สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ดาหลา
สุทธาชีพ ศุภเกษร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ดาหลา
ชื่อเรื่อง (EN): Varietal ImprovementinTorchGinger
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุทธาชีพ ศุภเกษร
บทคัดย่อ: 5. โครงการวิจัยปรับปรุงพันธุ์ดาหลา การวิจัยปรับปรุงพันธุ์ดาหลา ศึกษาและอนุรักษ์คัดเลือกพันธุ์ดาหลา ผลการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาดาหลาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๓ ดำเนินการอนุรักษ์พันธุกรรมที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา มีการรวบรวมพันธุกรรมดาหลา ในเนื้อที่ ๑๕ ไร่ มีความหลากหลายไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ สายพันธุ์ มีดาหลาไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ ต้น ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ดำเนินการคัดเลือกพันธุ์จากแปลงอนุรักษ์เสนอเป็นพันธุ์แนะนำของของกรมวิชาการเกษตร จำวน ๕ สายพันธุ์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา ๔ สายพันธุ์ การดำเนินงานโครงการปรับปรุงพันธุ์ดาหลาดำเนินการคัดเลือกพ่อและแม่พันธุ์ดาหลาที่มีลักษณะและให้ผลผลิตดอกดี วิจัยและปรับปรุงพันธุ์ดาหลาโดยวิธีการผสมเกสร จากแปลงอนุรักษ์รวบรวมพันธุ์ดาหลา ทำการผสมเกสรด้วยมือตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ – ๒๕๕๓ สามารถผลิตเมล็ด ดาหลาลูกผสมนำมาเพาะผลิตต้นกล้าลูกผสมอยู่ระหว่างอนุบาลต้นกล้า และนำมาปลูกรวบรวมพันธุ์ดาหลาลูกผสม ประมาณ ๑,๖๘๓ ต้น เนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ซึ่งมีดาหลาลูกผสมจะทยอยออกดอกจนถึงปี ๒๕๕๗ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลวิชาการและคัดเลือกพันธุ์ดาหลาลูกผสมที่มีลักษณะฟอร์ม และผลผลิตดอกดี จำนวน ๖ สายพันธุ์ และที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนตรังนำเมล็ดพันธุ์ดาหลาลูกผสม ๓ พันธุ์ นำมาเพาะเมล็ดได้ต้นกล้าลูกผสมดังนี้ ๑. ดาหลาลูกผสมแดงป่า x บานเย็น ได้จำนวน ๓๓๗ ต้น ๒. แดงป่า x แดงอินโอ จำนวน ๒๗๘ ต้น ๓. แดงป่า x แดงดก จำนวน ๑๗ ต้น นำมาปลูกในแปลงรวบรวมพันธุ์ดาหลาลูกผสมที่ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง อยู่ในระหว่างการดำเนินการเก็บข้อมูลและคัดเลือกดาหลาที่มีลักษณะฟอร์มและให้ผลผลิตดอกดีดำเนินการจดทะเบียนพันธุ์ของกรมฯ ต่อไป ศึกษาการชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ของดาหลาลูกผสมโดยวิธีการฉายรังสี การดำเนินการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการกลายพันธุ์โดยวิธีการฉายรังสี ดำเนินการฉายรังสีเมล็ดพันธุ์ดาหลาจากแปลงอนุรักษ์พันธุกรรมที่มีลักษณะฟอร์มและให้ผลผลิตดอกดี และฉายรังสีเมล็ดพันธุ์ดาหลาลูกผสม โดยใช้รังสีแกรมม่าอัตราสูงสุดไม่เกิน ๕ Krad. ได้ต้นกล้าดาหลาฉายรังสีรวม ๖๒๐ ต้น และดำเนินการนำต้นกล้าดาหลาพันธุ์บานเย็น นำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแล้วนำมาฉายรังสีแกรมม่าในอัตรา ๑ Krad. ดำเนินการย้ายต้นกล้าอนุบาลในถุงประมาณ ๑,๐๐๐ ต้น การดำเนินงานอยู่ระหว่างนำต้นกล้าฉายรังสีลงปลูกและดำเนินการคัดเลือกพันธุ์ดาหลา ซึ่งดำเนินการคัดต่อเนื่องจนถึงปี ๒๕๕๗ ต่อไป ศึกษาเปรียบเทียบดาหลาพันธุ์ดี 5 สายพันธุ์เพื่อปลูกเป็นการค้า จากการดำเนินการคัดเลือกดาหลา ดาหลาที่มีลักษณะฟอร์มและให้ผลผลิตดอกมี จำนวน ๕ สายพันธุ์ คือ พันธุ์แดงดก บานเย็น บัวชมพูเล็ก บัวแดงเล็ก และบัวแดงใหญ่ นำมาเพาะเมล็ดต้นกล้าดาหลา นำไปทดสอบปลูก ๓ แห่ง คือ ศูนย์วิจัยพืชสวนเพชรบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร และ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ ๔ อุบลราชธานี ปรากฏว่า ดาหลาสามารถเจริญเติบโตได้ดีทุกพื้นที่ ถ้ามีการให้น้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่งใบและดอกแห้งดูแลรักษาอย่างดี เนื่องจากดาหลาที่ให้ใช้ทดสอบ เกิดจาการเพาะเมล็ด จึงมีความแปรปรวนในแต่ละต้น มีลักษณะฟอร์มดอก และให้ผลผลิตดอกแตกต่างกัน แต่ทุกพื้นที่มีต้นดาหลาที่เพาะจากเมล็ด ๕ สายพันธุ์ มีศักยภาพให้ผลผลิตดอกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ดอกต่อกอต่อปี เมื่อมีขนาดก่อไม่ต่ำกว่า ๑ ตารางเมตรทุกพื้นที่การทดลอง การศึกษาการนำดาหลาไปใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ศึกษาการสกัดน้ำมันจากผลผลิตดอกดาหลา นำผลดอกดาหลามาตากแห้งเพื่อแยกเมล็ดดอกดาหลามาสกัดน้ำมัน โดยทำการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดดอกดาหลา พบว่ามีความชื้นโดยเฉลี่ยในช่วง 11.46-12.7 % ปริมาณน้ำมันโดยเฉลี่ยในช่วง 7.42-12.00% และปริมาณโปรตีนโดยเฉลี่ยในช่วง 8.80-9.81% ต่อมานำน้ำมันจากเมล็ดดอกดาหลาตรวจสอบองค์ประกอบกรดไขมันพบว่าน้ำมันจากเมล็ดดอกดาหลาประกอบด้วย Lauric acid (C12:0) 0.33-0.48%,Myristic acid 1.29-1.39%,Palmitic acid (C16:0) 27.96-29.20%, Stearic acid (C18:0) 3.16-3.46%, Arachidic acid(C20:0)1.28-1.40% รวมองค์ประกอบกรดไขมันที่อิ่มตัว34.02-35.93% , Oleic acid (C18:1)51.14-53.73%, Linoleic acid (C18:2) 7.88-10.99%, Linolenic acid (C18:3) 0.47-0.60% รวมองค์ประกอบกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว 59.49-65.32% น้ำมันจากเมล็ดดอกดาหลาเป็นน้ำมันที่มีองค์ประกอบกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง จากค่าองค์ประกอบกรดไขมันน้ำมันชนิดนี้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันปาล์มโอลีอิน ซึ่งจะได้ทำการศึกษาคุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆต่อไป ศึกษาการแปรรูปและการใช้ประโยชน์ดอกดาหลา นำดอกดาหลาพันธุ์แดงดกธารโตมาศึกษาการแปรรูป เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ผู้บริโภคในท้องถิ่นนิยมบริโภค โดยทำการเตรียมตัวอย่าง โดยการทำความสะอาดดอกดาหลาโดยใช้ผงเบคคิ้งโซดา 10% ทำความสะอาดดอกดาหลาและผึ่งให้แห้ง นำดอกดาหลามาสกัดน้ำดอกดาหลาโดยใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ กรองน้ำดอกดาหลาเพื่อแยกกาก นำกากดาหลาที่สกัดน้ำออกแล้วนำไปตรวจวิเคราะห์กากและเยื่อใยพบว่าดอกดาหลามีไฟเบอร์ที่จำเป็นสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยพบว่ากากดอกดาหลามี Dietary fiber 55.78-59.64 g/100g การทำเครื่องดื่มดอกดาหลา น้ำดอกดาหลาจะมีรสซ่าซึ่งเป็นลักษณะโดยเฉพาะ จึงได้คงลักษณะของน้ำชนิดนี้ไว้ การทำเครื่องดื่มจึงปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและกรดมะนาวเพื่อเก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ดอกดาหลาทั้งดอกหนักโดยเฉลี่ย 600 กรัม ได้น้ำดอกดาหลา 250 กรัม กากหนัก 180 กรัม อบจนแห้งได้กากใยดาหลาหนัก 25 กรัม นำน้ำดอกดาหลาที่ได้มาปรุงรสตามสูตรดังนี้ น้ำดอกดาหลา 250 กรัม น้ำตาลทราย 135 กรัม กรดมะนาว 3 กรัม รวมกับน้ำให้มีปริมาตร 612 กรัม ขั้นตอนการทำคือฆ่าเชื้อภาชนะบรรจุโดยการลวกด้วยน้ำเดือด เตรียมน้ำเชื่อโดยผสมน้ำตาลทราย กรดมะนาวและน้ำเข้าด้วยกันแล้วต้มให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง ผสมน้ำดอกดาหลาและน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน แล้วนำมาตั้งไฟให้ได้อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์เป็นเวลา 3 นาที ยกลงบรรจุขวดที่ฆ่าเชื้อแล้ว ทำให้เย็นโดยการแช่ในน้ำ และเก็บไว้ในตู้เย็น โดยสามารถเก็บไว้ได้นาน 5 วัน เนื่องจากดอกดาหลามีกากใยสูงจึงจะได้ทดลองทำน้ำพริกดอกดาหลาต่อไป การใช้ประโยชน์ในรูปการประดับตกแต่ง ศึกษาการใช้ประโยชน์ในการประดับตกแต่งสถานที่ ดำเนินการคัดเลือกดาหลาพันธุ์ดีที่มีลักษณะฟอร์มและให้ผลผลิตดอกดี นำมาเพาะเมล็ดและนำดาหลาพันธุ์แนะนำของศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง นำมาขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อ ผลิตเป็นต้นกล้านำไปทดลองปลูกเพื่อประดับสถานที่ในแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตร ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเลย ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม สวนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร และสวนเกษตรกรผู้ปลูกดาหลาเป็นการค้าในพื้นที่เขตจังหวัดนนทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี และเพชรบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ การใช้ประโยชน์ในการประดับตกแต่งในรูปไม้ตัดดอก การศึกษาการยืดอายุได้ทดสอบในพันธุ์การค้า พบว่าสารละลายยืดอายุก่อนการปักแจกัน (pulsing solution) ที่ได้ผลดีคือ คลอร็อกซ์ 0.5-1 % แช่ 1 ชั่วโมงแล้วย้ายไปแช่ในน้ำเปล่า หรือการฉีดพ่นด้วยไคโตซานความเข้มข้น 0.5 cc/น้ำ 1 ลิตร ก่อนการปักแจกันมีแนวโน้มยืดอายุการใช้งานแต่ยังให้ผลไม่ชัดเจน จำเป็นต้องทดลองซ้ำอีกครั้ง สำหรับสารละลายยืดอายุในการแช่ปักแจกัน (holding solution) ที่ได้ผลดีคือ คริสซอล เป็นสารการค้า รองลงมาคือ สูตรทดสอบ 8HQS 250 ppm + น้ำตาล 0.2 % + กรดซิตริก 150 ppm + BA 10 ppm ทั้งนี้สารแช่ปักแจกัน สูตรทดสอบนี้ต้องพัฒนาระดับความเข้มข้น/ชนิด/สัดส่วนผสมต่อไปในการนำไปทดสอบกับดาหลาลูกผสมพันธุ์ใหม่
บทคัดย่อ (EN): No information found from agency.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: การไว้หน่อ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ดาหลา
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2553
โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์อ้อย โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กาแฟ การวิจัยเพื่อส่งเสริมและปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อในหมู่บ้าน โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ข้าวฟ่างหวาน โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยสำหรับภาคกลาง เหนือ ตะวันออกและตะวันตก การพัฒนาพันธุ์ และคัดเลือกพันธุ์อะโวคาโดเพื่อบริโภคผลสด โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ชา โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์สับปะรด โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ฝ้าย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก