สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกโอลีฟในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา
สุมนา เหลืองฐิติกาญจนา - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชื่อเรื่อง: การศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกโอลีฟในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา
ชื่อเรื่อง (EN): AFeasibility ofOlive (Olea europea L.)Production in Naresuan University Phayao
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุมนา เหลืองฐิติกาญจนา
บทคัดย่อ: โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ปีที่ 3 ได้ดำเนินการระหว่างปี 2551 – 2552 ซึ่งงานวิจัยนี้ประกอบด้วย การศึกษาความหลากหลายและโครงสร้างของสังคมพืชป่าเต็งรังและ การจัดทำฐานข้อมูลพรรณไม้ การศึกษาความหลากหลายของพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพืชและเห็ดเพื่อการใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ป่าไม้ การศึกษาการเก็บรักษาพันธุกรรมกล้วยไม้ป่าด้วยวิธี Slow growth technique ภายใต้สภาพหลอดทดลอง การศึกษาการประเมินความเสี่ยงของระบบนิเวศแหล่งน้ำในพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชโดยใช้ Bayesian Network การศึกษาอัตราการงอกและการทำลายการพักตัวของของเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าที่ใช้เป็นอาหารและสมุนไพร การศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ การศึกษาการใช้ประโยชน์สารทุติยภูมิในพืชและเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยงของพืช คุณสมบัติการต่อต้านแบคทีเรียของสารลิกแนนจากพรรณไม้ การศึกษาการรุกรานจากไฟป่าต่อความมั่นคงของทรัพยากรดินโดย การศึกษาการพัฒนาพื้นที่ศึกษาและรวบรวมพืชสมุนไพร พืชอาหาร พืชพื้นเมือง พืชที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในเขตภาคเหนือตอนบน การศึกษาความหลากหลายของพรรณไม้พื้นล่าง การศึกษาการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อขยายพันธุ์กล้วยไม้ดินสกุล Habenaria และ Pecteilis การจัดทำฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของกะทกรก ทองพันชั่ง ผักหวานป่า เพกา และมะระขี้นก การศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกโอลีฟ ในพื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ผลการศึกษาพบว่า การดำเนินการศึกษาความหลากหลายและโครงสร้างของสังคมพืชป่าเต็งรัง ในพื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 โดยได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลภาพที่ได้จากภาพถ่ายสี ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในการจัดจำแนกพรรณไม้ ข้อมูลจากงานวิจัยและเอกสารเผยแพร่อื่นๆที่ทำการศึกษาอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเก็บเข้าไว้ในระบบหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ โดยประมวลภาพและข้อมูลลักษณะต่างๆเข้าด้วยกันโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปช่วยในการจัดแสดง และแสดงผลบนเว็บเพจ สำหรับดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลเพื่อแสดงผลให้แก่ผู้ที่เข้าใช้ระบบฐานข้อมูล ซึ่งมีรูปแบบการใช้งาน จากการศึกษาความหลากหลายของพืชวงศ์ Fabaceae ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ระหว่างเดือนตุลาคม 2550 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2552 ตัวอย่างพืชที่เก็บได้มีจำนวนทั้งหมด 54 ตัวอย่างเมื่อนำมาศึกษาด้วยวิธีทางอนุกรมวิธานพืช สามารถตรวจสอบชื่อวิทยาศาสตร์ได้จำนวน 46 ชนิดแบ่งออกเป็น วงศ์ย่อย Caesalpinoideae จำนวน 4 ชนิด วงศ์ย่อย Mimosoideae จำนวน 5 ชนิด และวงศ์ย่อย Papilionoideae จำนวน 37 ชนิด จากการสำรวจและเก็บตัวอย่างเห็ดบริเวณป่า มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพะเยา ระหว่าง เดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฎาคม 2552 สำรวจ 2 บริเวณ คือ ป่าบริเวณพระตำหนัก และป่าหลังตึกวิทยาศาสตร์ พบเห็ด 22 ชนิด เป็นเห็ดที่สามารถรับประทานได้ 13 ชนิด และเห็ดที่รับประทานไม่ได้ 9 ชนิด ซึ่งเป็นเห็ดเอคโตไมคอร์ไรซา 13 ชนิด คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำของมหาวิทยาลัยพะเยาที่ทำการศึกษา 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแห่งที่หนึ่ง แหล่งน้ำสำหรับผลิตประปา อ่างเก็บน้ำแห่งที่ 2 และบ่อน้ำหน้าหอพักนิสิตเวียงพะเยา พบว่าแหล่งน้ำที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่เกิดความเสื่อมโทรมคือบ่อน้ำหน้าหอพักนิสิตเวียงพะเยา เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำที่ตั้งอยู่ใกล้กับหอพักขนาดใหญ่ซึ่งมีนิสิตอาศัยอยู่ประมาณ 2,700 คน นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการต่างๆ ทำให้มีคุณภาพน้ำในหลายปัจจัยที่มีค่าต่ำกว่ามาตรฐาน เช่นปริมาณบีโอดี และโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เป็นต้น การเก็บรักษาพันธุกรรมกล้วยไม้ป่าด้วยวิธี Slow growth technique ภายใต้สภาพหลอดทดลองการศึกษาครั้งนี้จะเห็นว่า สามารถพัฒนาวิธีการรักษาพันธุกรรมเอื้องเงินในสภาพปลอดเชื้อด้วยวิธีการชะลอการเจริญไว้ได้ ซึ่งเป็นการรักษาพันธุกรรมพืชเหล่านี้ไว้เพื่อการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งเป็นพื้นฐานในการนำไปประยุกต์ใช้กับกล้วยไม้ชนิดอื่นด้วย การศึกษาอัตราการงอกของเมล็ดเพกาและเมล็ดหว้าโดยทำการเพาะในวัสดุปลูก พบว่าเมล็ดเพกาและเมล็ดหว้า 25 และ 76 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อทำการเพาะเมล็ดเพกาและเมล็ดไปเพิ่มอัตรากรงอกโดยนำไปแช่ในสารเคมีชนิดต่างๆผลการศึกษาพบว่าสารละลายโพแทสเซียมไนเตรท ที่ระดับความเข้มข้น 4% เอทธิลีน ที่ระดับความเข้มข้น 15-60 มิลลิกรัมต่อลิตร สารละลายโซเดียมไฮเปอร์ครอไรด์ที่ระดับความเข้มข้น 0.5-1.0 เปอร์เซ็นต์ และวิตามินบี 1 ที่ระดับความเข้มข้น 50 เปอร์เซ็นต์ และ ซัลไลต์ ที่ระดับความเข้มข้น 0.5-2.0 เปอร์เซ็นต์ ช่วยทำให้เมล็ดเพกามีอัตราการงอกที่เพิ่มขึ้น สำหรับเมล็ดหว้าพบว่าสารละลายโพแทสเซียมไนเตรท 4 เปอร์เซ็นต์ กรดแอสคอร์บิค 400 มิลลิกรัมต่อลิตร วิตามินบี 1 100 เปอร์เซ็นต์ และกรดจิบเบอเรลลิน 0.1 เปอร์เซ็นต์ทำให้เมล็ดหว้ามีอัตราการงอกเพิ่มขึ้น โดยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ระดับความเข้มข้น 0.05 เปอร์เซ็นต์ มีความเหมาะสมต่อการเพิ่มอัตราการงอกของเมล็ดเพกาได้ดีที่สุด คือมีเปอร์เซ็นต์การงอกเท่ากับ 88.33 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ช่วยในการกระตุ้นการงอกของเมล็ดและทำให้ต้นกล้ามีความแข็งแรง เป็นตัวกระตุ้นการหายใจ จากการศึกษาการพัฒนาให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ผู้วิจัยจึงได้เลือกพื้นที่ป่าบริเวณด้านหลังพระตำหนักสมเด็จพระเทพรัตนาราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เป็นพื้นที่ในการศึกษาทรัพยากรที่มีอยู่ในเส้นทางเพื่อนำไปสู่การสื่อความหมายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติผลการสำรวจความหลากหลายของชนิดพันธุ์พืชในเส้นทางศึกษาธรรมชาติพบจำนวน 49 ชนิด แยกตามประเภทวิธีการสื่อความหมายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของมหาวิทยาลัยพะเยา ควรจัดทำในรูปแบบของเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้วยตนเอง โดยการใช้ป้ายสื่อความหมายเป็นหลัก เนื่องจากป้ายจะติดตั้งอยู่ตลอดเวลา สามารถใช้ได้ตลอดวัน ซึ่งจะช่วยลดภาระในการจัดบุคลากรในการสื่อความหมายได้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากการคัดกรองลิกแนนในไม้ยืนต้นพบว่ามีจำนวน 40 ชนิด จากพืชทดสอบทั้งหมด 80 ชนิด ที่คัดกรองพบลิกแนนด้วยวิธี TLC โดยพืชในวงศ์ Leguminosae-Papilionoideae สามารถคัดกรองลิกแนนจากชนิดพืชได้มากที่สุดถึง 9 ชนิด รองลงมาคือ Rubiaceae และ Euphorbiaceae ซึ่งมี 6 และ 4 ชนิด ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการสกัดลิกแนนที่ผ่านมา จากการสำรวจจุดเสี่ยงภัยจากไฟป่า โดยการเดินสำรวจและระบุพิกัดด้วย GPS ซึ่งได้ทำการสำรวจทั้งหมด 4 จุด แบ่งออกเป็น จุดที่ 1 บริเวณหลังเรือนเอื้องคำ จุดที่ 2 บริเวณหลังพระตำหนัก จุดที่ 3 บริเวณหลังอาคารปฏิบัติการ 12 หลัง และจุดที่ 4 บริเวณเนินเขาตรงข้ามเกาะกลาง และมีการสำรวจจุดที่ไม่เกิดภัยจากไฟป่า 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 5 บริเวณเกาะกลางตรงข้ามอ่าง 3 และจุดที่ 6 บริเวณเนินเขาตรงข้ามเกาะกลางจากการศึกษาการรุกรานจากไฟป่าต่อความมั่นคงของทรัยยากรดิน พบว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งเป็นไฟที่เผาไหม้เชื้อเพลิงบนผิวดิน ไฟชนิดนี้จะเผาไหม้ลุกลามไปตามผืนป่าซึ่งเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ได้แก่ หญ้า ใบไม้แห้ง และกิ่งไม้ เป็นต้น ไฟชนิดนี้มีการลุกลามอย่างรวดเร็วซึ่งความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเชื้อเพลิง โดยหากมีเชื้อเพลิงต่อหน่วยพื้นที่มาก ไฟก็จะมีความรุนแรงมาก และปลดปล่อยพลังงานความร้อนออกมามากด้วยเช่นกัน ปริมาณของเชื้อเพลิงมีการผันแปรอย่างมากตามความแตกต่างของชนิดป่า และความแตกต่างของพื้นที่ การศึกษาพัฒนาพื้นที่ศึกษาและรวบรวมพืชสมุนไพร พืชอาหาร พืชพื้นเมือง พืชที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในเขตภาคเหนือตอนบนในครั้งนี้ได้ดำเนินการสำรวจ รวบรวมพันธุ์พืชและเก็บรักษาไว้ จากการวิจัยและศึกษาการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์พบว่า สามารถสำรวจ รวบรวมพันธุ์พืชและเก็บรักษาได้ทั้งหมดจำนวน 202 ชนิด โดยสามารถจำแนกตามการใช้ประโยชน์ได้ดังตารางที่ 1 ซึ่งแบ่งออกเป็นพืชสมุนไพร 109 ชนิด พืชอาหาร 42 ชนิด ไม้ประดับ 17 ชนิด และกล้วยไม้ 34 ชนิด ซึ่งพืชทั้งหมดได้ทำการเพาะต้นกล้า เมล็ด และเก็บรักษาไว้ในโรงเรือนขนาด ขนาด 400 ตารางเมตรพร้อมระบบน้ำ มีรายละเอียดและรูปภาพดังนี้ จากการศึกษาความหลากหลายของพรรณไม้พื้นล่าง ในพื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยาจากการสำรวจพบพืชพื้นล่างในพื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จำนวน 38 วงศ์ 132 ชนิด พืชดอกใบเลี้ยงคู่ 21 วงศ์ 52 ชนิด ใบเลี้ยงเดี่ยว 10 วงศ์ 70 ชนิด พบพืชในวงศ์กล้วยไม้ (Orchidaceae) มากที่สุด 11 สกุล 30 ชนิด มีที่ยังไม่สามารถระบุชนิดได้อีก 3 สกุล 5 ชนิด เพราะไม่พบการติดดอก และพบพืชกลุ่มเฟิน 7 วงศ์ 10 ชนิด จากการสำรวจความหลากหลายของกล้วยไม้ดินบริเวณมหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนสิงหาคม 2552 และทำการศึกษาจัดจำแนกตามระบบของ Dressler (1993) พบกล้วยไม้ทั้งสิ้น 8 สกุล 21 ชนิด เป็นวงศ์ย่อย Orchidaceae ทั้งสิ้น 3 สกุล 11 ชนิด และเป็นวงศ์ย่อย Epidendroideae ทั้งสิ้น 5 สกุล 10 ชนิด โดยในการศึกษาครั้งนี้พบกล้วยไม้ดินเพิ่มขึ้นอีกถึง 16 ชนิด ซึ่ง ในรายงานก่อนหน้านี้พบกล้วยไม้ดินจำนวน 3 สกุล 5 ชนิด แบ่งเป็นวงศ์ย่อย Orchidoideae จำนวน 2 สกุล 4 ชนิด ได้แก่ Habenaria chlorina, Habenaria dentata, Habenaria hosseusii และ Pecteilis susannae และวงศ์ Epidendroideae จำนวน 1 สกุล 1 ชนิด คือ Spathoglottis eburnea (นิรมล, 2551) ในการสำรวจครั้งนี้พบกล้วยไม้สกุล Habenaria มีจำนวนชนิดมากที่สุดคือ 9 ชนิด แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ที่ทำการศึกษามีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต การจัดทำฐานข้อมูลภูมิสาสารสนเทศในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จังหวัดพะเยา เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของนักวิจัยเพื่อนำไปสร้างฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ โดยใช้เครื่องระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียม (GPS) และตรวจสอบความถูกต้องเชิงตำแหน่งกับแผนที่ภูมิประเทศ แผนที่ภาพข้อมูลดาวเทียม QuickBird โดยการบันทึกฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศในเรื่อง ของพืชพรรณ ที่ทำการสำรวจในพื้นที่ต่างในบริเวณมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ตามหัวเรื่องหลักๆ ได้แก่ การเก็บค่าพิกัดเชิงตำแหน่ง รหัสหัวหน้าวิจัย ชื่อนักวิจัย ชื่อเรื่องที่ทำการวิจัย การศึกษาการสกัดพืชตัวอย่าง 5 ชนิด ได้แก่ กะทกรก ทองพันชั่ง ผักหวานป่า เพกา และมะระขี้นก ในตัวทำละลาย 3 ชนิด ได้แก่ Hexane Ethyl acetate และ Ethanol ในการศึกษาครั้งนี้พบว่าผักหวานป่าที่สกัดด้วย Ethyl acetate มีปริมาณฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด รองลงมาได้แก่ ทองพันชั่งที่สกัดด้วย Ethanol ส่วนเพกาที่สกัดด้วย Hexane มีปริมาณฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระต่ำที่สุด และจากการศึกษาจะพบว่าพืชตัวอย่าง 5 ชนิดที่สกัดด้วย Ethyl acetate จะทำให้มีปริมาณฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสารที่สกัดจาก Ethanol และ Hexane ขณะที่สารสกัดจากผักหวานป่าจะมีปริมาณฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าทองพันชั่ง เพกา กะทกรก และมะระขี้นก การศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกโอลีฟในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยาจากการปลูกต้นมะกอกโอลีฟ สายพันธุ์ Arbequina จำนวน 128 ต้น ในพื้นที่ปฏิบัติการสำนักวิชาเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา โดยใช้กิ่งพันธุ์ที่มีอายุประมาณ 1 ปี ทำการปลูกในเดือนสิงหาคม 2552 จากนั้นทำการศึกษาการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นของโอลีฟ ได้แก่ อัตราการรอดชีวิต ความสูงของลำต้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้น และจำนวนกิ่งต่อต้น พบว่า ต้นโอลีฟสายพันธุ์ Arbequina สามารถเจริญเติบโตและปรับตัวได้ในพื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตที่สูงถึง 89.84 เปอร์เซ็นต์
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยนเรศวร
คำสำคัญ: พะเยา
คำสำคัญ (EN): Olive
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกโอลีฟในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา
มหาวิทยาลัยนเรศวร
30 กันยายน 2552
ความหลากหลายของพืชวงศ์ถั่วในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา การพัฒนาวัสดุปลูกพืชจากอินทรีย์ธรรมชาติเพื่อขยายพันธุ์พืชและผักป่า: โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ พื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา การศึกษาความหลากหลายและโครงสร้างของสังคมพืชป่าเต็งรังในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา การทดลองปลูกขยายพันธุ์พืชบางชนิด ที่สำรวจพบในพื้นที่ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พื้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา อ.เมือง จ.พะเยา ผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวาต่อการเจริญเติบโตของต้นมะเกี๋ยงที่ปลูกในในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชมหาวิทยาลัยพะเยาจังหวัดพะเยาและผลของแคลเซียมคลอไรด์ร่วมกับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำต การตอบสนองด้านการเจริญเติบโตและผลผลิตของอ้อยปลูกพันธุ์ K95-84 ต่อการให้ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์และโพแทสเซียมไทโอซัลเฟต โครงการวิจัยขนาดเล็กเรื่องยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร การหมุนเวียนธาตุอาหารในระบบนิเวศของป่าผลัดใบ ในพื้นที่มหาวิทยาลัย นเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา โครงการวิจัยขนาดเล็ก เรื่อง ยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร การศึกษาความหลากหลายของกล้วยไม้ที่พบในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยาด้วยลายพิมพ์ดีเอ็นเอโดยใช้เทคนิค AFLP (Amplified Fragment Length Polymorphism)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก