สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาปริมาณสารสำคัญและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของพืชวงศ์แตง 5 ชนิด ในประเทศไทยเพื่อประยุกต์ใช้เป็นสารป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร
ทัศนีย์ ชาเจียมเจน - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
ชื่อเรื่อง: การศึกษาปริมาณสารสำคัญและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของพืชวงศ์แตง 5 ชนิด ในประเทศไทยเพื่อประยุกต์ใช้เป็นสารป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร
ชื่อเรื่อง (EN): Study of Bioactive Contents and Antioxidant Capacities of 5 Plant in CUCURBITACEAE group in Thailand to Used as Antimicrobial Agents in Food Packaging
บทคัดย่อ: ประสิทธิภาพของสารสกัดพืชวงศ์แตงจากการสกัดดัวยวิธีการสกัดด้วยน้ำและการสกัดด้วยตัวทำละลายทำการศึกษาทั้งในระดับห้องปฏิบัติการ โดยทำการวิเคราะห์ปริมาณสารเคมีในสารสกัด กิจกรรมการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และปริมาณสารที่น้อยที่สุดที่สามารถยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ได้ จากการศึกษาพบว่าปริมาณสารสำคัญที่พบมากที่สุดจากการสกัดด้วยน้ำคือ camphene, 1,8-cineol and ?-pinene ในขณะที่ปริมาณสารสำคัญที่พบมากที่สุดจากการสกัดด้วยตัวทำละลายคือ ?-phellandrene and 1,8-cineol จากการศึกษาการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บริสุทธิ์พบว่า สารสกัดที่ได้จากการสกัดทั้ง 2 วิธี สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ Bacillus subtilis, Bacillus nutto, Pseudomonas aerugenosa, Rhodoturola sp., Samonella newport DMST 15675, Samonella enteritidis DMST 15676 and Fusarium sp. ได้ และไม่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ Escherichia coli, Campylobactor coli NTCT 11353 and Campylobacteor jejuni ATCC 33291 อย่างไรก็ตามปริมาณที่น้อยที่สุดที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ของสารสกัดที่ได้จากการสกัดทั้ง 2 วิธีไม่มีความแตกต่างกัน จากการศึกษาการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์โดยการศึกษาที่ปริมาณสารสกัด 0 5 10 และ 15 ?l และทำการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 4 วัน พบว่า การใช้สารสกัดที่ปริมาณ 5 และ 10 ?l สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ปริมาณสาร 15 ?l สามารถลดปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีในวันที่ 1 ของการเก็บรักษา และทำการศึกษาชนิดของสารและปริมาณที่ถูกปลดปล่อยในภาชนะบรรจุพบว่า สารที่สามารถวิเคราะห์พบคือ ?-pinene, camphene, ?-phellandrene and 1,8-cineol และมีปริมาณลดลงตลอดการเก็บรักษา จากการศึกษาคุณสมบัติของสารสกัดพืชวงศ์แตงที่สผมในเมทิลเซลลูโลสและนำไปเคลือบบนแผนพลาสติกชนิด PVC โดยทำการศึกษาที่ปริมาณของเมทิลเซลลูโลสและโพลีเอทิลีนไกลคอลต่างๆ และนำไปขึ้นรูปที่อุณหภูมิ และเวลาต่างกัน โดยทำการศึกษาความหนา ค่าความสว่าง การยึดติดของวัสดุเคลือบ อัตราการซึมผ่านก๊าซอ็อกซิเจน และอัตราการซึมผ่านของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการศึกษาพบว่า ปริมาณของเมทิลเซลลูโลสและโพลีเอทิลีนไกลคอลไม่มีผลต่อค่าการยึดติดของวัสดุเคลือบ แต่จะมีผลต่อค่าความหนา โดยเมื่อปริมาณเมทิลเซลลูโลสและโพลีเอทิลีนไกลคอลเพิ่มขึ้น ความหนาของวัสดุเคลือบจะเพิ่มขึ้น สำหรับค่าความสว่างมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณเมทิลเซลลูโลสและโพลีเอทิลีนไกลคอล สำหรับค่าอัตราการซึมผ่านก๊าซอ็อกซิเจน และอัตราการซึมผ่านของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะมีผลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณเมทิลเซลลูโลสและโพลีเอทิลีนไกลคอล จากการศึกษาพบว่าอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดคือ 3% เมทิลเซลลูโลสและ 1 %โพลีเอทิลีนไกลคอล ทำการขึ้นรูปที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 120 นาที การผสมสารสกัดพืชวงศ์แตงในเมทิลเซลลูโลส และเคลือบบนพลาสติกชนิด PVC พบว่ามีผลต่อคุณสมบัติของพลาสติก และจำนวนที่สามารถผสมได้มากที่สุด คือ 0.2 % จากการศึกษาการลดลงของปริมาณสารตลอดกระบวนการขึ้นรูปวัสดุเคลือบ พบว่าสามารถวิเคราะห์พบสาร ? – pinene, camphene, ? – pinene, ? – phellandrene และ Eucalyptol แต่พบสาร ? – pinene ในปริมาณค่อนข้างต่ำ ในขณะที่การผสมสารสกัดพืชวงศ์แตงลงในวัสดุเคลือบจะส่งผลกับการยึดเกาะของวัสดุเคลือบและคุณสมบัติการซึมผ่านของก๊าซ จากการศึกษาผลของสารสกัดขิงที่ผสมลงในวัสดุเคลือบต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์พบว่าไม่พบการเจริญเติบโตของเชื้อราในบรรจุภัณฑ์ และวิเคราะห์ไม่พบปริมาณเชื้อราในตัวอย่างทดลอง แต่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และเชื้อยีสต์ได้ โดยที่ปริมาณของเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ในการเก็บรักษาวันที่ 1 และเพิ่มขึ้นตลอดการเก็บรักษา การเพิ่มปริมาณสารสกัดพบว่าสามารถลดปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติตลอดการเก็บรักษา
บทคัดย่อ (EN): The antimicrobial potential of CUCUBITACEAE group oil extracted by hydrodistillation and solvent extraction method was studied both in vitro and in vivo. Chemical compounds in oil extracts, their antimicrobial activity and minimum inhibitory concentration (MIC) were determined. It was found that the major constituents of CUCUBITACEAE group by hydrodistillation method were camphene, 1,8-cineol and ?-pinene, while by solvent extraction, ?-phellandrene and 1,8-cineol. The oil extracts obtained by both extraction methods inhibited Bacillus subtilis, Bacillus nutto, Pseudomonas aerugenosa, Rhodoturola sp., Salmonella newport DMST 15675, Salmonella enteritidis DMST 15676 and Fusarium sp. but not Escherichia coli, Campylobacter coli NTCT 11353 and Campylobacter jejuni ATCC 33291. MIC of both oil extracts was not different in amount concentration for inhibited microorganism. Under in vivo conditions, samples were treated with CUCUBITACEAE group (0, 5, 10 and 15 ?l) and kept at 13 ?C for 4 days. The results showed that microbial growth decreased markedly with application of 5 or 10 ?l CUCUBITACEAE group Major volatiles detected in the headspace of treated package were ?-pinene, camphene, ?-phellandrene and 1,8-cineol. The properties of methylcellulose (MC)- CUCUBITACEAE group extract coated polyvinyl chloride (PVC) sheet at various MC and polyethylene glycol (PEG) levels, drying time and temperature, and CUCUBITACEAE group concentration were determined based on the thickness, lightness, coating adhesion and oxygen permeability of the film For MC-coated PVC sheet, MC and PEG content did not significantly affect coating adhesion but coating thickness differed, with the highest amount of MC (5%) and PEG (3%) producing the thickest coating which was the lightest. PEG decreased oxygen permeability. Among the coating treatments, 3% MC and 1% PEG was most desirable for CUCUBITACEAE group extract coating at a drying time of 50?C for 120 minutes. CUCUBITACEAE group mixed in MC has an effect with plastic properties. Maximum amount of CUCUBITACEAE group can be added in PVC sheet was 0.2%. Volatile compounds were determined during each step of preparation of MC- CUCUBITACEAE group coated PVC sheet. Most volatiles were still present in the coated sheet except ?-pinene. Addition of oil extract worsened the adhesion of the coating to the PVC sheet and the oxygen barrier property. Bacteria and yeast population on sample increased with time of storage. MC- CUCUBITACEAE group coated PVC sheet significantly decreased bacteria and yeast growth throughout the storage period.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
คำสำคัญ: ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาปริมาณสารสำคัญและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของพืชวงศ์แตง 5 ชนิด ในประเทศไทยเพื่อประยุกต์ใช้เป็นสารป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
30 กันยายน 2558
การศึกษาปริมาณสารสำคัญ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสำรับอาหารไทย ปัจจัยที่มีผลต่อสารสำคัญและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดใบขลู่ การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารกลุ่มฟีนอลิกในผลเม่า (Antidesma sp.) ผลของการเก็บรักษาไรแดงต่อการเจริญเติบโตของปลา อัตราการเจริญเติบโตและอัตรารอดตายของปลิงทะเล (Holothuria scabra Jaeger, 1833 และ H. atra Jaeger, 1833) ที่เลี้ยงด้วยอาหารต่างชนิดกัน ปริมาณสารประกอบฟีนอล ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ของผักพื้นบ้านในจังหวัดพิษณุโลก การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากการเพาะเลี้ยงจมูกข้าว มะม่วงดอง : การเปลี่ยนแปลงทางเคมีและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ปริมาณกรดอินทรีย์ น้ำตาล สารฟีนอลิกทั้งหมดและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของคอแลน (Nephelium hypoleucum Kurz)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก