สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาตำรับน้ำยาบ้วนปากสมุนไพรเพื่อป้องกันฟันผุ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปวิตรา พูลบุตร - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาตำรับน้ำยาบ้วนปากสมุนไพรเพื่อป้องกันฟันผุ
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Herbal Mouthwash for Protection against Dental Caries
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปวิตรา พูลบุตร
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pawitra Pulbutr
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ในวงอุตสาหกรรมด้านสุขภาพซึ่งรวมถึงด้านทันตกรรมได้มีความพยายามในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ของสารจากธรรมชาติ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความตระหนักถึงผลข้างเคียงที่เกิดจากสารเคมี โรคฟัน ผุเป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเชื้อสเตรปโตคอคคัส โดยเฉพาะชนิดสเตรปโตคอคคัสมิวแทนส์ ใน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ในหลอดทดลองในการยับยั้งเชื้อสเตรปโตคอคคัสมิวแทนส์ของ สารสกัดด้วยเอธานอล 95 เปอร์เซนต์ของสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ใบฝรั่ง (Psididrm guojova L.), ผลฟัก ข้าว (Momordica cochinchinensis Spreng.), รากชะเอมเทศ (Glycyrhizo globra L.), ดอกานพล (Syzygium aromoticum L.) และดอกดีปลี (Piper retrofroctum Vahl.) ทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อเบื้องต้น โดยวิธี disc diffusion จากนั้นใช้วิธี two-fold broth dilution ในการหาค่าความเข้มตํ่าสุดในการ ยับยั้งเชื้อ (MIC) พบว่าสารสกัดทุกชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อสเตรปโตคอคคัสมิวแทนส์ สารสกัดดอกกานพลูทำ ให้เกิดโซนใสใหญ่ที่สุดคือ 16.7+0.5 มิลลิเมตร ส่วนสารสกัดรากชะเอมเทศให้ค่า MIC ต่ำที่สุดคือ 0.195 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร และค่าความเข้มข้นต่ำสุดในการฆ่าเชื้อเท่ากับ 3.125 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร การ ทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อของสารสกัดสมุนไพรผสมใช้วิธี checkerboard พบว่า สารสกัดสมระหว่างดอก กานพลูและใบฝรั่งที่ความเข้มข้นชนิดละ 0.195 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร แสดงการเสริมฤทธิ์กันในการยับยั้ง การเจริญของเชื้อสเตรปโตคอคคัสมิวแทนส์ โดยมีค่า FICI เท่ากับ 0.25 ดังนั้นจึงนำสารสกัดรากชะเอมเทศ ใบฝรั่งและดอกกานพลูมาเป็นส่วนผสมในการตั้งตำรับน้ำยาบ้วนปากสมุนไพรโดยใช้ความเข้มข้นของสาร สกัดชนิดละ 0.38 mg/ml ผลการตั้งตำรับตำรับผลิตภัณฑ์พบว่าตำรับที่ 5 มีลักษณะทางกายกายภาพได้แก่ สี กลิ่น ความใส รสชาติ ที่เหมาะสม รวมทั้งมีความคงตัวที่ดีหลังผ่านการทดสอบด้วยวิธี Freeze-thaw cycle จำนวน 6 รอบ และเขย่า 60 รอบต่อนาทีเป็นเวลา 48 ชั่วโมง จากการทดสอบฤทธิ์ของตำรับน้ำยาบ้วน ปากสมุนไพรในการยับยั้งการเจริญของเชื้อต่อหน่วยเวลาตาม time-kill assay พบว่ามีการลดลงของเชื้อ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 30 วินาที และมีการเจริญเติบโตของเชื้อน้อยกว่า 101 CFU/mil หลังจากสัมผัสน้ำยา บัวนปากสมุนไพรไปแล้ว 2-8 ชั่วโมง เมื่อนำตำรับน้ำยาบ้วนปากสมุนไพรที่พัฒนาขึ้นมาทดสอบความ ปลอดภัยเบื้องต้น ไม่พบความผิดปกติใดๆในอาสาสมัครผู้ทำการทดสอบจำนวน 10 คน และจากการ ทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 50 คน เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัตภัณฑ์อ้างอิง ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด พบว่าผู้ทดสอบมีความพึงพอใจในด้านรสชาติ การระคายเคืองช่องปากและความชอบโดยรวมต่อผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์อ้างอิงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ ตามผู้ทดสอบมีความพึงพอใจต่อสีและความโสของผลิตภัณฑ์ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์อ้างอิง ขณะที่ความพึงพอใจ ต่อกลิ่นและความสดชื่นหลังการบ้วนปากต่อผลิตภัตภัณฑ์ทั้ง 2 ไม่ต่างกัน ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็น ถึงศักยภาพของการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากสมุนไพรในเชิงพาณิชย์ต่อไป จากการวิเคราะห์ องค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดสมุนไพรด้วยวิธี HPLC ยังไม่สามารถระบุสารพฤกษเคมีที่เป็น องค์ประกอบได้ จึงจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคอื่น เช่น LC-MS เพิ่มเติมในอนาคต
บทคัดย่อ (EN): Since there is a high concern on the adverse effects of chemical agents, health industries, including dental care production, are now focusing on creating herb-derived produces. Dental caries is an infectious disease associated with Streptococcus spp., mainly Streptococcus mutans. This study aimed to investigate the in vitro inhibitory effect of the 95% ethanol extracts from five herbs, Psidium guajava L., Momordica cochinchinensis Spreng., Glycyrrhiza glabraL., Syzygium aromaticum L. and Piper retrofractum Vahl against S. mutans . Antimicrobial activity was primarily tested using disc diffusion method. A twofold broth dilution method was then performed to determine the minimum inhibitory concentration (MIC) of the extracts. All the extracts showed anti-bacterial activity against S. mutans. The maximal mean diameter of inhibition zone of 16.7±0.5 mm was produced by the S. aromaticum extract. G. glabra extract showed the lowest MIC (0.195 mg/ml) and minimum bactericidal concentration (MBC) (3.125 mg/ml). Checkerboard assay was used to explore synergistic effects of the extracts against the bacteria. A combined extract of S. aromaticum (0.195 mg/ml) and P. guajava (0.195 mg/ml) showed a synergistic effect (FICI 0.25) in inhibiting the growth of S. mutans. The extracts of S. aromaticum, P. guajava and G. glabra at the concentration of 0.38 mg/mL were then selected to be included in the formulation of herbal mouthwash. Appropriate physical characteristics, color, odor, clarity and taste, were found with formula no.5. This formula was also met the requirement of the stability tests (6 Freeze-thaw cycles and 48-hr, 60 rpm-shaking). It was found that the formula continuously exerted its anti-bacterial activity in time-kill assay, with a significant reduction of bacterial number in 30 seconds and less than 103 CFU/mL of bacteria in 2-8 hrs. From the preliminary safety test, there was no adverse reactions presented in 10 healthy volunteers after using the product. Fifty healthy volunteers were recruited to perform the satisfaction assessment of the product. The levels of satisfaction in terms of taste, irritation and overall satisfaction of our product were significantly higher than that of a control (a commercially available product). However, the volunteers rated lower levels of satisfactions toward our product in terms of color and clarity. There was no difference in satisfaction on odor and freshness of both products. These results showed the commercial potential of the herbal mouthwash developed in this project. Unfortunately, phytochemicals still cannot be identified by using HPLC. Thus, further experiments on phytochemicals such as LC-MS analysis is needed in the near future.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: น้ำยาบ้วนปาก
คำสำคัญ (EN): Mouthwash
เจ้าของลิขสิทธิ์: หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชเคมีและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาตำรับน้ำยาบ้วนปากสมุนไพรเพื่อป้องกันฟันผุ
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2557
การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผักและสมุนไพรเพื่อยับยั้งการย่อยไขมัน การพัฒนาเวชภัณฑ์และเภสัชภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดบัวบกสำหรับบาดแผลที่มีความลึกระดับที่สองแผลในช่องปากจากการได้รับการฉายรังสีและแผลปริทันต์ การพัฒนาเวชภัณฑ์และเภสัชภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดบัวบกสำหรับบาดแผลที่มีความลึกระดับที่สองแผลในช่องปากจากการได้รับการฉายรังสีและแผลปริทันต์ ปีที่ 2 โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 5 การพัฒนากระบวนการทําพองข้าวเกรียบกุ้งและแคบหมูด้วยไมโครเวฟและอินฟราเรดเพื่อทดแทนการทอด ศักยภาพของกากผักและผลไม้เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การพัฒนาสารฆ่าพยาธิจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากจมูกถั่วเหลืองโดยใช้เทคโนโลยีเอนไซม์ การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรอย่างมีประสิทธิภาพ การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ปีที่ 2) การพัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยงตัวเต็มวัยของหนอนเยื่อไผ่ (Omphisa fuscidentalis Hampson) นอกฤดูกาลเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก