สืบค้นงานวิจัย
การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปราในตับ ม้าม และปอดของแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อ leptospira interr
Arnon Pudgerd - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปราในตับ ม้าม และปอดของแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อ leptospira interr
ชื่อเรื่อง (EN): Detection of leptospiral antigen in the livers spleens and lungs of hamsters infected with leptospira interrogans serovar pyrogenes by immunoperoxidase technique
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Arnon Pudgerd
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อศึกษาหาตำแหน่งแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปรา ในเนื้อเยื่อ ตับ ม้าม และปอดของแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อ L. interrogans ซีโรวาร์ pyrogenes กลุ่มละ 3 ตัวที่ ถูกฆ่าในชั่วโมงที่ 1 และ 6 และในทุกวันจากวันที่ 1 ถึงวันที่ 6 หลังจากติดเชื้อ โดยนำเอาอวัยวะ ดังกล่าวที่ติดเชื้อผ่านกระบวนการเพื่อศึกษาตำแหน่งแอนติเจน โดยใช้เทคนิคอิมมูโนเพอร์ออกซิ เดส ผลของการศึกษาพบสีน้ำตาลทอง ซึ่งเป็นตำแหน่งของแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปรา ในตับ พบแอนติเจนภายใน cytoplasm และรอบนอกของ hepatocyte ที่อยู่ใกล้ portal area ใน ระยะแรกๆของการติดเชื้อ ส่วนในระยะหลังๆก็จะพบใน hepatocyte ที่อยู่ระหว่าง portal area และ central vein นอกจากนี้ยังปรากฏแอนติเจนที่ portal triad hepatic sinusoid และ central vein ซึ่งความเข้มของสีน้ำตาลทองที่พบนั้นแตกต่างกันและเป็นไปตามทิศทางของกระแสโลหิต ในม้ามจะพบแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปราใน capsule และ trabeculae รวมทั้งเซลล์ใน white pulp และ red pulp ซึ่งสัมพันธ์กับบริเวณที่เกิดพยาธิสภาพ ส่วนในปอดจะพบแอนติเจนของเชื้อ เลปโตสไปราใน cytoplasm ของเซลล์ที่บุ bronchus bronchioleและถุงลม ทั้งนี้ม้าม และปอด น่าจะได้รับเชื้อเลปโตสไปราและ/หรือ แอนติเจนจากกระแสโลหิตเช่นเดียวกับตับเพราะหลอด โลหิตและเม็ดเลือดแดงของอวัยวะเหล่านี้ปรากฏแอนติเจน นอกจากนี้ยังพบแอนติเจนภายใน cytoplasm ของเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ในทุกกลุ่มของการทดลอง ซึ่งเซลล์นี้มาทำหน้าที่ กำจัดเชื้อเลปโตสไปรา โดยได้กินแอนติเจนเหล่านี้เข้าไปอยู่ใน cytoplasm โดยสรุปจะพบ แอนติเจนของเลปโตสไปราเสมอในบริเวณที่มีรายงานว่ามีพยาธิสภาพเกิดขึ้น ดังนั้นแอนติเจน เหล่านี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดพยาธิสภาพในอวัยวะต่างๆที่ติดเชื้อ
บทคัดย่อ (EN): The objective of this study was to detect the leptospiral antigens in the liver, spleen and lung tissue sections of hamsters infected with Leptospira interrogans serovar pyrogenes. Three infected hamsters of each group were sacrificed at 1 hour, 6 hours and on day 1, 2, 3, 4, 5 and 6 after infection. The tissue of all sacrificed animals were removed and processed for the immunoperoxidase staining technique. Concerning the liver, this staining technique showed the positive golden brown coloration deposited in the cytoplasm and boundary of hepatocytes nearby the portal area in the early groups of infection, and in the late groups they were also found in the hepatocytes located throughout the area between the portal area and central vein. In the portal triad, hepatic sinusoid and central vein appeared the leptospiral antigens with various staining intensities from mild to intensive coloration, and might have been due to the direction of the blood circulation from the portal area to the central vein. The spleen of all infected groups displayed leptospiral antigens in the capsule, trabeculae, white pulp and red pulp which are related to the reported histopathological area. In the infected lung, leptospiral antigens were found in the cytoplasm of the epithelia lining the bronchus, bronchiole and alveolus. The organs studied might suffer from the leptospires and/or their antigens in the blood circulation because the components of blood vessels and red blood cells showed positive stain. Additionally, in the neutrophils appeared leptospiral antigens deposited in the cytoplasm in all infected experimental groups. These cells might have engulfed the leptospires and/or their antigens. The leptospiral antigens were always located in the organs that histopathology indicated were diseased. Therefore, the leptospiral antigens that were found should be a primary cause of the histopathology of all infected organs.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=5042&obj_id=3264
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Leptospira interrogans
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อศึกษาหาตำแหน่งแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปรา ในเนื้อเยื่อ ตับ ม้าม และปอดของแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อ L. interrogans ซีโรวาร์ pyrogenes กลุ่มละ 3 ตัวที่ ถูกฆ่าในชั่วโมงที่ 1 และ 6 และในทุกวันจากวันที่ 1 ถึงวันที่ 6 หลังจากติดเชื้อ โดยนำเอาอวัยวะ ดังกล่าวที่ติดเชื้อผ่านกระบวนการเพื่อศึกษาตำแหน่งแอนติเจน โดยใช้เทคนิคอิมมูโนเพอร์ออกซิ เดส ผลของการศึกษาพบสีน้ำตาลทอง ซึ่งเป็นตำแหน่งของแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปรา ในตับ พบแอนติเจนภายใน cytoplasm และรอบนอกของ hepatocyte ที่อยู่ใกล้ portal area ใน ระยะแรกๆของการติดเชื้อ ส่วนในระยะหลังๆก็จะพบใน hepatocyte ที่อยู่ระหว่าง portal area และ central vein นอกจากนี้ยังปรากฏแอนติเจนที่ portal triad hepatic sinusoid และ central vein ซึ่งความเข้มของสีน้ำตาลทองที่พบนั้นแตกต่างกันและเป็นไปตามทิศทางของกระแสโลหิต ในม้ามจะพบแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปราใน capsule และ trabeculae รวมทั้งเซลล์ใน white pulp และ red pulp ซึ่งสัมพันธ์กับบริเวณที่เกิดพยาธิสภาพ ส่วนในปอดจะพบแอนติเจนของเชื้อ เลปโตสไปราใน cytoplasm ของเซลล์ที่บุ bronchus bronchioleและถุงลม ทั้งนี้ม้าม และปอด น่าจะได้รับเชื้อเลปโตสไปราและ/หรือ แอนติเจนจากกระแสโลหิตเช่นเดียวกับตับเพราะหลอด โลหิตและเม็ดเลือดแดงของอวัยวะเหล่านี้ปรากฏแอนติเจน นอกจากนี้ยังพบแอนติเจนภายใน cytoplasm ของเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ในทุกกลุ่มของการทดลอง ซึ่งเซลล์นี้มาทำหน้าที่ กำจัดเชื้อเลปโตสไปรา โดยได้กินแอนติเจนเหล่านี้เข้าไปอยู่ใน cytoplasm โดยสรุปจะพบ แอนติเจนของเลปโตสไปราเสมอในบริเวณที่มีรายงานว่ามีพยาธิสภาพเกิดขึ้น ดังนั้นแอนติเจน เหล่านี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดพยาธิสภาพในอวัยวะต่างๆที่ติดเชื้อ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเลปโตสไปราในตับ ม้าม และปอดของแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อ leptospira interr
Arnon Pudgerd
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
ลักษณะทางฟีโนไทป์ของเชื้อ Burkholderia thailandensis ก่อนและหลังจากติดเชื้อ bacteriophage ที่แยกได้จากเชื้อ Burkholder สมบัติต้านเชื้อราของสารสกัดจากพืชบางชนิดต่อโรคที่เกิดจากเชื้อราในกุหลาบและเบญจมาศ การตรวจหาและการหาลักษณะของพลาสมิดที่แยกจากเชื้อ Lactobacillus spp. องค์ประกอบทางเคมีของเชื้อรา Aigialus parvus BCC 5311 และจากเชื้อราสายพันธุ์ BCC 2629 การตรวจหาเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคอย่างรวดเร็วในตัวอย่างซีรัมด้วยวิธีดูเพล็ก-พีซีอาร์และการไฮบริไดเซชันด้วยโพรบที่สังเคราะห์ 2 ช การติดเชื้อ Flavobacterium columnare ของปลาดุกบิ๊กอุยที่ได้รับเชื้อจากปลาดุกอเมริกัน การตรวจสอบและการควบคุมเชื้อรา Colletotrichum spp. สาเหตุโรคแอนแทรคโนสของมะม่วงที่ดื้อต่อสารป้องกันกำจัดเชื้อราคาร์เบนดาซิม บทบาทของโมเลกุลเกาะติดของโฮสต์และภูมิคุ้มกันแบบ Innate ต่อสปอร์ของเชื้อรา penicillium marneffei ฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคพืชในมะเขือเทศของเชื้อเอนโดไฟติกสเตรปโทไมซิสสายพันธุ์ P4 การตรวจหาและการจำแนกเชื้อเลปโตสไปร่าชนิดก่อโรคและไม่ก่อโรคโดยวิธีการปฏิกริยาลูกโซ่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก