สืบค้นงานวิจัย
การจัดการธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านโคกตาอิ่ม ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
นงลักษณ์ สุพรรณไชยมาตย์ - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การจัดการธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านโคกตาอิ่ม ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ชื่อเรื่อง (EN): Business management for organic fertilizer of Ban Khok Ta Im Tambon Thanon Hak, Amphoe Nang Rong, Changwat Buri Ram
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นงลักษณ์ สุพรรณไชยมาตย์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nongluck Suphanchaimart
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ปัจจุบันเกษตรกรนิยมใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระบบการเกษตร โดยเฉพาะภาค ตะวันออกเฉียงเหนือที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์อย่างแพร่หลาย จึงเกิดการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขึ้นด้วยความสนับสนุนจากภาครัฐในหลายพื้นที่แต่ยังขาดการศึกษาซึ่งเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ กรณีกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์บ้านโคกตาอิ่ม ตําบลถนนหักอําเภอนางรอง จังหวัด บุรีรัมย์และผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มโดยการสอบถามเกษตรกรแกนนําผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และสัมภาษณ์ผู้ใช้ปุ๋ยของกลุ่มจํานวน 30 ราย ในพื้นที่เดียวกัน ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เริ่มทําการผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนเริ่มแรกจากโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และระดมทุน จากการขายหุ้นแก่สมาชิกในปีพ.ศ. 2554 กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์จําหน่ายถึง 1,161 กระสอบ ซึ่งเพิ่มปริมาณการผลิตในอัตรากว่าร้อยละ 85 ต่อปีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มใช้ปุ๋ยคอกเป็นวัตถุดิบหลัก ปัจจุบันกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนและใช้กําลังการผลิตประมาณ 70% จากการศึกษาความพึงพอใจของเกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ พบว่าเกษตรกรมีระดับความพึงพอใจในคุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่ม ขนาดและลักษณะของบรรจุภัณฑ์การจัดจําหน่ายและการบริการ และแสดงความสนใจที่จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยยินดีที่จะซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มในราคาสูงขึ้นร้อยละ 7 หากกลุ่มใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่มีตราสินค้าและมีการรับรองคุณภาพ อย่างไรก็ตามคาดว่ากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตจะขาดแคลนปุ๋ยคอกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต หากต้องขยายการผลิตเพื่อการตอบสนองความต้องการของตลาดซึ่งย่อมหมายถึงการจัดหาเครื่องมือเพิ่มเติม และจัดซื้อปุ๋ยคอกในพื้นที่ห่างไกล ดังนั้นกลุ่มเกษตรกรจําเป็นต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของเกษตรกร โดยเฉพาะการวางแผนจัดซื้อปุ๋ยคอกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
บทคัดย่อ (EN): Recently, farmers have been using organic fertilizer together with chemical one in order to sustain soil fertility. This is prevalent in Northeast of Thailand where the area is endowed with poor soil and farmland suited for animal raising. This leads the government to support village level organic fertilizer production operated by farmer groups in many areas. However there is a few study available related to producers and users of organic fertilizer in the same areas. This study was conducted in order to assess. The organic fertilizer business by using a case study of the organic fertilizer group at Ban Khok Ta Im Tambon Thanon Hak Amphoe Nang Rong Changwat Buri Ram as well as users’ evaluation. Village leaders of the organic fertilizer farmer group and 30 farmer users were interviewed. The results indicated that farmer group started their organic fertilizer manufacturer since 2009, received initial fund from the community project together with village fund raising through the group members. In 2011, the group could produce organic fertilizers for selling about 1,161 sacks which has increased at rate over 85 percent per year. Organic fertilizer of the group was produced by using mainly animal manure. Therefore, the group has been producing organic fertilizer only during February to April which is accounted for 70 percent of production capacity. The study of satisfaction of farmers who used organic fertilizer found that farmers were satisfied with the product quality of their packaging, price and service. They are interested in buying organic fertilizer of the group at a higher price of about 7 percent if the group would redesign packaging, and include quality assurance. Nevertheless, the group was expected to face problem of under supply of animal manure which is the main input for production. If they want to expand production in response to market demand the group would encounter higher production cost because they would have to purchase manure from more distant areas. Therefore, the group needs to plan for production together with input procurement planning to be able to response to organic fertilizer demand expansion.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
จำนวนหน้า: 7
เอกสารแนบ: https://ag2.kku.ac.th/kaj/PDF.cfm?filename=302-308.pdf&id=1004&keeptrack=19
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: ธุรกิจชุมชน
คำสำคัญ (EN): Community Business
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านโคกตาอิ่ม ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2555
การศึกษาวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งไม้ สภาพการผลิตและการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสมาชิกกลุ่มเกษตรกรทำนาในอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาเกษตรกร สภาพการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าวของสมาชิกกลุ่มเกษตรกรทำนา ตำบลพลับพลา อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจของเกษตรกรที่มีต่อการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี การจัดการดินกรดร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมเพื่อผลิตกระเจี๊ยบอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 29 จังหวัดลพบุรี การจัดการการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการเสี่ยงในการผลิตข้าว นวัตกรรมสำหรับกลุ่มวัสดุปรับปรุงคุณภาพปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ และดินพร้อมปลูก: เครื่องอัดเม็ดปุ๋ยอินทรีย์ระดับเกษตรกร ความคิดเห็นของเกษตรกรต่อการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีรองพื้นในการปลูกอ้อยในจังหวัดราชบุรี สภาพการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าวของเกษตรกรตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก