สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพริกแบบผสมผสานเพื่อเพิ่มคุณภาพพริกชี้ฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
สุทธินี เจริญคิด - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพริกแบบผสมผสานเพื่อเพิ่มคุณภาพพริกชี้ฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
ชื่อเรื่อง (EN): Technology Testing and Development on Integrated Chili Production for Quality Improvement in Upper Northern Region
บทคัดย่อ: การทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพริกแบบผสมผสาน เพื่อเพิ่มคุณภาพพริกชี้ฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อให้ได้เทคโนโลยีการผลิตพริกที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และการยอมรับของเกษตรกร ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ดำเนินการทดลองในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือตอนบน คือ จังหวัดแพร่ น่าน และเชียงใหม่ ตั้งแต่ตุลาคม 2554 - กันยายน 2556 รวม 3 ปี เปรียบเทียบวิธีการผลิตพริกระหว่างวิธีแนะนำ และวิธีที่เกษตรกรปฏิบัติ จังหวัดแพร่ ดำเนินการทดลองในพื้นที่ตำบลทุ่งน้าว อำเภอสอง เกษตรกร 5 ราย พื้นที่ 5 ไร่ เปรียบเทียบระหว่างวิธีแนะนำ คือ การจัดการดินก่อนปลูก เช่น การไถตากดิน การปรับความเป็นกรด-ด่าง(pH) ของดิน (กรณี pH ต่ำกว่า 5 ) การจัดการโรค เช่น การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่ารดหลุมก่อนปลูก และรดซ้ำหลังปลูก 1 เดือน การพ่นสารเคมีแบบสลับชนิดสารทุก 2 สัปดาห์ การจัดการวัชพืชด้วยการใช้พลาสติกคลุมแปลง การเพิ่มระยะปลูก การกำจัดเศษซากชิ้นส่วนที่เป็นโรค การสำรวจโรคและแมลงก่อนพ่นสารเคมี การปลิดหน่อแขนง จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการในพื้นที่อำเภอดอยหล่อ เกษตรกร 5 ราย พื้นที่ 5 ไร่ โดยมีวิธีแนะนำคือการกำจัดเชื้อราที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์ด้วยการแช่ในน้ำอุ่น การปรับสภาพดินปลูกด้วยการใช้ปูนขาว การป้องกันและควบคุมโรคทางดินด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา การจัดการวัชพืชด้วยการคลุมแปลงด้วยพลาสติก การปลิดหน่อแขนง การสำรวจการระบาดโรคและแมลงก่อนพ่นสารเคมี สำหรับจังหวัดน่าน ดำเนินการในพื้นที่อำเภอท่าวังผา เกษตรกร 10 ราย พื้นที่ 10 ไร่ ผลการทดลองสรุปได้ดังนี้ จังหวัดแพร่ พบว่าวิธีแนะนำให้ผลผลิตพริกเฉลี่ย 2,923.73 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าวิธีเกษตรกร 272.39 กิโลกรัม คิดเป็น 10.27 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,333.51 บาท คิดเป็น 13.39 เปอร์เซ็นต์ เมื่อหักค่าต้นทุนการผลิต วิธีแนะนำให้ผลตอบแทนหรือกำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม ไร่ละ 3,923.94 บาท คิดเป็น 15.13 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุน (Benefit Cost Ratio หรือ BCR) ปรากฏว่าวิธีแนะนำและ วิธีเกษตรกร คุ้มค่าต่อการลงทุน ด้านคุณภาพผลผลิตพบว่าวิธีแนะนำให้ผลผลิตที่มีคุณภาพคือ มีสีแดงสด ไม่เกิดความเสียหายจากโรคและแมลง 92.76 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการผลิตพริกแบบผสมผสานที่เหมาะสมในพื้นที่จังหวัดแพร่ตามวิธีแนะนำคือ การเตรียมแปลงปลูกโดยไถตากดินอย่างน้อย 7 วัน ป้องกันการเกิดโรคในดินด้วยการรดหรือก้นหลุมด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าก่อนหรือหลังปลูก 7 วัน และรดซ้ำครั้งที่ 2 หลังย้ายปลูก 1 เดือน ปลิดกิ่งแขนงใต้กิ่งแยก และเก็บเศษพืชหรือผลที่เป็นโรคออกจากแปลง ส่วนการพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลง ควรใช้สารเคมี 2 ชนิดพ่นสลับกัน โดยพ่นสารชนิดแรกติดต่อกัน 2 สัปดาห์ จากนั้นพ่นสารชนิดที่ 2 ติดต่อกัน 2 สัปดาห์สลับกันไปมา จังหวัดเชียงใหม่ วิธีแนะนำให้ผลผลิต 2,681 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าวิธีเกษตรกร 385 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้มีรายได้ และผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 8,892 บาท/ จากการวิเคราะห์ค่า BCR พบว่า กรรมวิธีวิจัยคุ้มค่าต่อการลงทุน สำหรับการสำหรับเปอร์เซ็นต์การเกิดโรคพบกว่า กรรมวิธีวิจัยมีเปอร์เซ็นต์การเกิดโรคน้อยกว่า ทั้งโรคต้นเหลือง โรคยอดหงิก และผลด่างผิดรูป การยอมรับเทคโนโลยีที่แนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติพบว่า เกษตรกรยอมรับเทคโนโลยี การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ในการแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาทีก่อนเพาะ การเตรียมกล้าพันธุ์ ควรเพาะกล้าในกระบะเพาะ รดเชื้อราไตรโครเดอร์มาในกระบะเพาะ การกำจัดวัชพืชการใช้ควรคลุมแปลงปลูกด้วยพลาสติกสีเงิน การป้องกันกำจัดศัตรู โดยรองก้นหลุมด้วยเชื้อราไตรโครเดอร์มาผสมปุ๋ยหมัก และใช้เชื้อราไตรผสมน้ำรดโคนต้นซ้ำหลังย้ายปลูก 1 เดือนและการปลิดกิ่งแขนงใต้กิ่งแยกลงไปรวมถึงเก็บเศษพืชหรือผลที่เป็นโรคออกจากแปลงมี สำรวจการระบาดของโรคและแมลงก่อนการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดและการพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคหรือแมลง ควรใช้สารเคมี 2 ชนิดสลับกัน จังหวัดน่าน พบว่า ในปี 2554 ดำเนินการโครงการล่าช้าตามปีงบประมาณ(เดือน มกราคม 2554) ขณะที่ฤดูกาลปลูกปกติของเกษตรกรดำเนินการไป ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 ทำให้ผลผลิตต่อไร่ ต่ำ และแม้ว่าต้นทุนการผลิตในวิธีแนะนำจะต่ำกว่าวิธีเกษตรกร แต่ได้ผลผลิตน้อยกว่า(3,443 และ 4,792 กิโลกรัมตามลำดับ) เนื่องจากระยะปลูกในวิธีแนะนำ ห่างกว่ามาก คือ 80 x 100 ซม2 ขณะที่ วิธีเกษตรกรใช้ ระยะปลูก 30x50 ซม2 เป็นผลให้ BCR ของวิธีแนะนำ ต่ำกว่า วิธีเกษตรกร เล็กน้อย(1.71และ1.91ตามลำดับ) แต่ ปี 2555-2556 ผลการทดลองเป็นไปในทางเดียวกันคือ วิธีแนะนำได้ผลดีกว่าวิธีเกษตรกร กล่าวคือ ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.27 รายได้ต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.70 ผลตอบแทนต่อไร่ (กำไร)เพิ่มขึ้นร้อยละ30.24 ตลอดจนค่า BCR สูงกว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.03 ขณะที่ต้นทุนต่อไร่ต่ำกว่าร้อยละ 8.28 ในส่วนของการเกิดโรค พบว่า การเกิดโรคแอนแทรคโนสบนผล ลดลงร้อยละ 5.33 แต่โรครากเน่าโคนเน่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.36 เนื่องจากเกษตรกรไม่ได้ลดการให้น้ำในวิธีแนะนำซึ่งควรจะให้น้ำน้อยกว่าวิธีเกษตรกร แต่การตัดแต่งกิ่งล่างในวิธีแนะนำสามารถลดการเกิดแมลงได้ร้อยละ 9.73 การเตรียมต้นกล้าในวิธีแนะนำสามารถลดการปลูกซ่อมได้ร้อยละ 28.00 และผลผลิตในวิธีแนะนำมีผลเน่าเสียน้อยกว่าวิธีเกษตรกรร้อยละ 13.57
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: เครื่องปูพลาสติก
คำสำคัญ (EN): Plastic mulch laying machine
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพริกแบบผสมผสานเพื่อเพิ่มคุณภาพพริกชี้ฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2556
โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อย โครงการวิจัยการทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพริกคุณภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง การทดสอบเทคโนโลยีการปรับปรุงบำรุงดินร่วนเหนียว ในพื้นที่ปลูกพริกจังหวัดนครราชสีมา โครงการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพริกและพืชผักเศรษฐกิจที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง การบริหารจัดการเทคโนโลยีเพื่อผลิตลำไยนอกฤดูในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระยะที่ 1 โครงการวิจัยการทดสอบการผลิตพริกแบบผสมผสานในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สภาพการผลิตพริกของเกษตรกรในจังหวัดอุบลราชธานี การทดสอบเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดศัตรูพริกแบบผสมผสาน ในฤดูแล้ง จังหวัดอำนาจเจริญ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์พริกอินทรีย์ เทคโนโลยีการปลูกพริกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก