) ระบบควบคุมการให้อากาศภายในถัง เลี้ยงหอยอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าการพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติ จะช่วยรองรับ อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดและไข่มุกน้้าจืด อุตสาหกรรมจากการใช้เปลือกหอยมุกน้้าจืด ในการท้าเฟอร์นิเจอร์ประดับมุ ก เครื่องประดับ และของที่ระลึก ในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งการอนุรักษ์ หอยมุกน้้าจืดอีกด้วย นอกจากนี้ระบบการเลี้ยงแบบอัตโนมัติดังกล่าวสามารถน้าไปใช้เลี้ยงหอยมุกน้้าจืดชนิดต่างๆ ได้ เนื่องจากพฤติกรรมการกินอาหารและสภาพแวดล้อมของหอยมุกน้้าจืดแต่ละชนิด มี ความใกล้เคียงกัน 3. การทดลองเพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืด Hyriopsis bialata ในระบบปิดและระบบอัตโนมัติ ผลการทดลอง เพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดในระบบเลี้ยงอัตโนมัติ ตลอดการทดลองไม่สามารถ ผลิต หอยระยะจูวีไนล์ Chamberlainia hainesiana ให้ได้เพียงพอต่อการทดลองเลี้ยงใน ระบบ อัตโนมัติ เนื่องจากตั้งแต่เริ่มด้าเนินการทดลอง(พ.ศ. 2557) จนถึงปัจจุบันพบว่าปัญหาสภาพแวดล้อมที่ เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและมากขึ้น โดยเฉพาะอุณหภูมิน้้ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในรอบ วัน และมีแนวโน้มจะสูงขึ้น รวมทั้งคุณภาพน้้าที่มีปัญหาเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการสืบพันธุ์และการเจริญ ของตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่จะน้ามาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ (in vitro) และการเกาะกับโฮสต์ (in vivo) เพื่อผลิตหอยระยะจูวีไนล์ได้น้อยลง อย่างไรก็ตามคณะผู้วิจัยได้พยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อจะ แก้ปัญหาดังกล่ าว ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึง ได้น้าตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ ของ Hyriopsis bialata ซึ่งสามารถสืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีรวมทั้งคณะผู้วิจัยได้เคย ท้าการเพาะเลี้ยงได้ครบวงจรชีวิต แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลต่อการเจริญของตัวอ่อนของ H. bialata เช่นเดียวกันกับ C. hainesiana ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นจึงได้ทดลองเกี่ยวกับผล ของอุณหภูมิน้้าต่อการเจริญของตัวอ่อน ระยะโกลคิเดียของแม่หอย H. bialata ผลจากการทดลอง เพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืด H. bialata พบว่าอุณหภูมิน้้า มีผลต่อการเจริญของตัวอ่อน ระยะโกลคิเดีย ของแม่หอย H. bialata ตามที่ได้ตั้งสมมติฐานไว้ และนับเป็นครั้งแรกที่สามารถเหนี่ยวน้าแม่หอยที่มี ตัวอ่อนระยะเริ่มแรกของการเจริญทั้งระยะ cleavage (มาร์ซูเปียสีขาว) หรือ ระยะ blastula (มาร์ซู เปียสีเหลือง ) เจริญไปเป็น ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้เวลาในการ เจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ ภายใน 7-9 วัน จ้านวนวันจะขึ้นอยู่ระยะตัวอ่อนที่ น้ามาเลี้ยง ถ้ามาร์ซูเปียสีขาวจะใช้เวลา 9 -10 วัน ถ้ามาร์ซูเปียสีเหลืองจะใช้เวลา 7-8 วัน จากนั้นได้ น้าตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่มาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ภายใต้สภาวะปลอดเชื้อ จนได้หอย ระยะจูวีไนล์อายุ 0 วัน แล้วน้ามาเลี้ยงเปรียบเทียบระหว่างเลี้ยง ในระบบปิดและระบบ อัตโนมัติที่ ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงสัตว์น้้า มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จนอายุครบ 40 วัน ผล จากการทดลองเลี้ยงพบว่า ในระบบอัตโนมัติมีการเจริญเติบโต และการรอดตายสูงกว่าเลี้ยงในระบบ ปิด ความยาวเฉลี่ยของเปลือกเท่ากับ 489.33±44.48 และ 436±35 ไมโครเมตร ความสูงเฉลี่ยของ เปลือก เท่ากับ 406.0±35.29 และ 373.33±41.13 ไมโครเมตร และการรอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 38.44 และ 18.56 ตามล้าดับ จากนั้นน้าหอยระยะจูวีไนล์อายุ 40 วันที่เลี้ยงในระบบอัตโนมัติมาเลี้ยง ต่อจนอายุ 90 วัน พบว่ามีความยาวเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 4.18±0.41 มิลลิเมตร ความสูงเฉลี่ยของ เปลือก เท่ากับ 2.04±0.14 มิลลิเมตร และการรอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 38.6 แล้วน้าหอยระยะจูวีไนล์อายุ 90 วัน มาเลี้ยงต่อที่โรงเพาะเลี้ยงและอนุบาลหอยมุกน้้าจืด วิทยาเขตอู่ทองทวารวดี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จังหวัดสุพรรณบุรี จนอายุ 150 วัน ผลจากการศึกษา พบว่ามีความยาวเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 21.18±2.75 มิลลิเมตร ความสูงเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 14.83±2.32 มิลลิเมตร และการรอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 85.83 โดยคุณภาพน้้าที่เลี้ยงในช่วงอายุ 0 – 150 วัน ใกล้เคียงกับบริเวณที่หอยอาศัยอยู่ 4. การทดลองเพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืด C. hainesiana ในระบบเลี้ยงอัตโนมัติ จากการ ที่ประสบความส้าเร็จในการเหนี่ยวน้าให้ ตัวอ่อนในมาร์ซูเปียของ H. bialata สามารถเจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ ได้จึงได้น้าวิธีการดังกล่าว มาประยุกต์ใช้กับ C. hainesiana โดยน้าแม่หอย ที่มีมาร์ซูเปียสีขาวมาเลี้ยงที่ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงโกลคิเดีย ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน พบว่าแม่หอย สามารถมีชีวิตและตัวอ่อนสามารถเจริญอยู่ในระยะแกสตรูลา แต่แม่หอยได้ขับตัวอ่อนออกมาในวันที่ 5 ของการเลี้ยง ทั้งนี้คาดว่าแม่หอยมีขนาดใหญ่ (ความยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร) โดยปริมาตร น้้าที่เลี้ยงค่อนข้างน้อย (3 ลิตร) ซึ่งน้้าที่ใช้เลี้ยงมาจากแหล่งน้้าที่เลี้ยงหอยผสมกับน้้าจากถังพักน้้า เพียงอัตราส่วน 1:1 ซึ่งอาจส่งผลท้าให้คุณสมบัติของน้้าที่เลี้ยงอาจจะไม่เหมาะสม ทั้ งนี้เนื่องจาก การศึกษาดังกล่าวมีข้อจ้ากัดในการขนน้้ามาจากอ่างเก็บน้้าเขื่อนแม่กลอง อย่างไรก็ตามคณะผู้วิจัยได้ ลองน้า C. hainesiana ที่มีมาร์ซูเปียสีขาวมาเลี้ยงในโรงเพาะเลี้ยงศูนย์วิจัยและพัฒนาการพาะเลี้ยง สัตว์น้้าจืด เขต 10 (กาญจนบุรี) พบว่าตัวอ่อนส่วนใหญ่สามารถเ จริญไปเป็นระยะโกลคิเดียที่เจริญ เต็มที่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่สามารถได้ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์โดยใช้เวลา 5-6 วัน ในการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวอ่อนระยะจูวีไนล์เริ่มแรก น้าหอยระยะจูวีไนล์เริ่มแรกอายุ 0 วัน มาเลี้ยงในฟลาส(ระบบปิด) ขนาด 500 มิลลิลิตร ใส่ทราย น้้า สาหร่าย เช่นเดียวกับการเลี้ยง หอย ระยะจูวีไนล์H. bialata จากการทดลองเปรียบเทียบหาช่วงอายุของหอยระยะจูวีไนล์ที่เลี้ยงในฟลาส (ตั้งแต่อายุ 10, 20 และ 30 วัน) เพื่อหาช่วงอายุที่เหมาะสมที่จะน้าไปเลี้ยงใน ระบบอัตโนมัติผลจาก การทดลองพบว่าหอยระยะจูวีไนล์ของช่วงอายุ 20 และ 30 วัน มีการเจริญเติบโตของความยาวและ ความสูง สูงกว่าลูกหอยในช่วงอายุ 10 วัน โดยช่วงอายุ 20 และ 30 วัน มีความยาวเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 420, 810 และ 870 ไมโครเมตร ความสูงเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 320, 635 และ 680 ไมโครเมตร และการรอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 26.04, 45.28 และ 51.32 ตามล้าดับ จากนั้นได้เลี้ยง หอยระยะจูวีไนล์อายุ 20 วัน ที่อยู่ในระบบอัตโนมัติต่อ ซึ่งสามารถเลี้ยงได้จนถึงอายุ 150 วัน โดย ช่วงอายุ 20–90 วัน จะเลี้ยงที่ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงสัตว์น้้า มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านส มเด็จ เจ้าพระยา พบว่า มีความ ยาวเฉลี่ยของเปลือก เท่ากับ 5.71 มิลลิเมตร ความ สูงเฉลี่ยของ เปลือก เท่ากับ 4.56 มิลลิเมตร และการรอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 67.07 แล้วน้าหอยระยะจูวีไนล์อายุ 90 วันมาเลี้ยงต่อที่โรงเพาะเลี้ยงและอนุบาลหอยมุกน้้าจืด วิทยาเขตอู่ทองทวารวดี มหาวิทยาลัยราชภัฏ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา จังหวัดสุพรรณบุรี จนถึงอายุ 150 วัน ผลจากการศึกษาพบว่ามีความยาวเฉลี่ย ของเปลือก เท่ากับ 36.68 มิลลิเมตร ความสูงเฉลี่ยของ เปลือก เท่ากับ 29.95 มิลลิเมตร และการ รอดตาย เท่ากับ ร้อยละ 96.0 5. การทดลองเลี้ยง แม่หอยมุกน้้าจืด C. hainesiana ในระบบควบคุมอุณหภูมิ น้้า และ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญของตัวอ่อน ในห้องปฏิบัติการ จากผลการทดลองเลี้ยง H. bialata และ C. hainesiana (ข้อที่ 3 และ 4) ท้าให้ทราบว่า จะต้องน้าแม่หอยที่มีระยะตัวอ่อนมาเลี้ยงในสภาพแวดล้อม ที่มีอุณหภูมิน้้าที่เหมาะสมและคงที่ จึงจะ ท้าให้มีการเจริญของระยะตัวอ่อนไปเป็นระยะโกลคิเดียที่ เจริญเต็มที่ได้ พร้อมกันนี้ทางคณะผู้วิจัยได้ สร้างเครื่องควบคุมอุณหภูมิน้้า ในห้องปฏิบัติการ พบว่าตัวอ่อนที่อยู่ใน แม่หอยสามารถเจริญเป็นตัว อ่อนระยะโกลคิเดียได้ แต่มีข้อจ้ากัดพบว่าจ้านวนแม่หอย ที่มีการเจริญของตัวอ่อนมีน้อยมาก รวมทั้ง เจริญไม่เต็มแผ่นเหงือก และการเจริญของตัวอ่อนไม่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม จากการใช้เครื่องควบคุม อุณหภูมิน้้าได้แม่หอยที่สามารถเจริญของตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่พร้อมกัน จ้านวน 2 ตัว แต่จ้านวน โกลคิเดียที่ได้มีจ้านวนน้อย เนื่องจากจ้านวนตัวอ่อนเริ่มต้นมีน้อย ได้น้าโกลคิเดียจากแม่หอยทั้งหมด มาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ ผลจากการทดลองสามารถได้ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียมาเลี้ยงในอาหาร สังเคราะห์โดยใช้เวลา 6-8 วัน การเปลี่ยนแปลงจากตัวอ่อนระยะโกลคิเดียไปเป็นหอยระยะจูวีไนล์ ประมาณร้อยละ 50-68 ซึ่งระยะเวลาและจ้านวนการเปลี่ยนแปลงจากตัวอ่อนระยะโกลคิเดียไปเป็น หอยระยะจูวีไนล์ ขึ้นอยู่ความสมบูรณ์ของการเจริญของตัวอ่อน นอกจากนี้ในระหว่างการด้าเนินการ ทดลอง ได้มีการปรับการ หมุนเวียนของน้้า ปริมาณอาหารที่ให้ รวมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้ เหมาะสมต่อการเจริญของตัวอ่อน เช่นการท้าความสะอาด ภาชนะส้าหรับเลี้ยงหอย การเอามูลหอย จากระบบ) จ้านวนหอยที่เหมาะสมต่อเครื่องควบคุมอุณหภูมิ และการหมุนเวียนของอากาศภายในตู้ ซึ่งเป็นข้อมูลในการน้าไปพัฒนาการเลี้ยงแม่หอยต่อไป 6. การสร้างระบบควบคุมอุณหภูมิน้้าและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเหนี่ยวน้าให้ตัวอ่อนในแม่ หอยมุกน้้าจืด C. hainesiana เจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ในภาคสนาม จากผลการทดลองเลี้ยง C. hainesiana ในระบบควบคุมอุณหภูมิน้้า การหมุนเวียนของน้้า ปริมาณอาหารที่ให้ รวมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเจริญของตัวอ่อน ในห้องปฏิบัติการ (ข้อที่ 5) ได้น้ามาพัฒนาเลี้ยงหอยมุกน้้าจืด C. hainesiana โดยมีการสร้างระบบควบคุมอุณหภูมิน้้า และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมใน ภาคสนาม เพื่อเหนี่ยวน้าให้ตัวอ่อน ในแม่หอยมุกน้้าจืด เจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็ม ที่ โดยติดตั้งระบบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้้าจืดเขต 10 (กาญจนบุรี) อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรีส้าหรับ เครื่องควบคุมอุณหภูมิน้้า และ สภาพแวดล้อมมี2 ระบบ แต่ละระบบท้าหน้าที่ต่างกันคือ ระบบที่ 1 ถังเลี้ยงแม่หอยสามารถปรับ อุณหภูมิน้้าในอ่างเก็บน้้าที่เลี้ยงแม่หอยให้ลดลงทีละ 1-2 องศาเซลเซียส จนได้อุณหภูมิ 25 องศา เซลเซียส ซึ่งระบบที่ 1 จะประกอบไปด้วย ถังเลี้ยงแม่หอย เครื่องท้าความเย็น ระบบควบคุมความ เย็น ระบบหมุนเวียนน้้า และระบบให้อากาศ ส่วนระบบที่ 2 เป็นระบบที่รองรับจากระบบที่ 1 เมื่อลด อุณหภูมิได้ที่ 25 องศาเซลเซียสแล้ว แม่หอยจะย้ายมาเลี้ยงในระบบที่ 2 ซึ่งจะควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ตลอดการเลี้ยง พร้อมมีระบบหมุนเวียนน้้าแบบเปิด ระบบให้อากาศ และระบบให้แพลงก์ตอนพืช แต่ประสบปัญหาไม่สามารถท้าการทดลองได้เต็มที่ เนื่องจากมีแม่หอยที่มีตัวอ่อนไม่มากพอ ตามที่ได้ กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามเป็นแนวทางในการพัฒนาการเลี้ยง ตัวอ่อนในแม่หอยมุกน้้าจืด เจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะโกลคิเดียที่เจริญเต็มที่ ในครั้งต่อไป 7. ทราบแนวทางที่จะผลิตตัวอ่อนระยะโกลคิเดียและระยะจูวีไนล์ของหอยมุกน้้าจืด C. hainesiana การผลิตตัวอ่อนระยะโกลคิเดีย และ ระยะจูวีไนล์ของหอยมุกน้้าจืด C. hainesiana ที่มี คุณภาพและได้ผลผลิตตามที่ต้องการ นับว่ามีความส้าคัญต่อการ เพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดให้ครบวงจร ชีวิต รวมทั้งรองรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้้าจืด การใช้ประโยชน์จากเปลือกของหอย และ การอนุรักษ์ให้มีหอยมุกน้้าจืด C. hainesiana อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป โดยจ้าเป็นจะต้องด้าเนินการดังนี้ 1) การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตหอยของทุกระยะอย่าง มี คุณภาพและได้ผลผลิตตามที่ต้องการ 2) สร้างระบบการเลี้ยง อัตโนมัติที่ไม่พึ่งธรรมชาติหรือพึ่งธรรมชาติน้อยที่สุด (เลี้ยงในโรง เพาะเลี้ยงและอนุบาล ) ที่สามารถควบคุม สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการสืบพันธุ์ และการ เจริญ ของตัวอ่อนระยะโกลคิเดีย ตั้งแต่การผสมพันธุ์ และการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ส้าหรับการทดลอง ครั้งนี้ได้ด้าเนินการไปแล้วบางส่วน โดยสามารถเหนี่ยวน้าการเจริญของ ตัวอ่อนในแม่หอยไปเป็นตัว อ่อนระยะโกลคิเดีย ซึ่งระบบการเลี้ยง ประกอบด้วย ระบบควบคุมอุณหภูมิน้้า ระบบการให้อาหาร และการให้อากาศ ที่ส้าคัญผู้ปฏิบัติงานเพียงคนเดียวสามารถควบคุมการเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดทุกระยะ ได้ ด้วยการใช้เครื่องมืออัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่ และสามารถปรับเปลี่ยนการควรคุมการเพาะเลี้ยงหอย มุกน้้าจืดได้ตลอดเวลา 3) การพัฒนาการผลิตอาหารที่มีโครงสร้างเหมาะสมต่อการอนุบาลและเลี้ยงหอยระยะจูวี ไนล์ โดยเฉพาะสาหร่ายเซลล์เดียวที่หอยสามารถย่อยและดูดซึมอาหารไปใช้ในการด้ารงชีวิตได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ อันส่งผลต่อการเจริญเติบโตและอัตราการรอดตายที่สูงขึ้น8. ประโยชน์ที่จะได้รับจากผลงานวิจัย เมื่อเสร็จสิ้นโครงการวิจัยอย่างสมบูรณ์สิ่งที่ได้จากผลการวิจัยคือ 1. ต้นแบบเครื่องเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดระยะเริ่มแรกจนอายุ 90 และ 90-150 วัน แบบอัตโนมัติ ซึ่งออกแบบครอบคลุมการเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดตั้งแต่ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียจนถึงหอยระยะจูวีไนล์ 2. ต้นแบบโรงเพาะเลี้ยงและอนุบาลหอยมุกน้้าจืด ซึ่งออกแบบครอบคลุมการเลี้ยงหอยมุก น้้าจืดตั้งแต่ตัวอ่อนระยะโกลคิเดียจนถึงหอยระยะจูวีไนล์ รวมทั้งการปฏิบัติงานของนักวิจัยให้สามารถ ท้างานภายในโรงเพาะเลี้ยงหอยและอนุบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง 3. ทางคณะผู้วิจัยและผู้ประสานงานโครงการวิจัยของส้านักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ก้าลังด้าเนินการขอจดสิทธิบัตรเครื่องเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์ 4. แหล่งเรียนรู้ด้านการเพาะเลี้ยงหอยมุกน้้าจืดจนครบวงจร ที่สามารถน้าไปใช้ในการ อนุรักษ์ รวมทั้งสู่การผลิตหอยมุกน้้าจืดอย่างยั่งยืน 5. สามารถพัฒนาระบบการเลี้ยงแบบบอัตโนมัติของหอยมุกน้้าจืด ไปสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้้า ชนิดอื่น ๆ 6. ผลงานวิจัยที่ได้รับการเสนอผลงานวิจัยในระดับชาติหรือนานาชาติ อย่างน้อยจ้านวน 2 เรื่อง ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการเมื่อเสร็จสมบูรณ์ ได้แก่ 1. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการพาะเลี้ยงสัตว์น้้าจืด เขต 10 (กาญจนบุรี) 2. เกษตรกร หรือประชาชนที่ประกอบอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้้า 3. นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่สนใจด้านการเพาะเลี้ยงหอย มุกน้้าจืด 4. สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงาน ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับหอยมุกน้้าจืด เช่น มหาวิทยาลัย ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ระบบการเลี้ยงอัติโนมัติ
เจ้าของลิขสิทธิ์: คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2557
โครงการพัฒนาระบบอาหารของประเทศไทย: การวางภาพกรอบระบบอาหารและการวิเคราะห์และพัฒนาระบบอาหารส่วน “การค้า การกระจายและการบริการอาหาร” การพัฒนาระบบอาหาร (Food system) ของประเทศไทย : ระบบการผลิตสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหาร การพัฒนาระบบช่วยลดความเครียดจากความร้อนในโคแบบแม่นยํา การพัฒนาต่อยอดการเพาะเลี้ยงปลิงทะเล Holothuria scabra เชิงพาณิชย์ การพัฒนาต้นแบบบ่อเลี้ยงกุ้งไร้ดินระบบปิดที่เน้นกระบวนการบำบัดไนตริฟิเคชันเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำและลดการเกิดโรคระบาดอย่างครบวงจร การวิจัยและพัฒนาสารสกัดมะละกอ สําหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ําในอนาคต ระยะที่ 2 การพัฒนาอาหารสำเร็จรูปสำหรับขุนเลี้ยงแม่ปูทะเล (Scylla paramamosain, Estampador, 1949) ให้มีไข่นอกกระดอง การพัฒนาระบบการเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ (พรีเมี่ยม) เพื่อการเพิ่มมูลค่าและการสร้างศักยภาพการส่งออก การพัฒนารูปแบบการเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล (Chanos chanos Forsskal, 1775) ในบ่อดินสู่เชิงพาณิชย์ ผลิตภัณฑ์กล้าเชื้อเฮเทอโรโทรฟิคไนตริไฟอิงแบคทีเรียทนเค็มสำหรับบำบัดสารอนินทรีย์ไนโตรเจนในระบบการเลี้ยงกุ้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก