สืบค้นงานวิจัย
ผลของสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อการย่อยสลายตะกอนดินที่ปนเปื้อนสารปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์
Samerkae Sangdao - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อการย่อยสลายตะกอนดินที่ปนเปื้อนสารปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์
ชื่อเรื่อง (EN): The effects of nutrients and surfactants on the biodegradation of petroleum-contaminated sludge from the NPC olefins plant, Maptaphut
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Samerkae Sangdao
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของปัจจัยบางอย่างที่อาจมีอิทธิพลต่ออัตราการย่อยสลายทาง ชีวภาพของสารไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามันจากโรงงานโอเลฟินส์ ส่วนประกอบของสารที่พบ จากการวิเคราะห์ด้วย gas chromatography and mass spectrometry (GC/MS) พบว่าประกอบ ด้วยสารประกอบเบนซีน ทั้งแบบมีโซ่ตรงและแบบมีแขนง รวมทั้งพบสารในกลุ่มของ polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) ด้วย และได้ทำ การแยกเชื้อที่ย่อยสลายไฮโดรคาร์บอนได้ ซึ่ง ประกอบด้วย เชื้อชนิด Staphylococcus capitis, Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, Shewanella putrefaciens, Bacillus sp. และ Rhodotorula sp และอีก 1 ชนิดยังไม่ สามารถบอกชนิดได้ ในการทดลองนี้ได้ศึกษาผลของการเพิ่มสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวต่อ ประสิทธิภาพการทำ งานของเชื้อธรรมชาติในตะกอนนํ้ามันนี้เป็นเวลา 30 วัน จากผลการทดลองพบว่าการเพิ่มสารอาหารในสัดส่วนของไนโตรเจนต่อฟอสฟอรัสช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการย่อยสลายสารไฮโดรคาร์บอนได้ดีที่สุด การเพิ่มสารอาหารนี้ช่วยลดปริมาณ ไฮโดรคาร์บอนเหลือเพียงร้อยละ 12.96 เมื่อเทียบกับในการทดลองที่มีการยับยั้งการทำ งานของเชื้อ ซึ่งเหลือเพียงร้อยละ 64.38 ขณะที่ปริมาณไฮโดรคาร์บอนที่เหลือในการทดลองที่ไม่เติมสารอาหาร และสารลดแรงตึงผิว ที่เติมสารลดแรงตึงผิว และที่เติมทั้งสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวเหลือร้อย ละ 30.17, ร้อยละ 63.09, และร้อยละ 17.30 ตามลำ ดับ ในทุกการทดลอง สารประกอบอะโรมาติกที่ สนใจ 1, 2, 4, 5-tetrametyl-benzene, naphthalene, fluorene และ phenanthrene ลดลงใน ปริมาณที่ค่อนข้างน้อย จากการทดลองแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มสารอาหารช่วยเพิ่มอัตราการย่อย สลายทางชีวภาพของไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามัน ขณะที่การเพิ่มสารลดแรงตึงผิว Triton X- 100 ไม่ได้ช่วยเพิ่มอัตราการย่อยสลายทางของสารไฮโดรคาร์บอน เนื่องจากเชื้อจะใช้สารลดแรงตึง ผิวนี้เป็นแหล่งอาหารแทนสารไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามันนี้แทน
บทคัดย่อ (EN): The purpose of this study was to assess factors that may influence the biodegradation of petroleum-contaminated sludge from the NPC Olefins plant. The chemical components of petroleum-contaminated sludge were determined by gas chromatography and mass spectrometry (GC/MS). They were composed of benzene and its derivatives, straight and branched-chain, and polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs). Seven different strains were isolated from the petroleumcontaminated sludge. They were Staphylococcus capitis, Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, Shewanella putrefaciens, Bacillus sp. and Rhodotorula sp and another unidentified type. The experimental approach involved the addition of nutrient and surfactant (Triton X-100) in the presence of indigenous microorganisms for a 30-day period. The result showed, that the addition of nutrients enhanced the degradation of hydrocarbons compared to all other treatments. This type of treatment showed 12.96% of residual hydrocarbons compared to 64.38% achieved by abiotic control treatment. Residual hydrocarbons of 30.17%, 63.09% and 17.34% were obtained from treatment without adding nutrient and surfactant, treatment with surfactant, and treatment with the addition of nutrient and surfactant, respectively. In all treatments, the rate of target compounds (1, 2, 4, 5-tetrametyl-benzene, naphthalene, fluorene and phenanthrene) biodegradation were quite slow. This means that the presence of available nutrient sources was essential for petroleum-contaminated sludge biodegradation, while the addition of the surfactant Triton X-100 did not enhance the level of degradation appreciably because Triton X-100 was used as a preferential substrate by the indigenous microorganisms, which may have interfered with the petroleumcontaminated sludge biodegradation.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1829&obj_id=1971
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Tritons (Nuclear physics)
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของปัจจัยบางอย่างที่อาจมีอิทธิพลต่ออัตราการย่อยสลายทาง ชีวภาพของสารไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามันจากโรงงานโอเลฟินส์ ส่วนประกอบของสารที่พบ จากการวิเคราะห์ด้วย gas chromatography and mass spectrometry (GC/MS) พบว่าประกอบ ด้วยสารประกอบเบนซีน ทั้งแบบมีโซ่ตรงและแบบมีแขนง รวมทั้งพบสารในกลุ่มของ polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) ด้วย และได้ทำ การแยกเชื้อที่ย่อยสลายไฮโดรคาร์บอนได้ ซึ่ง ประกอบด้วย เชื้อชนิด Staphylococcus capitis, Candida tropicalis, Saccharomyces cerevisiae, Shewanella putrefaciens, Bacillus sp. และ Rhodotorula sp และอีก 1 ชนิดยังไม่ สามารถบอกชนิดได้ ในการทดลองนี้ได้ศึกษาผลของการเพิ่มสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวต่อ ประสิทธิภาพการทำ งานของเชื้อธรรมชาติในตะกอนนํ้ามันนี้เป็นเวลา 30 วัน จากผลการทดลองพบว่าการเพิ่มสารอาหารในสัดส่วนของไนโตรเจนต่อฟอสฟอรัสช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการย่อยสลายสารไฮโดรคาร์บอนได้ดีที่สุด การเพิ่มสารอาหารนี้ช่วยลดปริมาณ ไฮโดรคาร์บอนเหลือเพียงร้อยละ 12.96 เมื่อเทียบกับในการทดลองที่มีการยับยั้งการทำ งานของเชื้อ ซึ่งเหลือเพียงร้อยละ 64.38 ขณะที่ปริมาณไฮโดรคาร์บอนที่เหลือในการทดลองที่ไม่เติมสารอาหาร และสารลดแรงตึงผิว ที่เติมสารลดแรงตึงผิว และที่เติมทั้งสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวเหลือร้อย ละ 30.17, ร้อยละ 63.09, และร้อยละ 17.30 ตามลำ ดับ ในทุกการทดลอง สารประกอบอะโรมาติกที่ สนใจ 1, 2, 4, 5-tetrametyl-benzene, naphthalene, fluorene และ phenanthrene ลดลงใน ปริมาณที่ค่อนข้างน้อย จากการทดลองแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มสารอาหารช่วยเพิ่มอัตราการย่อย สลายทางชีวภาพของไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามัน ขณะที่การเพิ่มสารลดแรงตึงผิว Triton X- 100 ไม่ได้ช่วยเพิ่มอัตราการย่อยสลายทางของสารไฮโดรคาร์บอน เนื่องจากเชื้อจะใช้สารลดแรงตึง ผิวนี้เป็นแหล่งอาหารแทนสารไฮโดรคาร์บอนในตะกอนนํ้ามันนี้แทน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อการย่อยสลายตะกอนดินที่ปนเปื้อนสารปิโตรเลียมจากโรงงานโอเลฟินส์
Samerkae Sangdao
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การใช้ของเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันพืชเพื่อเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพโ การลดปริมาณสารแขวนลอยของน้ำเสียจากโรงงานถุงมือยางโดยการใช้ไคโตซานเป็นสารช่วยสร้างตะกอน การบำบัดดินที่ปนเปื้อนด้วยสารตะกั่วโดยใช้หญ้าชนิดต่าง ๆ การดูดซับและสะสมสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในดินโดยหญ้าแฝก การวิเคราะห์สารให้รสชาติและกลิ่นในผลแตงกวาและมะเขือเทศดัดแปลงสารพันธุกรรม ศักยภาพของ Pteris vittata และ pityrogramma calomelanos ในการบำบัดดินที่มีการปนเปื้อนสารตะกั่ว สาร Exopolymer ที่ผลิตโดยแบคทีเรียต้านทานทองแดงและอิทธิพลของสารต่อการเคลื่อนที่ของทองแดงในดิน ผลของอุณหภูมิสาร Diphenylamine และสารเคลือบผิว Sta-fresh 7055 ต่ออาการสะท้านหนาวในพริกหวาน การย่อยสลายสารไกลโฟเสททางชีวภาพของแบคทีเรียที่แยกได้จากดินในพื้นที่เพาะปลูก การพัฒนาสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายวากาเมะเพื่อเป็นสารให้ความชุ่มชื้นผิว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก